หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

รวมบทวิเคราะห์รายงาน คอป.-เสนอรวมข้อมูลดิบจากทุกฝ่ายในหอจดหมายเหตุ

รวมบทวิเคราะห์รายงาน คอป.-เสนอรวมข้อมูลดิบจากทุกฝ่ายในหอจดหมายเหตุ




23 ก.ย.55  เวลาประมาณ 13.00 น. มีงานเสวนา รัฐประหาร 19 กันยา กับอาชญากรรมโดยรัฐ กรณีการสลายการชุมนุมเมษา-พฤษภา 53 จัดโดยศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือน เม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) และกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล ที่ตึกเอนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากจนล้นห้องประชุม

อ่านรายงานส่วนของ พวงทอง ภวัครพันธุ์
 

"ความจริงจากคลิป"

เวียง รัฐ เนติโพธิ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ตัวแทน ศปช. กล่าวถึงเหตุการณ์บริเวณราชปรารภ ว่า ขณะที่รายงานของ คอป.ระบุว่าความรุนแรงเริ่มเมื่อมีเอ็ม 79 ลงในคืนวันที่ 14 พ.ค. ที่บริเวณราชปรารภ และจากรายงานข่าวของไทยพีบีเอสที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค. เวลา 18.30 น. มีผู้ชุมนุมทุบกระจกรถบรรทุกทหาร ขณะขับผ่านบริเวณแยกดินแดง พร้อมบรรยายว่า เมื่อเสียงปืนดังขึ้นทำให้ทหารล้มลง แต่จากการตรวจสอบของ ศปช. พบว่า เป็นการยิงขึ้นฟ้าและแย่งปืนจากทหาร เพื่อมอบให้ตำรวจ แต่ไม่มีสื่อใดรายงานข้อเท็จจริงดังกล่าว ทำให้เกิดการตีความว่า คนเสื้อแดงยิงทหารล้มลงบาดเจ็บ ทั้งนี้ จากคำให้การในศาล ยืนยันตรงกันว่าทหารล้มเพราะถูกดึงลงมา และร่างกายไม่มีรอยกระสุน

นอก จากนี้จากการเก็บข้อมูลของ ศปช. พบว่า ก่อนเหตุการณ์ความวุ่นวายดังกล่าว มีผู้โดยสารรถแท็กซี่ในบริเวณนั้นถูกยิงและได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือนายไชยันต์ วรรณจักร อายุ 21 ปี ซึ่งทำงานร้านอาหารญี่ปุ่นในสุขุมวิท ถูกยิงเสียชีวิตขณะขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อกลับบ้านแถวอนุสาวรีย์ชัย นอกจากนี้ยังมีนายทิพเนตร ที่ใบมรณบัตร ระบุเวลาเสียชีวิต 23.00 น. แต่คาดว่าเสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกันกับนายไชยันต์

นอกจากนี้ คืนวันที่ 14 พ.ค. ยังมีอาสาสมัครกู้ภัยและผู้ไม่เกี่ยวข้องถูกยิงเสียชีวิต อาทิ นายบุญทิ้ง ปานจิรา อาสาสมัครกู้ภัยวชิรพยาบาล ซึ่งถูกยิงบริเวณปั๊มเชลล์ จากการเข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ ทั้งที่มีป้ายวชิรพยาบาลชัดเจน ไม่มีอาวุธ ขณะที่บริเวณใกล้แอร์พอร์ตลิงก์ สื่อรายงานว่า มีรถตู้ นปช.ฝ่าด่านทหาร เข้ามา ถูกยิงกระจกแตกรอบด้าน จากข้อมูล ศปช. พบว่าสมร ผู้ขับรถตู้ เพิ่งส่งผู้โดยสารต่างชาติที่ร.ร.แกรนด์เชอราตัน แต่ถูกทหารยิงกระหน่ำ อาจด้วยความเข้าใจว่าเป็น นปช.บุกและเพิ่งมีเอ็ม 79 ลงเมื่อสองทุ่ม นอกจากนี้ยังมีนายพัน คำกอง คนขับแท็กซี่ กับด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ อายุ 14 ปี ซึ่งออกมาดูเหตุการณ์ และถูกลูกหลงจนเสียชีวิต

