หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สวัสดีปีใหม่ Happy New Year 2013

สวัสดีปีใหม่  Happy New Year  2013






http://www.prachatai.com/sites/default/files/imagecache/cartoon2_big/cartoon2/29-12-2555--%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B8%AA-2556_0.jpg




ผ่านปีใหม่..จะมีชัย ได้หรือเปล่า ?
คำถามเก่าเวียนมาเหมือนปีก่อน 
ชาวสังคมนิยมไม่ขอพร 
นั่งยืนนอนคิดถึงแต่...อภิวัฒน์ !

ผ่านปีใหม่...จะมีชัย ได้หรือเปล่า ??
เนิ่นนานเนาใต้ตีนเงา..อุบาทว์ฉัตร !
ทึมทมึนไทยไม่เป็นประชารัฐ 
เหมือนฝูงสัตว์ไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ 

หวังปีใหม่นี้ถึงชัยประชาชน 
คนเท่าคนขึ้นแข็งขืนตื่นครองสิทธิ์ 
เสมอภาค 1 เสียง 1 ชีวิต 
เผาร่มฉัตรอำมหิต ด้วย..เพลิงธรรม !!!

"Happy New Year 2013"
http://www.youtube.com/watch?v=q9T3V0PTmWU

Sawasdee Pee Mai(Acoustic).avi
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=WjyFP4QeebE 

Auld Lang Syne - "Happy New Year"
http://www.youtube.com/watch?v=lvJRmdN9iyU

โค่นล้มทุนนิยม!!! เร่งสร้างสังคมใหม่ที่มีศักดิ์ศรี มีสิทธิเสรีภาพ มีกิน มีใช้ มีรัฐสวัสดิการ มีความเสมอภาคเท่าเทียม มีประชาธิปไตย ไร้สองมาตรฐาน ไร้อำนาจนอกระบบ 
http://www.youtube.com/watch?v=MHdmaFJ6W6M

คลิป ใจ อึ๊งภากรณ์ วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยปลายปี ๒๕๕๕


แดงสังคมนิยม

คลิป ใจ อึ๊งภากรณ์ วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองไทยปลายปี ๒๕๕๕ 




1  Ji 29Dec12
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=IiocZsl8y7Y

2 Ji 29Dec12
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=I458rajY1Rg

Giles Ji EngDec12
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=jYKnq-LVOBs 
  
(ที่มา)
http://redthaisocialist.com/2011-01-31-17-53-59/389--political-analysis.html

ปีเก่า-ปีใหม่ ไม่เคยมี ในสำนึกดั้งเดิม

ปีเก่า-ปีใหม่ ไม่เคยมี ในสำนึกดั้งเดิม


โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ  


"ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่" เป็นวลีผูกขึ้นใหม่เมื่อหลังรับคติขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม ตามปฏิทินสากลราว 70 กว่าปีมานี้ สมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี

ก่อนหน้านี้ไม่มีสำนึกปีเก่า-ปีใหม่แบบสากล

มี แต่รับรู้เรื่องเปลี่ยนปีนักษัตรจากรูปสัตว์หนึ่ง ไปอีกรูปสัตว์หนึ่ง ตอนขึ้นเดือนอ้าย (หมายถึงเดือนที่ 1) หลังลอยกระทงเดือน 12 (ตรงกับปฏิทินสากลราวเดือนพฤศจิกายน)

เช่น เปลี่ยนจาก มะโรง งูใหญ่ เป็น มะเส็ง งูเล็ก (ไม่ใช่เปลี่ยนตอนสงกรานต์ เมษายน ซึ่งเป็นประเพณีอินเดีย เพราะในอินเดียไม่มีปีนักษัตร มีแต่สิ่งที่โหราจารย์บอกว่า เรียกราศีตามสุริยคติ นับถือดวงอาทิตย์)

แล้วรับรู้ว่าฤดูกาลเปลี่ยนไปจากฝนเป็นหนาว ในช่วงเดือนอ้าย ปลายฝน ต้นหนาว

 
ฤดู กาลที่เปลี่ยนไปก็ไม่เหมือนกัน เพราะทางเหนือรับลมมรสุมก่อน มีฝนก่อน ทำนาปลูกข้าวก่อน ข้าวสุกก่อน เกี่ยวข้าวก่อน จึงนับเดือนเร็วกว่าภาคกลางซึ่งอยู่ใต้ลงมาราว 2 เดือน เช่น

