หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ปิยบุตร แสงกนกกุล: ทำความเข้าใจ กรณีตลก. ละเมิดอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ

ปิยบุตร แสงกนกกุล: ทำความเข้าใจ กรณีตลก. ละเมิดอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ

 

 

ภายหลังจากที่ตุลาการรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยคำร้องคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญกรณี รับคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา68 ไว้พิจารณาและคำสั่งให้รัฐสภาระงับการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญ ปิยบุตร แสงกนกกุล ได้เขียนข้อความลงในสเตตัสส่วนตัวต่อเนื่องเพื่ออธิบายหลักกฎหมายและกรณี ศึกษาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว และย้ำในที่สุดว่า ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องการละเมิดอำนาจนิติบัญญัติอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจกัน แต่เป้นการละเมิดอำนาจที่เหนือกว่านั้น คืออำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ

ประชาไทได้รวบรวมข้อความที่นักวิชาการผู้นี้เสนอผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเจ้าตัวอนุญาตให้นำเผยแพร่ และเรียบเรียงใหม่ เพื่อประกอบความเข้าใจในการติดตามข่าวดังกล่าว ดังนี้ (เน้นข้อความ และพาดหัวย่อยโดยประชาไท)


ข้อเท็จจริง
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม และกลุ่ม 40 ส.ว., นายวันธงชัย ชำนาญกิจ, นายวิรัตน์ กัลยาศิริ, นายวรินทร์ เทียมจรัส, นายบวร ยสินทร และคณะ ยื่นหนังสือให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 กรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐสภา พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา นายสุนัย จุลพงศธรและคณะ และนายภราดร ปริศนานันทกุล และคณะได้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลทำให้เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550

โดยคำร้องดังกล่าวขอให้ตุลาการวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตาม วิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่

1 มิ.ย. ตุลาการรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 รับคำร้องพิจารณาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สภาผู้แทนราษฎรกำลังดำเนินนั้นมี ลักษณะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งยังมีคำสั่งให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งรัฐสภาระงับการดำเนินเกี่ยว กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ก่อนจนกว่าศาลมีคำวินิจฉัยด้วย

โดยนายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะทีมโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมด้วยนายสมฤทธิ์ ไชยวงศ์ โฆษกศาลรัฐธรรมนูญ ได้ร่วมกันแถลงว่า “เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา ศาลมีคำสั่งให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งรัฐสภาระงับการดำเนินเกี่ยวกับ การแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ก่อนจนกว่าศาลมีคำวินิจฉัย นอกจากนี้ ให้ ครม. , รัฐสภา, พรรคเพื่อไทย, พรรคชาติไทยพัฒนา, นายสุนัย และนายภราดร มีหนังสือชี้แจงต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งสำเนาคำร้องและนัดคู่กรณีไต่สวนวันที่ 5-6 ก.ค.2555 เวลา 09.30 น. ซึ่งตุลาการจะเป็นการออกนั่งบัลลังก์ และหากไต่สวนได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้ว คณะตุลาการก็อาจนัดวันฟังคำวินิจฉัยได้เลย แต่หากข้อเท็จจริงยังไม่ครบถ้วนก็อาจไต่สวนเพิ่มเติมได้"

 

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/06/40829

ประมวลความเห็น "ใจ อึ๊งภากรณ์-สมศักดิ์ เจียมฯ-โด่ง อรรถชัย" อัดคำปราศรัย 19 พ.ค. 55 ของ "ทักษิณ"

ประมวลความเห็น "ใจ อึ๊งภากรณ์-สมศักดิ์ เจียมฯ-โด่ง อรรถชัย" อัดคำปราศรัย 19 พ.ค. 55 ของ "ทักษิณ"

 

 

 

ใจ อึ๊งภากรณ์


ทักษิณหลงตนเอง มองว่าวิกฤตไทยเกี่ยวกับเขาคนเดียว
นายใจ อึ๊งภากรณ์  ได้เผยแพร่บทความแสดงความเห็นตอบโต้ ภายหลังจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อสัญญาณวิดีโอลิงก์เข้ามายังเวทีราชประสงค์ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 55 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากเหตุรัฐบาลสมัยปี 2553 และศอฉ. ใช้กำลังอาวุธเข้าสลายผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง มีเนื้อหาดังนี้
นวันครบรอบสองปีการนองเลือดที่ราชประสงค์ ทักษิณโฟนอินและชวนให้เสื้อแดงยอมจำนนต่ออำมาตย์บนซากศพวีรชน

แต่ที่ตลกร้ายคือทักษิณคิดว่า "ความตาย 91 ศพ บาดเจ็บ 2 พันกว่าและติดคุกไม่มีครั้งไหนกระบวนการยุติธรรมเสียหายขนาดนี้ ...สิ่งที่เกิดขึ้นมาในอดีต 6 ปี เพื่ออย่างเดียว คือเพื่อไล่ล่าผมและผู้สนับสนุนผม"