โดยสรุปในวันที่ 14 พ.ค. ตั้งแต่ 17.30น. มีผู้เสียชีวิต 11 ศพ  ทั้งนี้ ไม่รวมผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก

เช้า วันที่ 15 พ.ค. มีผู้เสียชีวิตอีก 3 ราย เช่น กรณีเฌอ สมาพันธ์ ศรีเทพ อายุ 17 ปี ซึ่งไม่มีอาวุธ มีพยานบอกว่า ถูกยิงที่ศีรษะ ตัวหมุนและล้มลง เข้าใจว่า ขณะเกิดเหตุสมาพันธ์ค่อยๆ เข้าไปทางทหารเพื่อดูเหตุการณ์ ถาม คอป.ว่า นี่คือการยั่วยุของคนเสื้อแดงหรือ

ตอนบ่ายมีอีก 3 ศพ จากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหาร เช่น กรณีชาญณรงค์ พลศรีลา ซึ่งถูกยิงเสียชีวิต โดยมีภาพว่า มีเพียงยางรถยนต์กับหนังสติ๊ก ถามว่าในช่วงกลางวันแสกๆ ทหารที่มีกล้องติดปืนจะไม่เห็นหรือว่าเขาถืออะไร น่าประหลาดใจว่า ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอสรายงานว่า ทหารใช้อาวุธผลักดันผู้ชุมนุม ผู้สื่อข่าว ออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย

บ่าย วันเดียวกันยังมีนายธนากร ญาติของกำปั้น บาซู ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตขณะอยู่ในคอนโดเดอะคอมพลีท ชั้นที่ 24 เข้าใจว่า ยื่นหน้าออกมาดูเหตุการณ์ วิถีกระสุนเข้าทางขวา ออกทางซ้าย แปลว่ายิงมาจากทางทหาร ส่วนกำปั้นซึ่งจะเข้าไปช่วยเหลือก็ถูกกระสุนยิงเข้าไปแขน

ดังนั้นจะ เห็นว่า ศอฉ.บิดเบือนความจริง สร้างข้อมูลเท็จ โดยอ้างว่า มีการยิงเอ็ม 79 ทหารจึงต้องใช้อาวุธ ทั้งที่ ศปช. พบว่ามีผู้เสียชีวิตก่อนหน้านั้น ขณะที่สื่อก็รายงานบิดเบือนหรือผิดพลาดโดยเจตนา โดยรายงานว่าเป็นการปะทะระหว่าง นปช. กับทหาร ทั้งที่อาวุธที่ นปช. คือ หนังยาง ระเบิดเพลิง เมื่อทหารยิงมาก็ระบุว่า "กองกำลังไม่ทราบฝ่าย" มีคนใส่ชุดทหาร ก็รายงานว่า "แต่งกายคล้ายทหาร" ใช้คำว่า "ก่อความรุนแรง" "แดงเหิมบุกหนัก" และจากการที่ 19 คนที่เสียชีวิตบริเวณราชปรารภ ไม่มีอาวุธแม้แต่คนเดียว ยกเว้นชาญณรงค์ที่มีหนังสติ๊ก  ถามว่าใครรับผิดชอบต่อการตายของคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่เหล่านี้

ความจริงสีขาว ความตายสีเทา ความเศร้าสีใด? แล้วใจใครสีดำ?

ความจริงสีขาว ความตายสีเทา ความเศร้าสีใด? แล้วใจใครสีดำ?

 



รายงานสีขาวมีเรื่องเศร้า 
เรื่องความตายสีเทา 
ความตายสีเทาถูกระบาย 
ระบายด้วยชายชุดดำ 
ชายชุดดำอยู่ทุกที่  
ที่นี่ ที่โน่น ที่นั่น 
ที่งานศพสีเทา 
ชายชุดดำร่ำไห้กับความตายสีเทา
ชายชุดดำช่วยงานศพ 
ชายชุดดำหยุดร่ำไห้ชั่วครู่ 
พรั่งพรูถ้อยคำที่คั่งแค้น
ชายชุดดำอยู่ที่งานศพลูกฉันนี่แล้ว 
ชายชุดดำที่อยู่ในรายงานนั้น 
เป็นเพียงลมปากของชายใจดำ

 


บทกวีโดย ธีร์ อันมัย  
เขียนขณะอ่านรายงาน คอป.