รัฐ ล้านนา เข้าเดือนอ้าย หรือเดือน 1 ไปแล้ว แต่รัฐสุพรรณภูมิยังเป็นเดือน 11 ครั้นรัฐสุพรรณภูมิลอยกระทงเดือน 12 แต่รัฐล้านนาเป็นเดือนยี่ (คือ เดือน 2)

ส่วนรัฐนครศรีธรรมราชเป็นเดือนอะไร? ตรงกับที่ไหน? ไม่พบหลักฐาน

ดิน แดนที่เป็นประเทศไทยทุกวันนี้ สมัยโบราณมีหลายรัฐ แต่ละภาคก็มีรัฐเอกราชต่างๆ กันไป ไม่ได้รวมเป็นอาณาจักรเดียวกัน บางทีในภาคเดียวกันมีหลายรัฐก็ได้ เช่น

ภาคกลางตอนบนมีรัฐสุโขทัย แต่ตอนล่างมีรัฐสุพรรณภูมิ (สุพรรณบุรี), และรัฐอโยธยา-ละโว้ (อยุธยา-ลพบุรี)

ภาคใต้ตอนบนมีรัฐนครศรีธรรมราช แต่ตอนล่างมีรัฐปัตตานี

อยุธยา เป็นราชอาณาจักรสยามแห่งแรก เพราะรวมรัฐนครศรีธรรมราช ทางใต้ กับรัฐสุโขทัย ทางเหนือ ไว้ในอำนาจได้ก่อนที่อื่นๆ ในไทย แต่ยังไม่มีอำนาจเหนือรัฐปัตตานีกับรัฐล้านนา

(ที่ว่าสุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกของไทย จึงไม่จริง และที่ว่าสุโขทัยล่มแล้วจึงมีรัฐอยุธยาก็ไม่ใช่)

ขณะส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ตามปฏิทินสากลนี้ถ้าย้อนยุคกลับไปจะพบว่า

ภาคเหนือ รัฐล้านนา เป็นเดือน 3 ปลายหนาว

ภาคกลาง รัฐอยุธยา เป็นเดือน 1 ปลายฝน ต้นหนาว

ภาคใต้ รัฐนครศรีธรรมราชและรัฐปัตตานี เป็นเดือนอะไรไม่รู้ แต่เพิ่งเข้าฤดูฝน ที่เลื่อนลงจากภาคกลาง

ในอนาคตอิทธิพลโลกร้อนมีรุนแรงขึ้น ฤดูกาลแปรปรวนมากขึ้นอีก จึงไม่มีใครรู้ว่าฤดูกาลจะเปลี่ยนแปลงรุนแรงอย่างไร? ขนาดไหน?

 
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356920393&grpid=&catid=02&subcatid=0200

เคาน์ดาวน์ ปีใหม่ เวลาอันจำกัดและความหมาย

เคาน์ดาวน์ ปีใหม่ เวลาอันจำกัดและความหมาย



 
โดย ประวิตร โรจนพฤกษ์
@PravitR


ช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านระหว่างการจบสิ้นปีเก่าเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้เราคิดพิจารณาถึงเวลาแห่งชีวิตที่พวกเราทุกคนต่างก็ มีกันอยู่อย่างจำกัด


เวลาอันจำกัดของเราทุกคน ช่วยให้เราต้องพยายามจัดลำดับความสำคัญต่างๆ ในชีวิต ว่าสิ่งใดหรืออะไรมีความหมายมีค่าสำหรับชีวิตเรา และสิ่งที่ไร้ค่าไร้ความหมายในทรรศนะของเราแต่ละคน

ทุกคนต้องตาย และกาลเวลาเดินทางของมันต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง บางคนอาจบ่นเสียดายว่าชีวิตมนุษย์นั้นสั้นนัก แต่เวลาอันจำกัดของเราทุกคนในโลกนี้ต่างหาก ที่ช่วยมนุษย์ให้สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและความหมาย มากไปกว่าการคิดเรื่องประโยชน์ของตัวกูของกู และสามารถมองข้ามตนเองไปได้ไกลมากกว่าเรื่องประโยชน์ของตนและครอบครัวพวก พ้อง

