หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556

Divas Cafe

Divas Cafe



 

Divas Cafe ประจำวันที่ 30 กันยายน 2556
หนุนเขื่อนไม่ใช่ผู้ร้าย..ต้านเขื่อนไม่ใช่พระเอก
รู้จัก the Sunday Assembly โบสถ์สำหรับคนไม่มีศาสนา
http://www.dailymotion.com/video/x15cl5l_หน-นเข-อนไม-ใช-ผ-ร-าย-ต-านเข-อนไม

กินเนสส์บุ๊คตีพิมพ์กษัตริย์ไทยรวยที่สุดในโลก

กินเนสส์บุ๊คตีพิมพ์กษัตริย์ไทยรวยที่สุดในโลก



 
ราชาธิปไตย
http://www.youtube.com/watch?v=n7_LrwGs79g 

หนังสือกินเนสส์ เวิร์ลด์ เร็คคอร์ด 2014 ออฟฟิเชียล อะมาซซิ่ง ที่ เพิ่งออกวางจำหน่ายในระหว่างนี้ได้ยกย่องให้กษัตริย์ไทย ครองตำแหน่งกษัตริย์ที่ทรงมั่งคั่งที่สุดในโลกเหนือบรรดากษัตริย์ทั้งหมด

ทั้งนี้หนังสือกินเนสส์ บุ๊ค ได้ตีพิมพ์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช กษัตริย์ของประเทศไทย ครองอันดับ 1 กษัตริย์ที่มั่งคั่งที่สุดในโลก โดยมีพระราชทรัพย์ 30 พันล้านเหรียญฯ ตามมาด้วยพระราชาธิบดีแห่งบรูไน 20 พันล้านเหรียญฯ อันดับ 3 เป็นกษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ชาติที่ร่ำรวยจากน้ำมัน 18 พันล้านเหรียญฯ(ดูอันดับอื่นๆเพิ่มเติม คลิ้กลิ้งค์นี้)

ประชาชนเป็นหมื่นประท้วงเผด็จการกษัตริย์บาห์เรน (เพื่อนรักยิ่งลักษณ์นายกรัฐมนตรีไทย)

ประชาชนเป็นหมื่นประท้วงเผด็จการกษัตริย์บาห์เรน (เพื่อนรักของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์)
 




บทกวีการเมืองแห่งตอแหลแลนด์(อุบาทว์อัปรียะตุลากาลีฉันท์ ๑๙)

บทกวีการเมืองแห่งตอแหลแลนด์(อุบาทว์อัปรียะตุลากาลีฉันท์ ๑๙) 
 
 
 
ศาลรัฐธรรมนวย สร้างไว้ใช้อวย
ราชการอำมาตย์อันยิ่งใหญ่ในแดนดิน

กกกอดกัดกิน ภาษีทรัพย์สิน
เพื่อปกป้องคุ้มครองเหล่ากาลีอัปรีย์ชน

อัตตาตัวตน ย่อยยับอับจน
รักษาระบอบมารจนหมดสิ้นยุติธรรม

เสือกส่ายร่ายรำ เส้นทางระยำ
สนองกำหนัดอำนาจเหนือเพืี่อสืบสายพันธุ์

ดื้อด้านดึงดัน ยึดยื้อยืนยัน
ตีความตามกระสันกิเลสเร่าร้อนรุนแรง
 
ข้องขัดดัดแปลง มาตราตะแบง

กำหนัดกำหนดกฎเกณฑ์กำกวมด้วยเล่ห์กล

ซากเวทย์เศษมนต์ ลุกลี้ลุกลน
ป่าวประกาศเข้าประจัญชนประหวั่นพรั่นพรึง
 

ความคิดคำนึง กระชากลากดึง
ประเทศชาติฉิบหายล่มสลายไม่เหลือบแล         

สัมภาษณ์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ เมื่ออำนาจศาล รธน. ปะทะอำนาจรัฐสภา (อีกแล้ว)