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/09/42796 

คุณ คอป. ทั้งหลาย อยากเห็นขายชุดดำไม่ใช่หรือ ลองดูซิ มันเป็นใคร?

คุณ คอป. ทั้งหลาย อยากเห็นขายชุดดำไม่ใช่หรือ ลองดูซิ มันเป็นใคร?
 

(คลิกฟัง)
https://www.youtube.com/watch?v=dms5fBkucvA&feature=plcp

ศาลอาญาระหว่างประเทศกับกรณีราชประสงค์และกรณีการปราบปรามยาเสพติด: Long Way to Go

ศาลอาญาระหว่างประเทศกับกรณีราชประสงค์และกรณีการปราบปรามยาเสพติด: Long Way to Go


ศาลอาญาระหว่างประเทศ
International Criminal Court
Cour Pénale Internationale (ฝรั่งเศส)

สมาชิกภาพ (ตั้งแต่สิงหาคม 2553)     = รัฐที่ลงลายมือชื่อและให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแล้ว     = รัฐที่ลงลายมือชื่อในธรรมนูญกรุงโรมแล้ว แต่ยังไม่ให้สัตยาบัน
สมาชิกภาพ (ตั้งแต่สิงหาคม 2553)
     = รัฐที่ลงลายมือชื่อและให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมแล้ว
     = รัฐที่ลงลายมือชื่อในธรรมนูญกรุงโรมแล้ว แต่ยังไม่ให้สัตยาบ

 

โดยประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

บทนำ

จากความพยายามของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ยื่นหนังสือ (หรือจดหมาย) ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court: ICC) เพื่อต้องการให้มีการดำเนินคดีอาญาต่อบุคคลที่มีส่วนรับผิดชอบในการปราบปราม ผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์และกรณีที่นายกษิต ภิรมย์อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยื่นหนังสือ (หรือจดหมาย) ต่อศาลอาญาระหว่างประเทศเพื่อให้มีการดำเนินคดีอาญาต่อพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นต่อกรณีนโยบายปราบปรามยาเสพติด  อันเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าขณะนี้สังคมไทยได้ให้ความสนใจต่อศาลอาญาระหว่าง ประเทศมาก   ผู้เขียนเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่ในตั้งข้อสังเกตบางประการเพื่อสร้างความ รู้ความเข้าใจบางแง่มุมของศาลอาญาระหว่างประเทศ ดังต่อไปนี้

1.ทั้งสองกรณีเป็นเพียงการยื่นจดหมายหรือหนังสือถึงศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อต้องการให้มีการนำบุคคลที่มีส่วนรับผิดชอบเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของ ศาลอาญาระหว่างประเทศเท่านั้นเอง การยื่นจดหมายไม่ถือว่าเป็นการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ อำนาจฟ้องเป็นของอัยการและรัฐนั้นต้องเป็นภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศด้วย หรือไม่ก็ได้ทำคำประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลตามข้อที่ 12 (3) ซึ่งกรณีของประเทศไทยยังมิได้มีการดำเนินการทั้งให้สัตยาบันหรือทำคำประกาศ ยอมรับเขตอำนาจศาลแต่อย่างใด

2.สำหรับกรณีที่ประธานศาลอาญาระหว่างประเทศมีหนังสือตอบกลับมายังคุณกษิต ภิรมย์ นั้นหากพิจารณาจากถ้อยคำแล้วเป็นเพียงจดหมายที่มีลักษณะเป็นการตอบเชิงการ ทูตเท่านั้น จดหมายของท่านประธานมิได้เป็นการตอบรับว่ากระบวนการฟ้องร้องต่อศาลอาญา ระหว่างประเทศได้เริ่มต้นแล้ว ซึ่งหากสรุปเนื้อความของจดหมายแล้วก็อาจสรุปได้ว่าเป็นอำนาจของอัยการของ ICC ที่จะวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆแล้วจึงจะใช้ดุลพินิจว่าจะมีการสืบสวนสอบสวนหรือ ดำเนินคดีอาญาต่อไปอย่างไรก็ตาม ประธาน ICC ท่านนี้ก็ได้เชิญชวนให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีศาลอาญาระหว่างประเทศในอนาคต อันใกล้ด้วย[1]