เวลามีค่าเพราะมันมีจำกัด ชีวิตมีค่าเพราะชีวิตคนนั้นสั้น และความจำกัดช่วยให้เราเข้าใจชะตากรรมชีวิตผู้อื่นได้ดีขึ้น เพราะไม่ว่าเขาจะรวยจนต่างจากเรา มีความเห็นทางการเมืองหรือเรื่องอื่นๆ เหมือนหรือไม่ พูดเขียนภาษาเดียวกับเราหรือไม่ก็ตาม พวกเขาต่างก็เป็นมนุษย์ที่มีเวลาในชีวิตอันจำกัดเช่นเดียวกับเรา

พอเราตระหนักว่าเวลาในโลกนี้ เป็นเพียงสิ่งที่เหมือนไปยืมเขามา วันหนึ่งก็ต้องคืนร่างกายและชีวิตแก่ธรรมชาติไป มันก็ช่วยให้เราลดความโลภ โกรธ หลง และความรักในตัวตนเป็นหลักเหนือสิ่งอื่นใดอย่างแคบๆ ได้

เพราะเรารู้ว่าเราอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน เราจึงรักตนเองและเห็นแก่ตนเองให้น้อยลงได้

Count Down ปีใหม่จึงไม่น่าจะเป็นเวลาที่จะดื่มจนเมามายจนไร้สติ หากเป็นเวลาที่จะคิดพิจารณาถึงชีวิตที่กำลังหมดลงไปที่ละเล็กทีละน้อย ทุกวินาทีของเราทุกคน ไม่ว่าจะแก่หรือไม่ก็ตาม เราหมดเวลาของชีวิตไปอีกหนึ่งปี

ผู้เขียนตระหนักว่า การที่เวลาในชีวิตนั้นจำกัด ก็อาจเป็นเหตุผลให้คนจำนวนหนึ่งใช้ชีวิตอย่างเสพสุขเอาแต่ประโยชน์และความ เห็นแก่ตัวของตนเป็นที่ตั้ง เพราะเขาอาจมองว่า สุดท้ายก็ไม่มีอะไรจีรังเที่ยงแท้ - หรือไม่ก็ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายปลายทาง

แต่ผู้เขียนก็อดเกรงมิได้ว่า พวกเขาอาจเสียใจตอนใกล้สาย ว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไรทิ้งไว้ให้ผู้อื่นมีความสุขยิ้มได้ หรือให้กับสังคมและโลกเลยในขณะที่ยังมีชีวิตมีโอกาส

แต่ไม่ว่าจะคิดเช่นไร ชีวิตก็เหมือนฝัน ฝันที่ต้องตื่น เพียงแต่การตื่นจากความฝันที่เป็นชีวิตคือความตาย

(ที่มา)

ของขวัญปีใหม่

ของขวัญปีใหม่


โดย อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์
 

ในท่ามกลางความขัดแย้งถึงขั้นใช้อาวุธต่อกันอย่างรุนแรงใน ภาคใต้ตอนล่าง และระหว่างสีในประเทศไทยโดยรวม ของขวัญปีใหม่ที่คนไทยอยากได้ที่สุดน่าจะเป็นความสงบสันติ แต่ ดูจะเป็นของขวัญที่ไกลสุดเอื้อม ผมไม่มีสติปัญญาพอจะมอบของขวัญอันมีค่าขนาดนี้ได้ แต่อยากมอบของขวัญชิ้นเล็กๆ กว่านั้นแยะ แต่ผมคิดว่าสำคัญ

นั่นคือ การมองปัญหาความขัดแย้งให้ซับซ้อนกว่าที่เคยมองมา และด้วยเหตุดังนั้นจึงมองทางออกซับซ้อนกว่าที่เคยมองมาด้วย กล่าวคือไม่ใช่ความขัดแย้งของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลเท่านั้น และด้วยเหตุดังนั้น การแก้ปัญหาจึงไม่ใช่แค่การจับเข่าคุยกัน ไม่ว่าจะที่ดูไบ หรือที่มาเลเซีย รวมทั้งอาจไม่ต้องเดินไปหนทาง "ความจริง-ความยุติธรรม-การให้อภัย-ความปรองดอง" ด้วย ไม่ใช่เพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง แต่เพราะเป็นเส้นทางที่น้อยสังคมจะเลือกเดินได้ แม้แต่ในสังคมที่เลือกเดินไปแล้ว ก็ไม่ใช่เพราะ "เลือก" แท้ๆ แต่มีปัจจัยอื่นผลักดันอยู่ด้วย

มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย มีโครงการวิจัยใหญ่อันหนึ่งชื่อ
"เปรียบเทียบการสร้างสันติภาพ" ซึ่งเกิดขึ้นหลายแห่งในโลก งานวิจัยที่ตีพิมพ์ออกมาชิ้นแรกคือกรณีศึกษาอินโดนีเซีย (John Braithwaite, et.al., Anomie and Violence, Non-Truth and Reconciliation in Indonesian Peacebuilding)

ทำไมถึงต้องเป็นอินโดนีเซีย คำตอบก็เพราะความขัดแย้งในอินโดนีเซียนั้นซับซ้อนหลากหลายมาก มีทั้งที่เป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์, หรือเกิดจาก "คำสาปของทรัพยากร" คือเพราะมีทรัพยากรมากจึงทำให้เกิดความขัดแย้ง และสนับสนุนให้ความขัดแย้งสามารถดำรงอยู่หรือรุนแรงขึ้นได้ทุกฝ่าย, หรือความขัดแย้งระหว่างศาสนาและอัตลักษณ์, หรือการแยกดินแดน, หรือความขัดแย้งระหว่างชนชั้น, หรือการแย่งอำนาจระหว่างกลุ่มการเมือง ฯลฯ และเอาเข้าจริง ในทุกๆ ความขัดแย้งก็มีปัจจัยมากกว่าหนึ่งเสมอ จึงทำให้ซับซ้อนมาก

หลังการลาออกและการพังทลายของระบอบเผด็จการซูฮา ร์โต อินโดนีเซียก็ย่างเข้าสู่สภาวะที่เรียกว่า Anomie หมายถึงสภาวะที่ปราศจากความเชื่อฟังต่อ "ประชาวิถี" ซึ่งรวมถึงกฎหมาย, ประเพณี, และอาชญาสิทธิ์ทั้งปวง ความตายอันเนื่องมาจากการก่อการร้ายเพิ่มขึ้นจาก 9 รายใน พ.ศ.2541 (เมื่อซูฮาร์โตประกาศลาออก) เป็น 233 รายใน พ.ศ.2545 แต่พอถึง พ.ศ.2551 การตายจากเหตุก่อการร้ายเหลือสูญราย ไม่เฉพาะแต่การก่อการร้าย แต่รวมถึงสถิติอาชญากรรมอื่นๆ ด้วย ในปัจจุบันสถิติฆาตกรรมในอินโดนีเซียลดลงเหลือเพียง 1 ต่อ 100,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าทุกประเทศในยุโรป มีสถิติการติดคุกต่ำสุดในโลกคือ 28 ต่อ 100,000 ฯลฯ

จากประเทศที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและการก่อการร้าย กลายเป็นประเทศที่สงบเกือบที่สุดในโลกภายในระยะเวลาเพียงทศวรรษเดียว

แต่ ในขณะเดียวกัน การเมืองอินโดนีเซียในทศวรรษนี้ คือการก้าวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยจากเบื้องล่างที่รวดเร็วมาก รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อาจไม่สามารถคุมกองทัพได้สมบูรณ์ แต่ก็คุมได้มากขึ้น เช่นถอนคนของกองทัพออกไปจากผู้ว่าฯ, นายอำเภอ, และกำนัน ได้หมด ทุกตำแหน่งมาจากการเลือกตั้งท้องถิ่น และดังนั้นข้อสรุปอันแรกที่เห็นได้ชัดก็คือ การล่มสลายของระบอบเผด็จการ และการเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ ย่อมนำมาซึ่งสภาวะที่ปราศจาก "ประชาวิถี"

บท เรียนนี้มีความสำคัญแก่ไทยอย่างมาก เพราะชนชั้นนำไทยรู้ว่า เราไม่อาจหวนกลับไปสู่ระบอบเผด็จการอย่างสฤษดิ์-ถนอม-ประภาสได้แล้ว แต่หากปล่อยให้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ บ้านเมืองก็จะปั่นป่วนวุ่นวาย (anomie) จึงควรเป็นประชาธิปไตยแค่ครึ่งใบ

