ให้โอกาสประชาธิปไตยไทยสักครั้ง
โดย พีระ เจริญวัฒนนุกูล
แนวทางการต่อสู้ของผู้ที่ไม่เห็นด้วยต่อรัฐบาลคือ
การรอคอยเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินผ่านการเลือกตั้งโดยไม่พยายามล้ม
รัฐบาลด้วยวิธีการต่างๆ
หลังจากเกิดความพยายามในการเสนอ พ.ร.บ.
นิรโทษกรรมเหม่าเข่งซึ่งได้รับการประท้วงจากหลายภาคส่วน
การเมืองระบอบประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้งในสภาได้เผชิญหน้ากับความท้าทาย
อีกครั้งเมื่อ “กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ” (กปท)
ได้ยกระดับการประท้วงจากการต่อต้าน พ.ร.บ. ไปสู่ความพยายามโค่นล้มรัฐบาล
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ดังกล่าว
กอปรกับการที่ผู้เขียนได้เปิดอ่านบทความของ Ian Baruma ที่ชื่อว่า “Give
Democracy a Chance in Egypt” อีกครั้ง
ผู้เขียนจึงเกิดข้อคิดอันเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ของกลุ่มพลังที่คอยออกมา
ขับไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งถามวิถีประชาธิปไตย
บทความชิ้นนี้มุ่งในการวิเคราะห์ถึงผลกระทบอันเกิดจากพฤติกรรมของกลุ่มพลัง
ที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
โดยบทความชิ้นนี้เสนอว่ากลุ่มพลังดังกล่าวนั้นได้สร้างวงจรอุบาทว์ที่ตนเอง
พยายามต่อต้านขึ้นมาซึ่งส่งผลให้ประชาธิปไตยไทยวนเวียนอยู่กับการเมืองแบบ
ที่เป็น “ตัวแทนประชาธิปไตย ปะทะ ตัวแทนเผด็จการ” ไม่เป็นที่สิ้นสุด
ก่อนหน้าที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จะถูกรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549 นั้น
กลุ่มเคลื่อนไหวทางสังคมได้รวมพลังกันเพื่อประท้วงรัฐบาลที่มีแนวโน้มไปใน
ทางอำนาจนิยมในสมัยทักษิณ กลุ่มพลังดังกล่าวที่รู้จักกันในนาม
“พันธมิตรประชาคมเพื่อประชาธิปไตย”
นั้นได้ปลุกมวลชนหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักกิจกรรม ผู้นำสหภาพ
หรือไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา เพื่อแสดงพลังประชาชนต่อต้านรัฐบาลทักษิณ
อย่างไรก็ดี การรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549
นั้นได้สร้างวิกฤติการความชอบธรรมทางการเมืองขึ้นมา กล่าวคือ ปัญญาชน
นักวิชาการ นักศึกษา
หรือผู้นำองค์กรต่างๆหลายกลุ่มที่เคยเข้าร่วมกับพันธมิตรฯนั้นได้ถูกผลักออก
มาเพื่อแสดงออกคัดค้านถึงวิถีทางการแก้ไขความขัดแย้งที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
ผ่านการใช้กลไกรัฐประหาร
มวลชนหลายกลุ่มได้เริ่มมองปัญหาทางการเมืองอันเกิดจากวิกฤติการณ์ความชอบ
ธรรมผ่านกรอบแว่นแบบ “ประชาธิปไตย ปะทะ เผด็จการ”
ในสภาพแวดล้อมดังกล่าวนั้น กลุ่มคนที่นิยมประชาธิปไตยได้ให้ความสำคัญต่อวิธีการมากกว่าเป้าหมาย ซึ่ง
หมายความว่าพวกเขาให้ความสำคัญต่อระบอบประชาธิปไตยมากกว่าระบอบเผด็จการ
กล่าวคือ
จากพรรคไทยรักไทยที่ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นพรรคพลังประชาชนนั้นได้เปลี่ยนสภาพ
มาเป็นตัวแทนของพลังประชาธิปไตยที่ต่อสู้กับระบอบเผด็จการ