อย่ามาพูดว่า นปช. สู้ไม่ได้ ข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้น
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
แต่ถ้าเราจะล้มเผด็จการ การเคลื่อนไหวภายในประเทศเป็นเรื่องชี้ขาด
นี่คือบทเรียนจากประเทศไทย และนานาประเทศในเอเชีย และลาตินอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ หรือ อาเจนทีนา และการล้มเผด็จการในไทยยุค ๑๔ ตุลา หรือพฤษภา๓๕ ล้วนแต่มาจากการเคลื่อนไหวต่อสู้ภายในประเทศ การกดดันอำมาตย์ไทยให้เริ่มเปิดเสรีหลัง ๖ ตุลา ก็มาจากการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทั้งๆ ที่การต่อสู้นี้จบลงด้วยการล่มสลายของพรรค
สหรัฐอเมริกา หรือ อียู อาจแสดงจุดยืนต้านเผด็จการไทย แต่ในรูปธรรมเขาจะไม่ทำอะไรมาก และเรื่องที่สำคัญสำหรับรัฐบาลเหล่านั้นคือผลประโยชน์ระหว่างประเทศ เวลาเขาคิดถึงไทย การคานอำนาจจีนเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นรัฐบาลตะวันตกคงจะไม่ไล่รัฐบาลไทยไปกอดคอกับจีนฝ่ายเดียว คงพยายามรักษาความสัมพันธ์กับไทยทั้งๆ ที่เป็นเผด็จการ ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลเหล่านี้ก็มีประวัติในการผูกมิตรกับเผด็จการทั่วโลกอยู่ แล้ว เช่นเผด็จการซุฮาร์โต้ในอินโดนีเซีย หรือซาอุ ส่วนสหประชาชาตินั้น ก็เป็นแค่เครื่องมือของมหาอำนาจ แถมเป็นเครื่องมือที่ไร้ประสิทธิภาพอีกด้วย
การล็อบบี้ต้านเผด็จการภายนอกประเทศไทยมีประโยชน์ในการชูประเด็น แต่เรื่องหลักคือเราจะสู้ภายในประเทศไทยอย่างไร
ในอดีตนักประชาธิปไตยไทยก็สู้กับเผด็จการโหดร้ายป่าเถื่อนกว่าเผด็จการ ยุคนี้ เขาใช้วิธีใต้ดิน มีการจัดตั้งลับ มีการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ เมื่อมีโอกาส และมีการจับอาวุธ แต่การจับอาวุธไม่มีประโยชน์กับเราในวันนี้ เพราะฝ่ายตรงข้ามมีอาวุธเหนือเรา และจะทำให้เราเสียการเมือง เสียความชอบธรรม มันเป็นอุปสรรค์ต่อการหามวลชนคนธรรมดามาร่วมกับเรา ดังนั้นเราต้องเน้นการเมืองมวลชน
ในอดีตนักศึกษาและกรรมกรก็มีการประท้วง มีการติดโปสเตอร์ มีการประชุมทางการเมืองใต้ดิน มีการแจกจ่ายสื่อ ถ้าฝ่ายเผด็จการคุมหนัก อาจเคลื่อนไหวในประเด็นที่ไม่พุ่งตรงไปที่เผด็จการ เช่นเรื่องค่าจ้างแรงงาน สิทธิสตรี การต่อต้านระบบรับน้อง หรือแม้แต่เรื่องสิ่งแวดล้อม
และในปัจจุบันเราก็เห็นนักศึกษาที่เคลื่อนไหวแบบนี้ เพื่อต่อต้านเผด็จการ คสช. และสมุนรับใช้ทหารที่คุมมหาวิทยาลัยอยู่