3. ทั้งกรณีราชประสงค์และกรณีนโยบายปรามปราบยาเสพติดในตอนนี้ศาลอาญาระหว่าง ประเทศยังไม่มีเขตอำนาจในการรับคำฟ้องไว้พิจารณาแต่ประการใด เพราะประเทศไทยยังไม่ได้ยื่นคำประกาศฝ่ายเดียว (Unilateral Declaration) ยอมรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศตามมาตรา 12 (3) ของธรรมนูญกรุงโรมแต่อย่างใด นอกจากนี้ ประเทศไทยก็ยังไม่ได้ให้สัตยาบันแต่อย่างใดด้วย ยิ่งกว่านั้นการให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมนั้นก็ไม่มีผลทำให้ศาลอาญาระหว่าง ประเทศมีเขตอำนาจแต่อย่างใดเพราะการให้สัตยาบันนั้นไม่มีผลย้อนหลัง (non-retroactive)

"ชุดดำ"หรือ"ใจดำ"

"ชุดดำ"หรือ"ใจดำ"

 

 

ทุกครั้งของการชุมนุมใหญ่ประท้วงรัฐบาลของประชาชนมักจะมี "มือที่ 3" เกิดขึ้นเสมอ
 
14 ตุลาคม 2516 ก็มี "มือที่ 3"

จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าใครยิงปืนจากกองสลาก ใครสั่งให้ตีนักศึกษาตกน้ำที่บริเวณสวนจิตรลดา

เหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ก็มี "มือที่ 3"

ถ้า พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังการห้าม พล.ต.จำลอง ศรีเมือง จากสนามหลวงไปยังสะพานผ่านฟ้า

เป็นคนไล่ตีทหาร และเผาโรงพักนางเลิ้ง

เราก็คงไม่รู้ว่ามี "มือที่ 3" ในเหตุการณ์ครั้งนั้น

แต่เพราะเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หรือ พฤษภาคม 2553 "มวลชน" เป็นผู้ชนะอย่างเด็ดขาด

คำถามเรื่อง "มือที่ 3" จึงหายไปกับสายลม

พร้อมกับการหรี่ตาให้กับการเผาตึกกองสลาก หรือโรงพักนางเลิ้ง

จำไม่ได้กับวิธีการต่อสู้ของมวลชนด้วยการขับรถเมล์พุ่งชนแนวทหาร

"ผู้ชนะ" คือ "ผู้ถูกต้อง"

แต่เหตุการณ์ เมษา-พฤษภาฯ "มวลชนเสื้อแดง" ไม่ได้เป็นผู้ชนะ

เขาเป็น "ผู้แพ้" เหมือนกับนักศึกษาในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

ศปช. อ่านรายงาน คอป. : ‘พวงทอง’ วิพากษ์หลักฐาน-การให้น้ำหนัก-โครงเรื่อง

ศปช. อ่านรายงาน คอป. : ‘พวงทอง’ วิพากษ์หลักฐาน-การให้น้ำหนัก-โครงเรื่อง

 


รัฐประหาร 19 กันยา(ศปช) 23-9-2012 1/3
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=qBZnN-myIPw

รัฐประหาร 19 กันยา(ศปช) 23-9-2012 2/3
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=FNi0ZHqsiY0

รัฐประหาร 19 กันยา(ศปช) 23-9-2012 3/3
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ou8fKTGg7jc 

ทนายเสาวลักษณ์ โพธิ์งาม ธรรมศาสตร์ 23 09 2012  
http://www.youtube.com/watch?v=qMEwdZN-XHE&feature=g-all-u 


ศปช. อ่านรายงาน คอป. : ‘พวงทอง’ วิพากษ์หลักฐาน-การให้น้ำหนัก-โครงเรื่อง
พวงทอง ภวัครพันธุ์  เปิดรายงาน คอป. ชี้ข้อมูลหลายอย่างมีประโยชน์แต่ไม่ถูกให้น้ำหนัก เน้น ‘ชายชุดดำ’ อธิบายทุกเหตุการณ์โดยขาดหลักฐานหนักแน่น ไม่เน้นข้อมูลฝ่ายประชาชน เชื่อลมปาก ศอฉ.ไม่ตรวจสอบ ทำงานไฟลนก้นเอาข้อมูลตัดแปะตามโครงเรื่องที่วาง สรุปรัฐบาล-ศอฉ.แค่ประมาทเลินเล่อ โยนความผิดให้ จนท.ระดับล่าง ‘ผิดทั้งคู่’ ชูฐานะเป็นกลางตัวเอง

