หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

"สเปน"ระส่ำหนัก "สหภาพแรงงาน"ผละงานประท้วง ทั่วประเทศกลายเป็นอัมพาต

"สเปน"ระส่ำหนัก "สหภาพแรงงาน"ผละงานประท้วง ทั่วประเทศกลายเป็นอัมพาต

 

 

 

Spaniards strike over labour laws, cuts

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ec-pwKz2LUE 



สหภาพแรงงานสเปนนัดผละงานในหลายเมืองทั่วประเทศ ประท้วงปัญหาการว่างงานที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และเรียกร้องให้รัฐปรับปรุงกฎหมายแรงงาน


สหภาพแรงงานในสเปนผละงานประท้วงต่อต้านนโยบายรัดเข็มขัด ของรัฐบาล ส่งผลให้ภาคการบริการและจราจรกลายเป็นอัมพาต โดยการบริการต่าง ๆ และเที่ยวบินในสเปนได้รับผลกระทบจากการผละงานประท้วงครั้งใหญ่ในวันนี้ ซึ่งเป็นการต่อต้านการปฏิรูปกฎหมายแรงงานและการตัดลดรายจ่ายของรัฐบาลซึ่ง รัฐให้เหตุผลว่ามีความจำเป็นสำหรับการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

การประท้วงมีขึ้นก่อนหน้าที่รัฐบาลจะเปิดเผยแผนงบประมาณประจำปี 2012  การประท้วงครั้งนี้นับเป็นการประท้วงใหญ่ครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีมาริอาโน่ ราฮอย ต้องเผชิญ  อย่างไรก็ดี รัฐบาลและสหภาพแรงงาน มีข้อตกลงกันไว้ว่าระหว่างที่มีการประท้วง จะมีรถไฟและรถโดยสารให้บริการอย่างน้อย 1 ใน 3 ขณะที่เที่ยวบินในประเทศจะมีอย่างน้อย 1 ใน 10 และเที่ยวบินระหว่างประเทศจะให้บริการ 1 ใน 5 ของช่วงปกติ

กลุ่มสหภาพแรงงานเผยว่า มีผู้ชุมนุมเฉพาะในกรุงมาดริดราว 900,000 คน แต่ทางการยังไม่ออกมาระบุตัวเลขที่แน่นอน ทั้งนี้ มีรายงานว่า ชาวสเปนชุมนุมกันที่จัตุรัสซอล ใจกลางกรุงมาดริด แสดงพลังสนับสนุนการนัดหยุดงานทั่วประเทศ เพื่อประท้วงปัญหาการว่างงานที่เพิ่มสูง และเรียกร้องให้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมายแรงงาน ผู้ประท้วงพากันถือแผ่นป้ายที่มีข้อความต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล โดยการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ



(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333076782&grpid=&catid=06&subcatid=0600

กลุ่มขวาจัดยุโรปรวมตัวที่เดนมาร์กเริ่มขบวนการต้านอิสลาม นักวิเคราะห์หวั่นนำสู่ความรุนแรง

กลุ่มขวาจัดยุโรปรวมตัวที่เดนมาร์กเริ่มขบวนการต้านอิสลาม นักวิเคราะห์หวั่นนำสู่ความรุนแรง 

 


 

กลุ่ม ขวาจัดทั่วทวีปยุโรปเดินทางมารวมตัวเดินขบวนกันที่ประเทศเดนมาร์กในวันที่ 31 มีนาคม เพื่อร่วมก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรต่อต้านศาสนาอิสลามในระดับทวีป

การเคลื่อนไหวนี้มีแกนนำ คือ "สันนิบาตป้องกันชาติอังกฤษ" (อีดีแอล) ซึ่งมีจุดหมายในการยุติสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า  "กระบวนการอิสลามาภิวัตน์ในทวีปยุโรป" ด้วยการต่อต้านการอพยพเข้ามายังทวีปยุโรปของชาวมุสลิม โดยเห็นว่าการเดินทางมาของคนเหล่านั้นถือเป็นภัยคุกคามซึ่งจะนำไปสู่ความขัด แย้ง


