อย่าให้ ”สงครามกลางเมือง” กลายเป็นคำขู่ให้เรายอมจำนน
โดย อ.ใจ อึ๊งภากรณ์
ช่วง
นี้นักวิชาการ แกนนำเอ็นจีโอ
และผู้ที่มองตัวเองว่าเป็นหลักผู้ใหญ่หรือคนดีในสังคม ต่างประโคมภัยของ
“สงครามกลางเมือง” แล้วนำความชอบธรรมจอมปลอมใส่ตัวเอง
เพื่อเสนอให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้าเข้าหากันและประนีประนอม บางคนเสนอว่าควรมี
“นายกรัฐมนตรีคนกลาง” บางคนเสนอให้มี “รัฐบาลผสม”
ที่ประกอบไปด้วยฝ่ายสุเทพและเพื่อไทย
บางคนบอกว่าต้องมีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเพื่อให้สถานการณ์สงบลง
และทุกคนพูดว่าต้องมี “การปฏิรูปการเมือง”
โดยไม่พูดถึงการปฏิรูปที่จะขยายพื้นที่ประชาธิปไตยแต่อย่างใด
เพราะมุ่งไปที่การกำจัดตระกูลเดียวในการเมืองไทย แต่เขาเป็นผู้สร้างสถานการณ์ความรุนแรงมาตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร ๑๙ กันยาเรื่อยมา
ถ้า
จะหา “นายกรัฐมนตรีคนกลาง” มาบริหารประเทศ
คงต้องไปหาลาโง่จากคอกสัตว์มาดำรงตำแหน่ง เพราะ “คนกลาง”
คงต้องเป็นคนที่ไม่เข้าข้างประชาธิปไตยหรือเผด็จการ ไม่เลือกฝ่ายเพื่อไทย
ประชาธิปัตย์ หรือทหาร และไม่มีความคิดทางการเมืองเลย
หรือถ้าไม่นำลาโง่มานั่งเก้าอี้นายก ก็คงต้องเอาคนจอมโกหกที่บอกว่าตนเอง
“เป็นกลาง” แต่เอียงเข้าข้างฝ่ายเผด็จการจนเกือบตกเก้าอี้
ตัวอย่างที่ดีคือพวกตุลาการ
คน
ที่เสนอรัฐบาลผสม ยกตัวอย่างประเทศเยอรมัน
ที่มีรัฐบาลผสมระหว่างพรรคนายทุนกับพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย
แต่ผู้เสนอละเว้นที่จะบอกว่าสถานการณ์ดังกล่าวเกิดจากการที่ไม่มีพรรคไหนได้
เสียงข้างมากในสภา ซึ่งไม่ตรงกับกรณีไทยแต่อย่างใด
รัฐบาลผสมในเยอรมันนำความหายนะมาสู่การเมืองของพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย
ด้วย เพราะพรรคนี้ถูกลากไปสนับสนุนนโยบายฝ่ายขวา
และเสี่ยงกับการเสียคะแนนเสียงในอนาคต จริงๆ
ตัวอย่างจากเยอรมันที่มาจากข้ออ้างในการ “แก้วิกฤต” มีดีกว่านั้นคือ ในปี
1933 ประธานาธิบดี ฮินเดนเบอร์ค
แต่งตั้งผู้นำจากพรรคที่ได้คะแนนเสียงส่วนน้อย ให้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี
หลังจากนั้นประชาธิปไตยเยอรมันก็ดับหายไปเพราะนายกรัฐมนตรีคนนั้นชื่อ
ฮิตเลลอร์
ส่วน
การเสนอว่านายกรัฐมนตรีไทยไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง “เพื่อแก้วิกฤต”
เป็นข้ออ้างของการเข้ามาของเผด็จการทหารและเผด็จการฟาสซิสต์ทั่วโลก
เวลาพวกนัก
วิชาการ แกนนำเอ็นจีโอ และผู้หลักผู้ใหญ่คนดีในสังคม เสนอให้ปฏิรูปการเมือง
เราต้องอ่านตัวหนังสือตัวเล็กๆ ที่ตามมา ที่เขาไม่อยากให้เราพิจารณา
เพราะจะมีแต่มาตรการเพื่อลดเสียงของประชาชนส่วนใหญ่
และเพิ่มสิทธิพิเศษของพวกมันเองและชนชั้นกลางฟาสซิสต์
เพื่อกำจัดอิทธิพลของทักษิณเท่านั้น ไม่มีอะไรอีก
ไม่มีการเสนอการเก็บภาษีจากคนรวยเพื่อสร้างรัฐสวัสดิการ
ไม่มีการเสนอให้ยกเลิก 112 ไม่มีการเสนอให้ปล่อยนักโทษการเมือง
ไม่มีการเสนอให้ปลดตุลาการลำเอียงและยกเลิกองค์กรที่ “อิสระ”
จากประชาธิปไตย ไม่มีข้อเสนออะไรทั้งสิ้นให้ลดบทบาททหารในการเมืองและสังคม
และไม่มีข้อเสนอเพื่อสร้างมาตรฐานสิทธิมนุษยชน
โดยนำทหารและนักการเมืองที่ฆ่าประชาชนมาขึ้นศาล
สรุปแล้วพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนโกหกตอแหล ที่สร้างภาพว่า “เป็นห่วงประเทศไทย” แต่ความจริงมันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง