คำวินิจฉัย"ศาล รธน." ปัจจัยจบ"ม็อบนกหวีด"?
จะจบได้จริงภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน ตามที่แกนนำคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ ได้ประกาศไว้หรือไม่
เพราะหากดูปัจจัยและเงื่อนไขจากฝั่งของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ยอมถอยแบบสุดซอย ทั้งการยอมถอนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ
และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รวม 6 ฉบับ
ออกจากระเบียบวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งที่ประชุมวุฒิสภา
ได้มีมติเอกฉันท์ไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย
ส่งคืนให้กับสภาผู้แทนราษฎรวัดใจอีกครั้งหลัง 180 วัน
แต่ดูจากสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้
คาดว่ารัฐบาลจะไม่กล้าหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเรียกม็อบอีกเป็นแน่
โดยมีคำมั่นสัญญายืนยันผ่านสัตยาบันของ 4 พรรคร่วมรัฐบาล
ว่าจะไม่หยิบยกร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาในลักษณะนิรโทษกรรมขึ้นมาพิจารณาอีก
หากแต่การถอยของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ผ่านวิธีการต่างๆ ยังไม่อาจทำให้ม็อบราชดำเนินของ สุเทพ เทือกสุบรรณ
เกิดความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะมีความจริงใจยอมถอยจริง
จึงนำมาซึ่งการยกระดับการเคลื่อนไหวชุมนุม ผ่านการแสดงอารยะขัดขืน 4 ข้อ
คือ 1.ให้ทุกคนทุกบริษัท ทุกหน่วยงานราชการ หยุดงานตั้งแต่วันที่ 13-15
พฤศจิกายน 2.ขอให้บรรดาพ่อค้านักธุรกิจ
ช่วยกรุณาไปปรึกษากันว่า
วิธีปฏิบัติในการชะลอการชำระภาษี อย่าให้รัฐบาลมีเงินภาษีออกมาใช้
3.ต่อสู้ด้วยสัญลักษณ์ สัญลักษณ์ของเราคนไทยคือ ธงชาติ ขอให้ทุกบ้าน
ทุกสำนักงาน ชักธงชาติขึ้นทั่วประเทศ ติดธงชาติไว้บนเสื้อผ้า ร่างกาย
รถยนต์ แขวนคอด้วยนกหวีด ไปไหนมาไหนพกไป 2 อย่าง คือนกหวีดและธงชาติ และ
4.ถ้าประชาชนพบเห็นนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ไม่ต้องพูดด้วย ไม่ต้องทำอะไร
ให้หยิบนกหวีดเป่าใส่อย่างเดียว เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ยอมรับรัฐบาล
หากจะประเมินปัจจัยที่จะทำให้ม็อบราชดำเนินจบได้ตามที่แกนนำอย่าง "สุเทพ"
ได้ประกาศไว้ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนั้น
เหตุการณ์ทางการเมืองที่น่าจับตามองคือ
กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในคดีแก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.
ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ในคำร้องที่กลุ่มสมาชิกวุฒิสภา จากสายสรรหา และ
ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68
ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สั่งระงับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้
ส.ว. 200 คน มาจากการเลือกตั้ง และให้ยุบ 6 พรรคร่วมรัฐบาลที่
ส.ส.ในสังกัดร่วมลงชื่อเห็นชอบกับการแก้ไข
และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารของ 6
พรรคร่วมรัฐบาลเป็นเวลา 5 ปี
ประเด็นที่กลุ่มผู้ยื่นคำร้อง
คาดหวังว่าจะสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ นั่นคือ เรื่องผลประโยชน์ขัดกัน คือ
ส.ว.แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตัวเองลงสมัคร ส.ว.ครั้งหน้าได้ จากเดิมที่เป็น
ส.ว.ติดต่อกันเกิน 1 วาระไม่ได้ รวมทั้งมีการแก้ไขให้ "ลูก เมีย สามี"
ลงสมัคร ส.ว.ได้ โดยจะโยงให้เห็นว่าอาจส่งผลให้ระบบตรวจสอบถ่วงดุลมีปัญหา
รวมทั้งกระบวนการพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบด้วยระเบียบข้อบังคับ
การประชุม อย่างการกดบัตรแทนกันของสมาชิกรัฐสภา