โดยสมาชิกกลุ่มขวาจัดทั่วยุโรปบางส่วนได้เดินทางมาพบปะหารือกันที่เมืองออร์ฮุส ประเทศเดนมาร์ก ตั้งแต่วันที่ 28  มีนาคมที่ผ่านมา


แม้จะมีการคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ร่วมเดินขบวนอาจมีไม่มากนัก แต่สิ่งที่นักวิเคราะห์เห็นว่ามีความสำคัญ ก็คือ ปรากฏการณ์ที่ผู้นำของกลุ่มต่อต้านอิสลามทั่วยุโรปได้เดินทางมารวมตัวกัน


สตีเฟ่น เลนนอน ผู้นำกลุ่มอีดีแอล และแกนนำการชุมนุม ประเมินว่า คงมีผู้ร่วมเดินขบวนครั้งนี้ราว 2-3 ร้อยคน


"เราไม่ได้คาดหวังให้คนจำนวนมากเดินทางมาที่ออร์ฮุส" เลนนอนกล่าวและว่า "เราหวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการเคลื่อนไหวในระดับทวีปที่จะเติบ โตขึ้นต่อไป"


ริชาร์ด กัลพิน ผู้สื่อข่าวบีบีซีระบุว่า แม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า อีดีแอลจะสามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์ของตนเองได้หรือไม่ แต่ผู้ต่อต้านลัทธิเชื้อชาตินิยม ได้เริ่มวิตกกังวลว่า การเคลื่อนไหวต่อต้านอิสลามอย่างสุดขั้ว จะมีส่วนเพิ่มความตึงเครียดให้แก่ทวีปยุโรปและอาจกระตุ้นให้กลุ่มหัวรุนแรง ของทั้งสองฝ่ายก่อเหตุร้ายแรงขึ้น


แมทธิว กู๊ดวิน ผู้เชี่ยวชาญด้านกลุ่มขวาจัดในสหราชอาณาจักร จากมหาวิทยาลัยน็อตติงแฮม ประเทศอังกฤษ ระบุว่า การรวมตัวกันของกลุ่มขวาจัดที่เดนมาร์กมีความสำคัญในทางกลยุทธ ไม่ใช่ในด้านจำนวนผู้เดินขบวน


"สิ่งที่เรากำลังได้เห็นกันตอนนี้ก็คือ นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองอังกฤษ ที่องค์กรขวาจัดต่อต้านอิสลาม ได้ขึ้นไปมีบทบาทนำ ในการรวมตัวกันของกลุ่มต่อต้านอิสลามทั่วทวีปยุโรป" กู๊ดวิน
วิเคราะห์


(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333203201&grpid=03&catid=06&subcatid=0600 

ปลุกทหารพันธุ์ใหม่ "ราชวัลลภ-ทม." สู้ บูรพาพยัคฆ์-ทหารเสือฯ เมื่อ "บิ๊กตู่" ลั่น "ชีวิตนี้ไม่เคยทำอะไรผิด

ปลุกทหารพันธุ์ใหม่ "ราชวัลลภ-ทม." สู้ บูรพาพยัคฆ์-ทหารเสือฯ เมื่อ "บิ๊กตู่" ลั่น "ชีวิตนี้ไม่เคยทำอะไรผิด

 


 

หลัง จากที่ปล่อยให้ บูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือราชินี จาก พล.ร.2 รอ. ต่อแถวกันครองกองทัพบก มายาวนานตั้งแต่ก่อนการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549 เรื่อยมา จนทำให้บรรดาทหารวงศ์เทวัญ ที่เติบโตจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ที่เคยครองอำนาจใน ทบ. มายาวนาน ถูกดองและข้ามหัว

จนผลัก ไสให้วงศ์เทวัญบางส่วนกลายพันธุ์ไปเป็นทหารแตงโม เพราะต้องการล้มรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เพราะหวังว่า เมื่อพรรคเพื่อไทยได้อำนาจรัฐ ก็จะคืนความชอบธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ให้พวกเขา หรืออย่างน้อยก็ให้ยุติธรรมมากขึ้น

จึงมีการรวมกลุ่มปลุก กระแส ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (ทม.) และทหารราชวัลลภ ซึ่งถือเป็นทหารที่อยู่ในวงศ์เทวัญ เพราะทั้ง กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) และ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.)