บทเรียนจากอินโดนีเซียชี้ ว่าเป็นความเข้าใจผิด ประชาธิปไตยครึ่งใบนั่นแหละที่เป็นตัวนำความปั่นป่วนวุ่นวายมาให้มากเท่ากับ การพังทลายของระบอบเผด็จการ แต่ประชาธิปไตยเต็มใบต่างหาก ที่อาจนำมาซึ่งการไม่ใช้ความรุนแรงจัดการกับความขัดแย้งได้
 
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356922706&grpid=&catid=12&subcatid=1200

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand

 
Coffee with 'หม่อมเต่านา' : เลือกตั้งทำไมถ้าจะทำรัฐประหาร 

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ตอน 2
Coffee with 'หม่อมเต่านา' : เลือกตั้งทำไมถ้าจะทำรัฐประหาร 
http://www.youtube.com/watch?v=BIBQkmYv2uU&feature=share 
 

Wake Up Thailand Award + Coffee with 'หม่อมเต่านา'

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 31 ธันวาคม 2555 ตอน 1  

Wake Up Thailand Award + Coffee with 'หม่อมเต่านา'
http://www.dailymotion.com/video/xwc8sz_wake-up-thailand-award-coffee-with- 

10 อันดับข่าวสำคัญด้านการต่างประเทศแห่งปี 2555

10 อันดับข่าวสำคัญด้านการต่างประเทศแห่งปี 2555

 


เลื่อนสอบแอดมิชชั่นปี 2557 เร็วขึ้น รับอาเซียน 

Go Global วันสิ้นปี ขอประมวล 10 ข่าวสำคัญประจำปี 2555 ดังนี้

1. ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของสหรัฐฯ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่
2. สงครามกลางเมืองในซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 5,000 คน
3. สภาพเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปถึงจุดตกต่ำ เศรษฐกิจกรีซเกือบล่มสลาย
 
(คลิกฟัง) 
http://www.dailymotion.com/video/xwbpao_10

ศาลรธน.ฝรั่งเศส คว่ำแผนเก็บภาษีมหาเศรษฐี 75%

ศาลรธน.ฝรั่งเศส คว่ำแผนเก็บภาษีมหาเศรษฐี 75%




คณะกรรมการศาลรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส คว่ำแผนเก็บภาษีกลุ่มผู้มีฐานะดี ในอัตราร้อยละ 75 ที่เสนอโดยประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์จากพรรคสังคมนิยม โดยยกเหตุผลขัดต่อรัฐธรรมนูญ

การขึ้นภาษีผู้ที่มีรายได้ 1 ล้านยูโรต่อปี (ประมาณ 40 ล้านบาท) ถือเป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงหลักของนายออลลองด์ ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจต่อภาคธุรกิจของประเทศ และทำให้ผู้ที่มีฐานะบางรายถึงขั้นประกาศที่จะอพยพไปอยู่ต่างประเทศ อย่างไรก็ดี รัฐบาลฝรั่งเศสเเผยว่า จะมีการปรับปรุงนโยบายด้านภาษีใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับคำร้องเรียนของคณะกรรมการ

ในคำประกาศเมื่อวานนี้ (29 ธ.ค.) คณะกรรมการศาลรัฐธรรมนูญฝรั่งเศส เปิดเผยว่า อัตราภาษีใหม่นี้ บกพร่องต่อการพิจารณาถึงความเสมอภาค ก่อนที่มันจะกลายเป็นภาระของประชาชน เนื่องจากมีความแตกต่างจากภาษีเงินได้ในรูปแบบอื่น และควรถูกนำไปบังคับใช้ในรายบุคคล ไม่ใช่ในระดับครัวเรือน

ชาวอินเดียยังรวมตัวประท้วงเหตุรุมโทรมนศ.หญิงในกรุงนิวเดลี

ชาวอินเดียยังรวมตัวประท้วงเหตุรุมโทรมนศ.หญิงในกรุงนิวเดลี



"อินเดีย"ยังประท้วงต้านข่มขืน
http://www.2poto.com/component/option,com_community/Itemid,179/groupid,55/task,video/userid,75/vide


ประชาชนจำนวนมากรวมตัวกันที่กรุงนิวเดลี เพื่อประท้วงต่อเหตุการณ์รุมโทรมนักศีกษาหญิงวัย 23 ปี ที่เพิ่งเสียชีวิตและประกอบพิธีฌาปนกิจไปเมื่อวานนี้

ประชาชนจำนวนมากยกเลิกการเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพื่อวันอาลัยแต่นักศึกษาแพทย์เหยื่อข่มขืน ที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. ที่ประเทศสิงคโปร์ ก่อนที่จะมีการประกอบพิธีฌาปนกิจศพเมื่อเช้าวานนี้ ที่สุสานในกรุงนิวเดลี

เหตุการณ์ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดการชุมนุมทั่วประเทศเพื่อประท้วงให้ รัฐบาลหามาตรการคุ้มครองความปลอดภัยแก่สตรี โดย 6 ผู้ถูกกล่าวหาถูกจับกุมตัวแล้ว และถูกตั้งข้อหาฆาตกรรม ซึ่งหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง ทั้งหมดอาจต้องรับโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต
 

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356942778&grpid=&catid=06&subcatid=0600

สภาคองเกรสดันสุดตัวช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนเผชิญวิกฤต"หน้าผาการคลัง"

สภาคองเกรสดันสุดตัวช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนเผชิญวิกฤต"หน้าผาการคลัง"

 




วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน หัวหน้าคณะสมาชิกรัฐสภา ใช้ความพยายามครั้งสุดท้ายอย่างเต็มที่ในการหาทางแก้ปัญหาที่เกิดจากการขึ้น ภาษีและปรับลดรายจ่าย หรือที่รู้จักกันในชื่อ"หน้าผาการคลัง"

ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะร่วมลงมติในมาตรการประนีประนอม หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเห็นชอบ และหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ก่อนเส้นตายในวันที่ 1 มกราคมนี้ อาจทำให้สหรัฐฯต้องเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เร่งกดดันให้พรรครีพับลิกันเพื่อยอมรับข้อเสนอดังกล่าว โดยกล่าวตำหนิว่าพยายามหน่วงเหนี่ยว เพื่อไม่ให้มีการขึ้นภาษีแก่คนที่มีฐานะดี

การเจรจาระหว่างแกนนำพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันช่วงสุดสัปดาห์ที่ ผ่านมา ไม่สามารถประนีประนอมกันได้เรื่องเลี่ยงการขึ้นภาษีและลดค่าใช้จ่าย ขนานใหญ่ที่จะทำเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ส.ว.แฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาพรรคเดโมแครตเรียกประชุมวุฒิสภาในเวลา 11.00 น.วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ( 23.00 น.วันนี้ ตามเวลาในไทย) และยอมรับว่าทั้งสองพรรคยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่มาก ขณะที่ ส.ว.มิตช์ แมคคอนเนล แกนนำวุฒิสภาพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เดโมแครตไม่ตอบรับข้อเสนอของรีพับลิกันเรื่องตัดลดโครงการสวัสดิการสังคม

วุฒิสมาชิกมิตช์ แมคคอนเนล ยื่นข้อเสนอไปยังนายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในรัฐสภา เพื่อมิให้เกิดภาวะหน้าผาการคลังแล้วตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา จนกระทั่งขณะนี้ยังไม่ได้รับคตอบ ทำให้มองไม่เห็นว่า ข้อตกลงจะมีขึ้นระหว่างพรรคเดโมแครตกับรีพับลิกัน ซึ่งจะช่วยคลี่คลายปัญหาบรรลุผลสำเร็จได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่ได้ย่อท้อ ได้หันไปหารองประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อให้ช่วยเข้ามาแก้ปัญหาความชะงักงันที่เกิดขึ้นในขณะนี้

ด้านนายรีดได้กล่าวว่า ข้อเสนอของรีพับลิกันที่จะให้ตัดทอนผลประโยชน์ของประชาชนในด้านสวัสดิการ สังคมลงเพื่อแลกเปลี่ยนกับการบรรลุข้อตกลงนั้น พรรคเดโมแครตไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน

(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356929113&grpid=&catid=06&subcatid=0600

คลิป"ใบตองแห้ง" วิจารณ์ "เพื่อไทย" ชม "ประชาธิปัตย์" ต้อนรับปีใหม่ 2556

คลิป"ใบตองแห้ง" วิจารณ์ "เพื่อไทย" ชม "ประชาธิปัตย์" ต้อนรับปีใหม่ 2556


 
"ผมมองประชาธิปัตย์ในแง่ดี ไม่ขึ้นเลย เพราะผมไม่ชอบวัฒนธรรมแบบประชาธิปัตย์ ซึ่งเล่นการเมืองแบบที่เห็นอยู่ เพื่อเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ซึ่งเป็นวลี ประนามประชาธิปัตย์ ติดตัวอยู่ตลอด"