สัมภาษณ์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ เมื่ออำนาจศาล รธน. ปะทะอำนาจรัฐสภา (อีกแล้ว)


 
http://farm3.staticflickr.com/2885/9999257526_dfdcd889a7_o.png 
(คลิกดูภาพขนาดใหญ่)

28 ก.ย. คือวันที่ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญมาถึงจุดร้อนฉ่าอีกครั้ง เมื่อสภามีมติเห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของที่มา ส.ว. ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 358 เสียง ไม่เห็นชอบ 2 เสียง งดออกเสียง 30 เสียงขณะที่ ฝ่ายค้าน และกลุ่ม 40 ส.ว. วอล์คเอาท์

หมากการเมืองและหมากกฎหมายที่พรรคฝ่ายค้านและ ส.ว. บางส่วนได้วางไว้ก่อนหน้านี้ ก็กลายมาเป็นปัจจัยพัวพันการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อทันที

โดยก่อนหน้านี้ นายสาย กังกะเวคิน ส.ว. ระยอง และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องขอให้พิจารณาว่าการแก้ไขรธน. ในส่วนของที่มา ส.ว. นั้นเข้าข่ายผิด ม. 68 แห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากนั้น 25 ก.ย. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องพร้อมแจ้งมายังสำนักเลขาธิการรัฐสภา ให้แจ้งต่อประธานรัฐสภาว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องของไว้พิจารณาแล้ว

พลันที่มีการลงมติผ่านฉลุย ด้วยคะแนน 358 เสียง ประธานวิปฝ่ายค้านก็ได้ยื่นหนังสือพร้อมรายชื่อ ส.ส. 143 คน ต่อ นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา และรองประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 ทันที

แล้วทั้งหมดนี้มันคืออะไร เสียงของส.ส. และส.ว. 358 เสียงยังคงมีความหมายใช้การได้หรือไม่ แล้วบทบาทหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีนี้ จะมีผลยับยั้งมติของรัฐสภาและกระบวนการต่อไปที่เข้าสู่ขั้นตอนพระราช วินิจฉัยหรือไม่ ประชาไทสัมภาษณ์ วรเจตน์ ภาคีรัตน์ นักกฎหมายจากกลุ่มนิติราษฎร์ รองศาสตราจารย์ด้านกฎหมายมหาชน เพื่อให้เขาอธิบายโดยละเอียด


000

วรเจตน์ : ผมอธิบายแบบนี้ก่อน เรียงลำดับไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย นะครับว่า ตอนนี้ กระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้ มันดำเนินมาจนกระทั่งผ่านวาระ 3 แล้ว

การแก้ไขเพิ่มรัฐธรรมนูญที่เป็นประเด็นอยู่นี้ เป็นการแก้รัฐธรรมนูญในส่วนที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งรัฐสภาก็ได้ประชุมกัน แล้วกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมนี้ ก็ดำเนินไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ทำเป็น 3 วาระ และเมื่อเช้าเมื่อนี้ก็ผ่านวาระ 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยคะแนนเสียงตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

ทีนี้ขั้นตอนต่อไปถัดจากนี้ ผมเอาขั้นตอนในทางกฎหมายก่อน ขั้นตอนถัดจากนี้จะเป็นไปตามมาตรา 291 (7) ก็คือ เมื่อมีการลงมติไปตามที่กล่าว ก็คือผ่านทั้ง 3 วาระมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้นำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ให้นำบทบัญญัติมาตรา 150 และ 151 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

เขื่อนแม่วงก์กับคนเสื้อแดง

เขื่อนแม่วงก์กับคนเสื้อแดง

 

 
คนค้นฅนนำเทป "ศศิน เฉลิมลาภ" เผยแพร่ยูทูบ หลัง MCOT ห้ามออกอากาศ

คนค้นฅนนำเทป "ศศิน เฉลิมลาภ" เผยแพร่ยูทูบ หลัง MCOT ห้ามออกอากาศ
http://www.prachatai.com/journal/2013/09/48987 