แม้ว่าปัจจุบัน ชื่อ ทม. จะใช้เรียกสำหรับทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ หรือ 904 เท่านั้น จากที่แต่ก่อนเคยใช้เรียกขาน ทหารของ ร.1 รอ. เรื่อยมาจนเรียกแค่ ร.1 พัน 4 รอ. เท่านั้นก็ตาม

แต่ก็เป็นที่ ภาคภูมิใจของพวกเขาที่เป็นทหารของพระราชาตัวจริง เพราะโดยหน้าที่จะต้องดูแลถวายอารักขาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่ทหารเสือราชินี นั้น ถวายอารักขาเฉพาะสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ


ในระยะหลัง บทบาทของทหารราชวัลลภ ในทางการเมืองในกองทัพบก ในนามทหารวงศ์เทวัญ ลดน้อยลง เพราะไม่ได้คุมอำนาจ ตั้งแต่ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ทบ. เรื่อยมา จนมาในยุค บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. จนมีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จนมายุค บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น ผบ.ทบ. ที่บูรพาพยัคฆ์ครองเมือง

ในกองทัพบก รู้กันดีว่า มีการวางทายาทอำนาจของ 3 ป. ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์ ระยะยาว ตั้งแต่การดัน บิ๊กโด่ง พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 ที่จะขึ้น พลเอก ห้าเสือ ทบ. ในการโยกย้ายกันยายน ปี 2555 นี้ เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะเกษียณกันยายน 2557

พล.ท.อุดมเดช แกนนำ ตท.14 ถือเป็น ทหารเสือราชินี ที่ครบเครื่องทั้งลักษณะทหาร รูปร่างหน้าตา เส้นทางเดินในสายคอมแมนด์ และความเป็นผู้นำ

แม้จะในยุครัฐบาลพรรค เพื่อไทย ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อ พล.ท.อุดมเดช เนื่องจากเขาก็แสดงความเป็นทหารอาชีพ เป็นกลไกของรัฐบาล ในการทำงาน และเข้ากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นอย่างดี เพราะเธอก็รู้ว่า พล.ท.อุดมเดช เป็นใคร

มีการวางตัวต่อกันไว้ ด้วยว่า ต่อจาก พล.ท.อุดมเดช ที่เกษียณ 2558 ก็จะต่อด้วย บิ๊กอิ๊ด พล.ต.ภาณุวัชร นาควงษม์ ผบ.พล.ร.9 แกนนำ ตท.17 ที่มีอายุราชการถึงปี 2561 และเป็นบูรพาพยัคฆ์ และต่อด้วย บิ๊กเข้ พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผบ.พล.ร.2 รอ. น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ แกนนำ ตท.18 ที่มีอายุราชการถึงปี 2562

และต่อด้วย ตู่น้อย พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. แกนนำ ตท.20 ยังเติร์กแห่ง ทบ.


