สัญญาณ"ปรองดอง"แผ่ว "ยิ่งลักษณ์" ปรับโหมด"การเมือง" เร่งถอดชนวนปะทุ!
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 1
รับไต่สวนคำร้องที่กล่าวหาว่าการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291
เข้าข่ายกระทำผิดตามมาตรา 68 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550
ดูเหมือนว่าการเมืองเริ่มมีการเปลี่ยนอีกครั้ง
ทั้งนี้เพราะ มาตรา
68
บัญญัติห้ามการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุข
หรือการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศที่มิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติ
ไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
โทษความผิดตามมาตรานี้รุนแรงถึงขั้นยุบพรรค!
ดังนั้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับไต่สวน และสั่งห้ามสภาลงมติ
ในวาระ 3 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 จึงทำให้สัญญาณปรองดองที่เคยแจ่มชัด กลับแผ่วเบาลง
ย้อน
หลังกลับไปเมื่อไม่นานมานี้
ดูเหมือนว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย
การจัดตั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
เป็นนายกรัฐมนตรีจึงไม่สะดุด
ขณะที่นานาชาติให้ความสำคัญทำให้บรรยากาศทางการเมืองไทยแลดูดีขึ้น
ยิ่งเมื่อมีการจัดงาน "รักเมืองไทย เดินหน้าประเทศไทย" ที่
ทำเนียบรัฐบาล และการร่วมมือร่วมใจของนักวิชาการกลุ่มต่างๆ
ที่ต้องการเห็นกระบวนการปรองดองเกิดขึ้น
มีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองและมีการ
ดำเนินการตามคำแนะนำ
ขณะนั้นดูเหมือนว่าการเมืองไทยกำลังก้าวเข้าสู่โหมดปรองดอง
กระทั่ง
มีการผลักดันร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติเข้าสู่การพิจารณา
ของรัฐสภา โดยมีเนื้อความบ่งบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
จะได้รับนิรโทษกรรมด้วย
เท่านั้นเองสัญญาณปรองดองที่เคย "เข้ม" กลับ "แผ่ว" ขณะที่ความขัดแย้งรอบใหม่กำลังเกิดขึ้น
จังหวะ
นี้เอง ศาลรัฐธรรมนูญที่รับไต่สวนตามมาตรา 68
และมีคำสั่งให้สภาชะลอการลงมติในวาระ 3
จนเกิดความขัดแย้งในขั้นตอนกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ
เพราะฝ่ายหนึ่งเห็นว่า มาตรา 68 เปิดโอกาสให้ยื่นคำร้องต่อ "อัยการสูงสุด"
เท่านั้น ไม่สามารถยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
แต่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า เรื่องดังกล่าวศาลรัฐธรรมนูญสามารถยื่นคำร้องได้โดยตรง
ความขัดแย้งดังกล่าวได้แตกประเด็นออกไปเรื่อยๆ แม้แต่พรรคเพื่อไทยเองก็มีความเห็นแตกต่าง
ฝ่าย
หนึ่งผลักดันให้รัฐสภาไม่ฟังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ โดยโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ
มาตรา 291 วาระ 3 ไปเลย แต่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่าหากโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญไปได้
แต่เมื่อกฎหมายยังมีข้อน่าสงสัยอาจกระทบต่อสถานภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ทูลเกล้าฯ กฎหมาย และอาจกระทบต่อพรรค
เพื่อไทย และเสถียรภาพของรัฐบาลในที่สุด
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1339896588&grpid=01&catid=&subcatid=