เอกสารราชการ:พระราชดำริเร่งรัดสร้างเขื่อนแม่วงก์
http://thaienews.blogspot.de/2013/09/blog-post_30.html 

สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
โลกวันนี้วันสุข ฉบับที่ 431  28 กันยายน 2556

ข่าวเรื่องเขื่อนแม่วงก์ ได้กลายเป็นกระแสใหญ่อีกครั้ง เมื่อ คุณศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้เป็นผู้นำในการรณรงค์ โดยใช้วิธีการเดินเท้าจากอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ นครสวรรค์ โดยมีปลายทางที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มาบุญครอง การเดินรณรงค์นี้ เป็นระยะทาง 338 กิโลเมตร เริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน ใช้เวลา 13 วัน โดยมาถึงกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 22 กันยายน เป้าหมายของการรณรงค์ครั้งนี้ ก็เพื่อสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนและคัดค้านขบวนการอีเอชไอเอ.(รายงานผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อม)ของเขื่อนแม่วงก์ ประเด็นสำคัญของการคัดค้าน คือ การสร้างเขื่อนนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อผืนป่าอย่างมากมาย อีกทั้งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่อย่างใด เพราะเขื่อนที่สร้างแล้วก็ยังรับนำได้เป็นเปอร์เซ็นต์น้อยมากของน้ำที่ท่วม การสร้างเขื่อนจึงไม่มีความคุ้มค้าต่อการทำลายสภาพแวดล้อม

ข้อมูลจากคุณนณณ์ ผาณิตวงศ์ อธิบายว่าเขื่อนแม่วงก์เป็นเขื่อนที่มีปริมาณกักเก็บน้ำ 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ค่าก่อสร้างปัจจุบัน อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท จะก่อให้เกิดน้ำท่วม 2 % ของป่าแม่วงก์ แต่บริเวณนี้เป็นป่าที่ราบริมน้ำซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการหากินและ ขยายพันธุ์ของสัตว์ป่าในฤดูแล้ง ในปัจจุบันประเทศไทยเหลือป่าในพื้นที่ราบอยู่น้อยมาก การสร้างเขื่อนทำให้ป่าถูกทำลาย 13,000 ไร่ เป็นไม้ใหญ่ 500,000 ต้น เป็นไม้สัก 50,000 ต้น ป่าแม่วงก์เป็นแหล่งสัตว์อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าราว 549 ชนิด ปลา 64 ชนิด ที่จะได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน การต่อต้านการสร้างเขื่อน จึงเป็นการรักษาป่าไม้และสภาพธรรมชาติเอาไว้

วาทะจุดประกาย: เครื่องแบบทั้งหลายนั้นล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อทำลายตัวตนหรือร่างกายของผู้สวมใส่

วาทะจุดประกาย: เครื่องแบบทั้งหลายนั้นล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อทำลายตัวตนหรือร่างกายของผู้สวมใส่

 

"ผมสงสัยว่า เครื่องแบบทั้งหลายนั้นล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อทำลายตัวตนหรือร่างกายของผู้ สวมใส่ตัวตนของผู้สวมหายไป เหลือแต่อวัยวะชิ้นหนึ่งขององค์กร ดังนั้น องค์กรจึงควบคุมเขาได้ง่าย เพราะเขาไม่เหลือความเป็นตัวตน หรือร่างกายที่แยกต่างหากออกมาจากองค์กรอีกแล้ว และนี่คือเหตุผลที่นักเรียนไทยต้องสวมเครื่องแบบจนกว่าจะจบมหาวิทยาลัย"

นิธิ เอียศรีวงศ์ 
29 มิ.ย.2550

วาทะจุดประกาย: สิ่งหนึ่งที่สร้างความเสียหายต่อการเมืองของฝ่ายซ้ายทั่วโลกคือลัทธิบูชาตัวบุคคล

วาทะจุดประกาย: สิ่งหนึ่งที่สร้างความเสียหายต่อการเมืองของฝ่ายซ้ายทั่วโลกคือลัทธิบูชาตัวบุคคล

 


 


"สิ่งหนึ่งที่สร้างความเสียหายต่อการเมืองของฝ่ายซ้ายทั่วโลกคือลัทธิบูชาตัวบุคคล"
"One of the things that has damaged the political left around the world has been the cult of political idols."

