เมื่อขบวนการเคลื่อนไหวเลือกจับอาวุธ
เมื่อขบวนการเคลื่อนไหวเลือกจับอาวุธ[1]
แปลโดย นุ่มนวล ยัพราช
ไมค์ กอนซาเลซ เสนอว่าการต่อสู้ที่จับอาวุธมีทางเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมันเป็นการตอบโต้ต่อ การถูกปราบปรามโดยรัฐ หลายคนมองว่าขบวนการเคลื่อนมวลชนเดินผิดแนวทางโดยเลือกใช้แนวทางการต่อสู้ แบบจับอาวุธ ในทุกมิติของการต่อสู้แบบกองกำลังมันพลิกคว่ำความทรงพลังอันยอดเยี่ยมของมวล ชนไปสู่สงครามกลางเมืองที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ผู้วิจารณ์มีอารมณ์ความโศกเศร้าแทนที่จะเป็นความโกรธแค้น เขามองว่าขบวนการปฏิวัติได้สูญเสียความชอบธรรม และการหยุดการนองเลือดกลายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่สุด
พวกนี้เสียดายที่ขบวนการปฏิวัติไม่เลือกเดินในแนวทางสันติวิธีเท่านั้น แต่ไมค์ กอนซาเลซ คิดว่าข้อเสนอนี้ ไม่ได้รับการพิสูจน์ในทางประวัติศาสตร์ ขบวนการปฏิวัติไม่ได้เลือกที่จะจับอาวุธง่ายๆ ถ้าเป็นการตัดสินใจภายใต้ยุทธศาสตร์การต่อสู้ปกติ แต่พวกเขาถูกบังคับด้วยสถานการณ์
ทุกรัฐทุนนิยมมันดำรงอยู่ได้ภายใต้เงื่อนไขสุดท้ายคือการใช้กำลังบังคับ หรือที่ แอนโทนีโอ กรัมชี่ นักปฏิวัติชาวอิตาลี่ ได้อธิบายไว้ "กำปั้นเหล็กของรัฐจะถูกปกปิดด้วยถุงมือกำมะหยี่ ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นปกติชนชั้นนำเลือกที่จะปกครองด้วยถุงมือกำมะหยี่ภาย ใต้พันธสัญญา หรือ กฎหมาย มากกว่าที่จะใช้กำลังบังคับ แต่เมื่อใดที่รัฐถูกท้าท้ายอย่างหนัก การใช้กำลังบังคับปรามอย่างป่าเถื่อนจะเผยตัวของมันออกมาอย่างเป็นระบบ"
กรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้น ในประเทศชีลี ในปี 1973(๒๕๑๖) ชนชั้นกรรมาชีพได้เริ่มเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและสถาบันต่างๆของสังคม และสามารถตั้งคำถามและท้าทายโครงสร้างอำนาจของรัฐเดิมได้อย่างทรงพลัง หลังจากนั้นพวกเขาถูกตอบโต้กลับจากอำนาจรัฐอย่างป่าเถื่อน โดยกองทัพได้ปราบปรามคนงานอย่างเป็นระบบด้วยรัฐประหารขอ งนายพลปิโนเช่ นายพลเผด็จการ ได้พูดว่าเขากำลังต่อสู้กับศัตรูภายใน –ใครก็ตามที่เป็นและสร้างปัญหาให้กับระเบียบเดิมของชนชั้นปกครองนั่นเอง
ในทศวรรษต่อมา มาเกเรท แททเชอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ใช้ประโยคเดียวกันเพื่อปราบทำลายการนัดหยุดงานของคนงานเหมืองแร่ ผ่านการระดมกองกำลังของรัฐ
เช่นเดียวกัน เมื่อประธานาธิบดี บาชา อัลอะสัด ของซีเรีย ออกมาประกาศว่าเขาจะใช้อาวุธเคมีและชีวภาพ เพื่อต่อสู้กับฝ่ายกบฏซึ่ง อัลอะสัด อ้างว่าเป็น “พวกต่างชาติ” มันมีสาระอันเดียวกันอย่างสุดขั้ว
การป้องกันตัวเอง
คำถามเกี่ยวกับวิธีการที่จะปกป้องขบวนการอย่างไรเป็นคำถามที่หลีกเลี่ยงไม่ ได้ ถ้าพวกเรารู้ล่วงหน้าว่ารัฐทุนนิยมจะใช้กองกำลังติดอาวุธปราบปรามเรา
ทุกวันนี้ในซีเรีย ขบวนการเคลื่อนไหวที่เริ่มต้นด้วยความสันติเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูป ได้หันมาเลือกใช้แนวทางการจับอาวุธเพื่อตอบโต้การสังหารโหดของรัฐซีเรีย ซึ่งกำลังเกิดขึ้น นี่ไม่ใช่สูตรที่จะนำไปสู่ความพ้ายแพ้ของมวลชน กองกำลังขนาดใหญ่ของรัฐเต็มไปด้วยอาวุธมหาศาลแต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็น เครื่องมือที่ปราบปรามประชาชนที่กำลังลุกสู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอไป
ประวัติศาสตร์ได้เสนอหลายช่วงเหตุการณ์ให้เราศึกษา ที่ดุลอำนาจไม่ได้ไปในทิศทางของรัฐ จาก คอมมูนปารีส 1879 ถึง การปฏิวัติรัฐเซีย และ จากการปฏิวัติสเปน 1936 ถึง การลุกขึ้นสู้ของชาวอาหรับ(อาหรับสปริง) ด้วยเหตุผลที่เฉพาะกับช่วงเวลาหนึ่งๆ ที่ประชาชนธรรมดา ปฏิเสธที่จะถูกปกครองด้วยกติกาเดิมๆ ขบวนการมวลชนได้ผุดขยายขึ้นมา เหมือนกับที่มันได้เกิดขึ้นในช่วงนี้ที่ประเทศซีเรีย