ทำไมเงียบเหมือนป่าช้า?
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
มิตร
สหายหลายคนอาจสงสัยและกังวลว่าตอนนี้ทำไมทุกอย่างเงียบเหมือนป่าช้า
บางคนอาจหดหู่ด้วย
แต่เราไม่ต้องหดหู่ถ้าเราวิเคราะห์สาเหตุและประเมินสถานการณ์ได้
เราต้องตั้งคำถามว่าปรากฏการณ์ความเงียบนี้ เป็นแค่เรื่องชั่วคราว หรือเป็นชัยชนะของคณะทหารเถื่อน?
เราต้องตอบคำถามนี้ด้วยปัญญาและการไม่หลอกลวงตนเอง
ในประการแรก การที่ทหารเรียกนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยเข้าพบ เพื่อสอบสวน
ข่มขู่ และกักขัง พร้อมกับการยัดข้อหา 112กับบางคน
และกดดันไม่ให้ใครเคลื่อนไหวต่อไปด้วยคำขู่ว่าจะติดคุก
ได้สร้างความหวาดระแวงในหมู่นักเคลื่อนไหวจำนวนมาก
โดยเฉพาะเวลาคนที่เคยจุดประกายนำร่องอย่าง บก.ลายจุดถูกจับ
ดังนั้นหลายคนหยุดเคลื่อนไหว ปิดเฟสบุ๊ก หรือหยุดสื่อสารทางอินเตอร์เน็ด
และการประท้วงบนท้องถนนก็เงียบไป
ในประการที่สองเราต้องเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างมวลชนขบวนการเสื้อแดง
กับแกนนำนปช. และทักษิณ
เพราะเสื้อแดงเป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุด
ในประวัติศาสตร์ไทย และทั้งๆ
ที่คนจำนวนหนึ่งที่ประท้วงรัฐประหารเมื่อเดือนก่อนอาจไม่ใช่เสื้อแดง
หรือเป็นเสื้อแดงก้าวหน้าอิสระ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าในอนาคต
ถ้าจะล้มเผด็จการทหารเถื่อนนี้ และจัดการกับประยุทธ์มือเปื้อนเลือด
มวลชนเสื้อแดงยังมีความสำคัญถึงขนาดชี้ขาดว่าจะสำเร็จได้หรือไม่
เสื้อแดงส่วนใหญ่ยอมรับการนำของ นปช. และชื่นชมพรรคเพื่อไทยกับทักษิณ
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเสื้อแดงเป็นแค่เครื่องมือของทักษิณหรือเพื่อไทย
เลย เพราะเสื้อแดงในชุมชนต่างๆ มีการจัดตั้งกันเอง
และเสื้อแดงทุกคนมีเป้าหมายในการต่อสู้เพื่อขยายประชาธิปไตย
ซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงกับคนส่วนใหญ่
เสื้อแดงไม่ได้ออกมาสู้เพื่อเจ้านายทักษิณอย่างที่พวกสลิ่มหรือนักวิชาการ
นักเอ็นจีโออ้าง
ดังนั้นเรื่องการนำและการจัดตั้งสำคัญยิ่ง
ในเมื่อทักษิณกับเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ยกธงขาวยอมแพ้
และบางคนดูเหมือนจะร่วมมือกับคณะทหารเผด็จการ
กระแสการนำในขบวนการเสื้อแดงไม่ได้ชักชวนให้มวลชนต่อสู้แต่อย่างใด
สาเหตุที่ทักษิณและเพื่อไทยไม่ยอมสู้
ก็เพราะเขาไม่ต้องการล้มระบบอำมาตย์แบบถอนรากถอนโคน
ซึ่งอาจเกิดขึ้นถ้ามีการต่อสู้ของมวลชนจำนวนมากบนท้องถนน ในชุมชน
และในสถานที่ทำงาน ทักษิณกับคนส่วนใหญ่ที่เป็นนักการเมืองเพื่อไทย
หวังจะประนีประนอมกับทหารในอนาคต เขาพร้อมจะเล่นการเมืองต่อด้วย
ไม่ว่าจะมีประชาธิปไตยระดับไหน แต่เราต้องไปไกลกว่านั้น
การที่เสื้อแดงจำนวนมากเงียบตอนนี้
ไม่ใช่เพราะถูกสั่งให้เงียบโดยทักษิณหรือแกนนำนปช.
แต่เพราะไม่มีการนำในการต่อสู้ ยังขาดความมั่นใจอยู่
การนำดังกล่าวเกิดได้โดยที่ต้องทำงานจัดตั้งใต้ดิน และแกนนำสำคัญๆ
ต้องประกาศจุดยืนจากต่างประเทศ แต่ทักษิณ เพื่อไทยกับ นปช.เลือกไม่ทำ
ในสถานการณ์แบบนี้การจัดตั้งอิสระ และการช่วงชิงการนำจากทักษิณ เพื่อไทย
และ นปช. เป็นเรื่องสำคัญ ถ้ามวลชนจะมีความมั่นใจพอที่จะสู้ต่อไป
การจัดตั้งอิสระดังกล่าว และการนำที่อิสระจาก นปช. หรือเพื่อไทย
เป็นสิ่งที่พวกเราเสนอมานานแล้ว ก่อนการทำรัฐประหารรอบนี้หลายปี
เราเสนอแบบนี้เพราะการ “ต่างคนต่างนำตนเอง” อย่างกระจัดกระจาย
อย่างที่เสื้อแดงก้าวหน้าเคยทำ
มันตอบรับกับสถานการณ์เผด็จการและภาระในการล้มเผด็จการไม่ได้
การจัดตั้งอิสระ และการเสนอการนำที่อิสระจาก นปช. หรือเพื่อไทย
อาจกำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยทุกวันนี้ก็ได้
เนื่องจากเป็นการทำงานที่ต้องปิดลับ เราจะไม่เห็นภาพชัดเจน
หรือการจัดตั้งดังกล่าวอาจไม่เกิดตอนนี้เพราะคนกลัวหรือสับสน แต่มันอาจเกิดในอนาคตอันใกล้ก็ได้
ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร คำตอบจะถูกตอบในรูปธรรมจากการกระทำของท่าน เพราะจะไม่มีใครมาทำให้ และถ้าเราไม่ทำอะไรทหารก็จะชนะรอบนี้
อย่างไรก็ตามเราต้องเข้าใจว่าถ้าทหารชนะรอบนี้
และสามารถสร้างระบบประชาธิปไตยจอมปลอมแบบพม่า มันก็แค่สถานการณ์ชั่วคราวอีก
เราสามารถมั่นใจตรงนี้ได้เพราะวิกฤตการเมืองไทย
เกิดจากความขัดแย้งพื้นฐานในสังคม ระหว่างชนชั้นบนที่อนุรักษ์นิยม
ที่เคยชินกับการปกครองที่สร้างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและการเมือง
กับคนส่วนใหญ่ที่ตื่นตัวทางการเมืองและไม่พร้อมจะถูกมองข้ามอีกต่อไป
คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยต้องการมีส่วนร่วมและส่วนแบ่งเต็มที่
ไม่พร้อมจะอยู่ต่อไปแบบไพร่
ดังนั้นการสร้างภาพว่าทหาร “ชนะรอบนี้” ก็คงเป็นแค่ใบบัวเล็กๆ
ที่เอามาปิดช้างเน่าทั้งตัว มันปิดบังรอยร้าวในสังคมไม่ได้
และในที่สุดการต่อสู้จะระเบิดออกมาอีก แต่เมื่อไร และอย่างไร
ก็ขึ้นอยู่กับเราอีก
(ที่มา)