กาเบรียล บอริก (Gabriel Boric) 11 ก.ย. 2556
ผู้นำนักศึกษาของชิลีในยุคปัจจุบัน Leader of the Federation of Students(2011-2012)

เล่าข่าวนอกกระแส: ประจำสัปดาห์ 23 กันยายน 2556

เล่าข่าวนอกกระแส: ประจำสัปดาห์ 23 กันยายน 2556

 


 
ดาวน์โหลด mp3(คลิกฟัง)

-กระแสความเคลื่อนไหวและผลการเจรจาล่าสุด เอฟทีเอไทย-อียูรอบ 2 ที่เชียงใหม่
-ทำความรู้จัก "จีนเป็ง" หรือเฉินผิง อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ที่หลบหนีมาใช้ชีวิตในไทยจนบั้นปลายชีวิต

สาระ+ภาพ: ประเทศที่มีรัฐประหารหลังปี 49 - ตอนนี้อยู่ตรงไหนกัน?

สาระ+ภาพ: ประเทศที่มีรัฐประหารหลังปี 49 - ตอนนี้อยู่ตรงไหนกัน?

 

ดูภาพขนาดเต็มได้ที่นี่ 


19.09.49 ไทย
ชื่อประเทศ ราชอาณาจักรไทย
จำนวนครั้งของการรัฐประหาร 12 ครั้ง
รัฐประหารครั้งล่าสุด 19 กันยายน 2549
ระบอบการปกครอง ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา
สถานะปัจจุบัน มีนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง และมีรัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้สมัยรัฐบาลที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร

ข้อมูลเพิ่มเติม

ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญตั้งแต่ 24 มิถุนายน 2475 อย่างไรก็ตามก็เผชิญการรัฐประหารมาแล้ว 12 ครั้ง บังคับใช้รัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ

การรัฐประหารครั้งล่าสุดในประเทศไทย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 คณะรัฐประหารที่ใช้ชื่อว่า "คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" หรือ "คปค." มีหัวหน้าคณะคือ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ได้ทำการรัฐประหารขับรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ลงจากอำนาจ โดยขณะนั้นทักษิณอยู่ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ องค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
รัฐประหารดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเมื่อต้นปี 2549 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และทักษิณ ชินวัตรได้ประกาศยุบสภาเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2549 และจัดการเลือกตั้งเมื่อ 2 เมษายน 2549 อย่างไรก็ตามพรรคฝ่ายค้านได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน ประกาศไม่ยอมร่วม

ต่อมา 8 พฤษภาคม 2549 ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินให้การเลือกตั้งดังกล่าวเป็นโมฆะ ขณะที่รัฐบาลรักษาการในเวลานั้นได้ประกาศจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ มีกำหนดวันที่ 15 ตุลาคม 2549 อย่างไรก็ตามได้เกิดรัฐประหารขึ้นเสียก่อนในวันที่ 19 กันยายน 2549

หลังทำรัฐประหารสำเร็จ คณะรัฐประหารได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2540 และในวันที่ 1 ตุลาคม 2549 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 แทนรัฐธรรมนูญที่ถูกยกเลิก มีการตั้ง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งลาออกจากองคมนตรีมาเป็นนายกรัฐมนตรี มีการตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาที่ถูกยกเลิกไปพร้อมกับรัฐธรรมนูญ 2540 และมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และคณะรัฐประหารได้เปลี่ยนชื่อเป็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. มีหัวหน้า คปค. เป็นประธาน คมช.

ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ได้ตัดสินยุบพรรคไทยรักไทย และพรรคการเมืองอื่นๆ อีก 3 พรรค รวมทั้งเพิกถอนกรรมการบริหารพรรคทั้ง 4 พรรคเป็นเวลา 5 ปี