ทักษิณกำลังอาศัย "อีโก้" อันยิ่งใหญ่ของตนเอง เพื่อบิดเบือนประวัติศาสตร์คนเสื้อแดงอย่างรุนแรง เพราะถึงแม้ว่าคนเสื้อแดงส่วนใหญ่จะรักทักษิณ

แต่คนเสื้อแดงไม่ได้ออกมาสู้กับทหารและประชาธิปัตย์เพื่อทักษิณ

เขาออกมาสู้เพื่อให้เขามีสิทธิเสรีภาพที่จะเลือกรัฐบาลที่ตนเองต้องการโดยไม่มีการแทรกแซงจากทหารหรือคนอื่นๆ

เขาออกมาสู้เพื่อยุติอำนาจมืดในสังคมของอำมาตย์
เขาออกมาสู้เพื่อให้มีเสรีภาพในการพูดเขียน และแสดงความเห็น

และเขาออกมาสู้เพื่อให้ตนเองดำรงอยู่ในสังคมที่มีความเป็นธรรม ทั้งทางเศรษฐกิจและทางกฏหมาย ซึ่งทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับความต้องการที่จะมี "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" แทนการเป็น "ไพร่" 

ทักษิณพูดต่อว่า "ถ้ามีการปรองดองเมื่อไหร่ ผมก็คงได้มีโอกาสกลับไปตอบแทนบุญคุณพี่น้อง" และเขามองว่าโฟนอินครั้งนี้ "คงจะเป็นครั้งสุดท้าย หวังว่าบ้านเมืองจะกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วเพื่อเราจะได้ไปร่วมกันรักษาสถาบันชาติ ศาสนา และกษัตริย์ และสถาบันประชาธิปไตยของเรา"

ประเด็นสำคัญคือ ทักษิณคงจะได้กลับบ้าน แต่คนที่จะต้อง "จ่าย" หรือ  "เสียสละ" คือนักโทษการเมือง และคนที่เสียชีวิตไป ซึ่งไม่มีโอกาสกลับบ้านเหมือนทักษิณ

ยิ่งกว่านั้น ถ้าไม่มีการแก้หรือยกเลิก 112 และถ้าไม่มีการลบผลพวงของรัฐประหาร 19 กันยา ตามข้อเสนอของคณะนิติราษฏร์ ประเทศไทยจะมีประชาธิปไตยเสรีไม่ได้เลย การปรองดองบนซากศพวีรชน คือการรับประกันว่าทหารและนักการเมืองจะเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าในประเทศไทยอีกในอนาคต เพราะทุกครั้งพวกฆาตกรลอยนวลเสมอ

ทักษิณพูดกล่อมให้เสื้อแดงสลายตัวว่า "พี่น้องใจเย็นๆ ลองดูสิว่า ประธานาธิบดีไลบีเรียขึ้นศาลโลกวันนี้ คดีเกี่ยวกับฆ่าคนเป็นอาชญากรสงคราม ก็ใช้เวลาหลายสิบปี ....กระบวนการให้ความเป็นธรรมต้องใช้เวลา ต้องอดทน" แต่ในคำสัมภาษณ์ที่เขมรเมื่อเดือนที่แล้วทักษิณพูดว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าประชาชนที่ราชประสงค์จะไม่ต้องขึ้นศาล และอันนี้เป็นเงื่อนไขของการปรองดองที่เขาสนับสนุน

สรุปแล้วทักษิณอยากยุบเสื้อแดง และให้เราลืมฆาตกรกับวีรชน

สาเหตุหนึ่งที่ทักษิณสามารถอ้างได้ว่าเสื้อแดงทำทุกอย่างเพื่อเขาคนเดียว ก็เพราะว่าเสื้อแดงก้าวหน้า หรือเสื้อแดงอิสระ ไม่มีการจัดตั้งและประสานการเคลื่อนไหวเข้มแข็งพอ เพราะจะต้องมีการช่วงชิงการนำจาก นปช. และ เพื่อไทย

เพื่อไม่ให้มีการหักหลังวีรชนและอุดมการณ์ประชาธิปไตยโดยคณะอำมาตย์ ใหม่ที่เชิญพรรคเพื่อไทยและทักษิณเข้ามาร่วมกับทหารและกลุ่มเผด็จการอื่นๆคน เสื้อแดงที่ไม่ยอมจำนนต่อเผด็จการน่าจะตาสว่างและเข้าใจภารกิจของตนเองใน ปัจจุบัน



สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล


รบ.-นปช. กำลัง "ตีสองหน้า" กับมวลชน


ด้านนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้แสดงความเห็นต่อการปราศรัยของอดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นจำนวนหลายกระทู้ มีเนื้อหาบางส่วนดังนี้

 

(อ่านต่อ

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1337594076&grpid=01&catid=01