แต่ ก็เม้าธ์กันว่า ในหมู่บูรพาพยัคฆ์ด้วยกันเองก็ต้องแย่งชิงกันเองด้วยเหมือนกัน เช่น พล.ต.ภาณุวัชร กับ พล.ต.เทพพงศ์ เนื่องจากมีอายุราชการใกล้เคียงกัน

อีก ทั้งก่อนหน้านี้ พล.ต.ภาณุวัชร เคยถูกเด้งจาก รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. ไปเป็น ผบ.มทบ.11 เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.เทพพงศ์ น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. มาแล้ว ทั้งๆ ที่ พล.ต.ภาณุวัชร อาวุโสกว่า แต่กลับไม่ได้ขึ้น ผบ.พล.ร.2 รอ. บ้านเกิด

ส่วนฝ่ายวงศ์เทวัญ จะดันตัวแทนขึ้นชิงความชอบธรรม ทั้ง บิ๊กอ๋อย พล.ท.จิระเดช โมกขะสมิต รอง เสธ.ทบ. แกนนำ ตท.13 ที่มีอายุราชการถึงปี 2557 หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง จากคดีเสื้อแดงกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ พล.ท.จิระเดช ถือเป็นหัวแถวของวงศ์เทวัญ โดยเฉพาะการเป็น ทม. และทหารราชวัลลภ
 


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333175591&grpid=01&catid=&subcatid=

คบไฟ ปรองดอง จากมือ สนธิ บุญยรัตกลิน กระแส ทางสังคม

คบไฟ ปรองดอง จากมือ สนธิ บุญยรัตกลิน กระแส ทางสังคม

 


 

ไม่ว่าจะเป็นความพยายามของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ไม่ว่าจะเป็นความพยายามของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่เรียกร้องให้

1 สถาบันพระปกเกล้า ถอนผลการวิจัย

1 คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ถอนรายงาน

สายไปเสียแล้ว

กล่าว สำหรับ สถาบันพระปกเกล้า อาจสามารถแสดงท่าทีห่วงใยและถอนจากความเกี่ยวข้องได้ แต่กล่าวสำหรับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่ง ชาติ สภาผู้แทนราษฎร

ยากและยากส์ อย่างยิ่ง

ยากและยากส์เพราะ ว่ารายงานของคณะกรรมาธิการมิได้อยู่ในความรับผิดชอบของคนใดคนหนึ่งหรือแม้ กระทั่ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ซึ่งเป็นประธาน

พลันที่ที่ประชุม รัฐสภาลงมติด้วยคะแนนเสียง 348 ต่อ 163 นั่นหมายความว่า รายงานของคณะกรรมาธิการได้อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐสภาแล้วอย่างบริบูรณ์

ยิ่งกว่านั้น ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งคือเนื้อหาอันปรากฏในการวิจัยและรายงานของคณะกรรมาธิการ

กระบวนท่าอันสำแดงผ่านพรรคประชาธิปัตย์โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือแม้กระทั่งการออกโรงหนุนโดย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์

เสมือนเป็นเพียงกลยุทธ์ 1 ในทางการเมือง

เพราะ ในความเป็นจริง พรรคประชาธิปัตย์ก็มีอยู่เพียง 159 เสียง เพราะในความเป็นจริงเสียงของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ก็มิได้หมายรวมว่าเป็นเสียงของพรรคชาติไทยพัฒนา แม้จะอยู่ในฐานะที่ปรึกษาของพรรคก็ตาม

กระนั้น แม้ว่ากลยุทธ์นี้ของพรรคประชาธิปัตย์และของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ จะประสบความสำเร็จเมื่อมีการถอนผลวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า แต่ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ เรื่องทั้งหมดอันปรากฏผ่านผลการวิจัย เรื่องทั้งหมดอันดำรงอยู่ภายในรายงานของคณะกรรมาธิการ ซึ่ง 348 เสียงให้ความเห็นชอบมิได้ดำรงอยู่อย่างสถิต

ตรงกันข้าม เป็นสภาพที่ดำรงอยู่อย่างมีพลวัต ดำรงอยู่อย่างมีกัมมันต์ (แอ๊กทีฟ) และพร้อมส่งแรงสะเทือนออกไปอย่างไม่หยุดนิ่ง

อย่าคิดว่าคำถามเรื่องเบื้องหลังรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 จะไม่มีความหมาย

อย่า คิดว่าข้อเสนอให้ล้มเลิกบทบาทและความหมายของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) จะหายไป ในความว่างเปล่าแห่งพาหิรากาศ


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333166146&grpid=01&catid=&subcatid=

คลิปเสียงอภิสิทธิ์ สั่งการปราบปรามประชาชน ช่วงสงกรานต์...!!!