23 ก.ย.55  เวลาประมาณ 13.00 น. มีงานเสวนา รัฐประหาร 19 กันยา กับอาชญากรรมโดยรัฐ กรณีการสลายการชุมนุมเมษา-พฤษภา 53 จัดโดยศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือน เม.ย.-พ.ค.53 (ศปช.) และกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล ที่ตึกเอนกประสงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมากจนล้นห้องประชุม

พวง ทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะตัวแทน ศปช. กล่าวว่า  รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นสาเหตุที่นำมาสู่ความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยรัฐประหารถูกให้ความชอบธรรมโดยนักวิชาการ นักกิจกรรมทางสังคมจำนวนมาก แม้ในช่วงเกิดเหตุจะไม่มีความรุนแรง แต่การต่อต้านหลังจากนั้นมีมาโดยตลอด   เกิดกลุ่มอิสระต่างๆ และนำสู่การก่อตัวของกลุ่มเสื้อแดง ความรุนแรง เมื่อเมษายนปี 52 และเหตุการณ์ปี 53 ก็เป็นการตอบโต้กับรัฐประหาร ดังนั้น จึงไม่อาจเรียกได้ว่ามันเป็นรัฐประหารที่สันติ

ในส่วนรายงาน คอป. พวงทองกล่าวว่า รายงานนี้มีข้อมูลที่ดีและเป็นประโยชน์อยู่ไม่น้อย ข้อมูลเหล่านี้ควรถูกนำไปใช้ในชั้นศาลเพราะเป็นวิทยาศาสตร์ เช่น ข้อมูลที่แสดงว่าวิถีกระสุนที่ทำให้ผู้ชุมนุมเสียชีวิต ล้วนมาจากด้านที่ทหารตั้งอยู่ โดยเฉพาะกรณี 10 เม.ย.53 ซึ่งพบว่า ทหารตั้งอยู่บริเวณสะพานวันชาติ  ยิงมายังถนนดินสอ พบรอยกระสุน 120 รอยโดยไม่พบกระสุนปืนที่ยิงไปในทิศทางสวนกัน  หรือกรณีที่รายงาน คอป.ระบุว่า เวลาประมาณ 18.00 น.ยังพบทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้าหน้าวัดปทุมวนาราม ถือ M16 กระสุนจริงและยิงไปที่วัด พบรอยกระสุนที่บริเวณประตูทางออก ทางเข้า มีทิศทางการยิงจากรางรถไฟฟ้า ฯลฯ

“แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ถูกให้ความสำคัญเลย” พวงทองกล่าว

พวง ทองกล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันในรายงานเน้นย้ำเรื่องชายชุดดำอย่างมาก  ทั้งที่ คอป.ไม่สามารถอธิบายทุกเรื่องด้วยเรื่องชายชุดดำ ศปช.ไม่ได้ปฏิเสธว่ามีชายชุดดำอยู่โดยเฉพาะเหตุการณ์ 10 เมษา แต่ ศปช.อธิบายความรุนแรงบริเวณนั้นแตกต่างจาก คอป. ขณะที่ คอป. สรุปว่าไม่มีหลักฐานว่าผู้ชุมนุมเสียชีวิตจากชายชุดดำ ซึ่งเป็นการปฏิเสธข้อกล่าวหาของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และ ศอฉ.ที่ว่าชายชุดดำยิงใส่ผู้ชุมนุม เท่ากับข้อกล่าวหานี้ตกไปแล้ว  คอป.ย้ำว่าชายชุดดำเป็นสาเหตุให้ทหารเสียชีวิต ขณะเดียวกันก็เห็นอกเห็นใจฝ่ายทหาร จากคำอธิบายว่า การระดมยิงใส่ผู้ชุมนุม เพราะทหารระดับบังคับบัญชาเสียชีวิต ทำให้ทหารระดับล่างระดมยิงอย่างไร้การควบคุม