 
ในโอกาสส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ รอยต่อแห่งปีที่การแบ่งสีเลือกข้างยังดำรงอยู่ทุกแห่งหน ไม่เว้นแม่แต่วงการสื่อมวลชน "มติชนออนไลน์" สัมภาษณ์ "อธึกกิต แสวงสุข" เจ้าของนามปากกา "ใบตองแห้ง" คอลัมนิสต์ฝีปากกล้า ผู้มีจุดยืนในแนวทางเดียวกับ "คนเสื้อแดง" แม้ว่าเจ้าตัวจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม บทสนทนาชิ้นนี้ จงใจให้ "ใบตองแห้ง" วิจารณ์ "พรรคเพื่อไทย" และขบวน "คนเสื้อแดง" ขณะเดียวกันให้มอง "พรรคประชาธิปัตย์" และ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" ในแง่บวก อย่างไรก็ดี เขาแถมท้ายด้วยการวิจารณ์ "ตัวเอง" ในฐานะ "สื่อมวลชน" 
 
(อ่านต่อ)

สรุปเหตุการณ์สำคัญ ด้าน"เศรษฐกิจ" 10 เรื่องดัง แห่งปี 55

สรุปเหตุการณ์สำคัญ ด้าน"เศรษฐกิจ" 10 เรื่องดัง แห่งปี 55 


 
ขอส่งท้ายปี 2555 ด้วยการสรุปเหตุการณ์โด่งดังในปีมะโรง โดยคัดเลือกมาประมาณ 10 เรื่องสำคัญ
 
ศึกในส.อ.ท.ร้อนข้ามปีมะเส็ง

กลาย เป็นประเด็นร้อนข้ามปีขององค์กรที่มีอายุเก่าแก่กว่า 40 ปี อย่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. อันเนื่องมาจากปัญหาการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททั่วประเทศ ที่รัฐบาลกำหนดให้มีผลวันที่ 1 มกราคม 2556 เหตุเพราะสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการต่างจังหวัด นำโดยนายธนิต โสรัตน์ เลขาธิการ ส.อ.ท.รู้สึกขัดใจที่นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท.ทำหน้าที่ในการบรรเทาผลกระทบต่อสมาชิกน้อยไปหน่อย ไม่กล้าต่อรองกับภาครัฐในการยืดเวลาประกาศปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ ออกไปก่อน จึงได้จัดประชุมนัดพิเศษเพื่อมีมติขับนายพยุงศักดิ์พ้นสภาพประธาน ส.อ.ท. แต่นายพยุงศักดิ์เห็นว่า การจัดประชุมและมีมติดังกล่าวผิดกฎหมาย พร้อมทั้งเปิดประเด็นปมทุจริตโครงการฝึกอบรมแรงงานของกระทรวงแรงงาน ว่ามีสมาชิก ส.อ.ท.บางคนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เป็นการตอบโต้กลับอีกฝ่ายหนึ่ง กระทั่งเรื่องยืดเยื้อมาถึงปลายปี ต่างฝ่ายต่างแยกเวทีจัดประชุม โดยซีกนายธนิตยื่นข้อเสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วม 2 ฝ่ายเพื่อไกล่เกลี่ย แต่ฟากนายพยุงศักดิ์ไม่รับข้อเสนอดังกล่าว พร้อมขู่ว่าจะฟ้องร้องหากฝ่ายนายธนิตนำชื่อของ ส.อ.ท.ไปสร้างประโยชน์หรือใช้ดำเนินการใดๆ ที่สุดนายธนิตยอมถอยหนึ่งก้าวขอนัดหารือนายพยุงศักดิ์หลังปีใหม่ เพื่อตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ตั้งเป้าจะจบปัญหาก่อนวันที่ 21 มกราคม 2556 ซึ่งเป็นวันนัดประชุมกรรมการ ส.อ.ท.

แต่หากไม่ได้ข้อ สรุป คงได้เห็นภาพการขอเข้าใช้สถานที่จัดประชุมโดยมีตำรวจรายล้อมตามคำสั่งของนาย พยุงศักดิ์ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว รวมทั้งการฟ้องร้องทางคดีที่ขู่ไว้ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2555

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1356924461&grpid=01&catid=&subcatid=