คลิปเสียงอภิสิทธิ์ สั่งการปราบปรามประชาชน ช่วงสงกรานต์...!!!

 

คลิปตัดต่ออภิสิทธิ์สั่งการ

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=fYp9K3N4M70#! 

พิสูจน์คลิปเสียงอภิสิทธิ์

http://www.youtube.com/watch?v=H-f3Z_JHpOY&feature=player_embedded#! 

มาร์ค..น็อตหลุด 4 ป้าหญิง รุมด่าเละ

http://www.youtube.com/watch?v=McUPXERMh9Q&feature=player_embedded#! 

31 3 55 ข่าวค่ำDNN รายงานพิเศษ เลิกปรองดองกับ เด็กแว้น ปชป

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=lcVhYnu2Q7g 

"สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล" ไว้อาลัย "ผังล้มเจ้า" ยังงงตัวเองไปรู้จักกับ "พจมาน" ตอนไหน?

"สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล" ไว้อาลัย "ผังล้มเจ้า" ยังงงตัวเองไปรู้จักกับ "พจมาน" ตอนไหน?

 

 

หลังจากมีข่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมประชุมเพื่อปิดสำนวนคดี "ผังล้มเจ้า" โดยจะสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำผิดอย่างชัดเจนได้

นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้มีรายชื่ออยู่ในผังดังกล่าว โดยถูกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ระบุว่ามีความสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผ่านทางอดีตภรรยา (คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

"เพื่อเป็นการ ′ไว้อาลัย′ ′ผังล้มเจ้า′ -- กระซิกๆๆ TT (อิอิ เกิดมาไม่เคยใช้สัญลักษณ์และภาษาวัยรุ่นแบบนี้นะ ขอใช้เสียหน่อย)

"ความจริง สำนักพิมพ์ ฟ้าเดียวกัน เคยทำ ′ผังล้มเจ้า′ ฉบับล้อเลียนนะ ฮาดี แต่ผมหาไม่ได้ เอา ′ตัวจริง′ ดูเป็นที่ระลึกก็แล้วกัน

"ใครยังไม่เคยเซฟ รีบเซฟเก็บไว้ซะนะ - จะกลายเป็นวัตถุโบราณมีค่าแล้ว"
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ยังระบุอีกว่า

"สมัยนี้ ถ้าทำใหม่ ต้องมีชื่อ อ.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และ อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล แหงๆ (ฮา)"

"...ตั้งแต่มีผังมา 2 ปี ยังไม่เคยเจอ คุณหญิงพจมาน เลย... (ก่อนมี ผัง ก็ไม่เคยเจอ แต่มีแล้ว นึกว่าจะได้เจอสักหน่อย ฮาๆๆ ยังไม่ได้เจอเลย)"

"จนบัดนี้ ผมก็ยังเป็น ปริศนา นะว่า ชื่อผมไปโยงกับคุณหญิงได้ไงหว่า นึกมา 2 ปี ก็ยังนึกไม่ออก"


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333186767&grpid=01&catid&subcatid 

ประวัติศาสตร์สำนึกบุญคุณ vs.ประวัติศาสตร์ก้าวหน้า

ประวัติศาสตร์สำนึกบุญคุณ vs.ประวัติศาสตร์ก้าวหน้า

 


โดยสุรพศ ทวีศักดิ์


สำนึกทางประวัติศาสตร์ของคนในชาติเกี่ยวข้องอย่างสำคัญ กับสภาพสังคมที่เป็นอยู่กับสังคมที่ควรจะเป็น เพราะสภาพสังคมปัจจุบันเป็นอย่างอย่างไร หรือสังคมในอนาคต "ควรจะเป็น" อย่างไร สำนึกทางประวัติศาสตร์ของคนในชาติคือรากฐานของ "จินตภาพ" (vision) แห่งสังคมที่เป็นอยู่ หรือที่ควรจะเป็น

สำหรับสังคมไทยดูเหมือนจะมีการต่อสู้ระหว่างสำนึกทางประวัติศาสตร์ที่ขัดแย้งกันในสาระสำคัญมานาน คือการต่อสู้ระหว่าง "สำนึกทางประวัติศาสตร์อนุรักษ์นิยม" กับ "สำนึกทางประวัติศาสตร์ก้าวหน้า"


สำนึกทางประวัติศาสตร์อนุรักษ์นิยม คือ "ประวัติศาสตร์เพื่อปลูกฝังสำนึกบุญคุณ" ในหมู่ประชาชน ดังบทกลอน "คุณธรรม: คุณค่าประวัติศาสตร์" จากสกู๊ป "คมธรรมประจำวันของท่าน ว.วชิรเมธี" ที่ว่า


"เพราะไม่เรียน ประวัติศาสตร์ จึงขาดรักษ์
ไม่รู้จัก คุณแผ่นดิน ทุกถิ่นฐาน
เป็นคนไทย ถ้าไร้ราก ซากวิญญาณ
จึงดักดาน เดินดุ่ม สู่หลุมดำ"


นี่คือบทกลอนที่ "เกาะกระแส" ข้ออ้างเรื่อง "ไม่รู้ประวัติศาสตร์ ไม่รู้บุญคุณแผ่นดิน" ซึ่งเป็นข้ออ้างหลักอย่างหนึ่งของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ใช้ในการคัดค้านแนวคิด การสร้างประชาธิปไตยที่ใช้หลักการสากล คือหลักสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคกับทุกสถาบันทางสังคม


เช่น แนวคิดที่เสนอให้มีการปฏิรูปสถาบันทางการเมืองต่างๆ เช่น กองทัพ ให้เป็นประชาธิปไตย มีความโปร่งใสภายใต้หลักการสากล คือการมีระบบกฎหมายรองรับให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยมีสิทธิ เสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบได้ เป็นต้น

ส่วนสำนึกทางประวัติศาสตร์ก้าวหน้า คือ "ประวัติศาสตร์สืบค้นความจริงของอดีตอย่างรอบด้าน เพื่อเป็นบทเรียนสร้างปัจจุบันและอนาคตที่ดีกว่า" สำนึกทางประวัติศาสตร์เช่นนี้คือสำนึกรักความจริง ความถูกต้องตามหลักการอุดมการณ์ประชาธิปไตย เรียกร้องการสืบค้นความจริงทั้งด้านบวก ด้านลบ หรืออย่างรอบด้านที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อนำมาสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ วิพากษ์วิจารณ์ถกเถียง และสรุป "บทเรียน" ให้เกิดความความรู้ ความคิด ปัญญาของคนในชาติ เพื่อสร้างสังคมปัจจุบัน และอนาคตให้ก้าวหน้า หรือน่าอยู่ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1333192544&grpid&catid=02&subcatid=0207 

ปฎิญญาหน้าศาล ประจำวันอาทิตย์ที่ 1 เม.ย. 2555

ปฎิญญาหน้าศาล ประจำวันอาทิตย์ที่ 1 เม.ย. 2555
 





"จะปรองดองต้องปลดปล่อยเชลยศึกทางการเมือง
พรก. ฉุกเฉินต้องเป็นโมฆะ"

ร่วมพูดคุยเรื่องราวกระบวนการยุติธรรม เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกระบวนการตุลาการ

พบกับทนายแอน นักสิทธิมนุษยชน,ทนายอาคม ทนายคดีพรก.ฉุกเฉิน

ดำเนินรายการโดย ดร.สุดา รังกุพันธ์

พบกันหน้าศาลอาญารัชดา เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป