หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ต่อต้านทักษิณ โดยไม่ต่อต้านประชาธิปไตย เป็นไปได้ไหม?และต้องทำอย่างไร?

ต่อต้านทักษิณ โดยไม่ต่อต้านประชาธิปไตย เป็นไปได้ไหม?และต้องทำอย่างไร?


 








โดย เกษียร เตชะพีระ

 

ส่วน เรื่องที่ไม่เอานิรโทษกรรม ตนได้พูดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียงคำเดียวว่า ′ดิฉันไม่เอา นิรโทษกรรม′ เท่านั้น จากนั้นก็มีข่าว จาก พ.ต.ท.ทักษิณออกมาบอกว่าให้ลืมๆ กันไป เดินหน้าปรองดอง ตนไม่เชื่อคำพูดใครทั้งสิ้น..."

นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด 

พยาบาลอาสาที่ถูกยิงบริเวณวัดปทุมวนารามในการสลายการชุมนุมเมื่อ 19 พ.ค. 2555

(http://www.bangkokbiznews.com, 26 เม.ย.2555)


เมื่อ เร็วๆ นี้ ผมตั้งคำถามเป็นการบ้านให้นักศึกษาโครงการปริญญาเอกวิชาสัมมนาการเมือง การปกครองไทยที่รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ลองตอบดูว่า :

"จาก บทอ่านเรื่อง Kasian Tejapira, "Toppling Thaksin" (๒๐๐๖, www.newleftreview.org/?view=2615) และ Thongchai Winichakul, "Toppling Democracy" (๒๐๐๘, www.sameskybooks.org/wp-content/uploads/2008/02/j-of-contem-asia-2008-thongchai-winichakul-toppling-democracy.pdf) ให้นักศึกษาลองวิเคราะห์วิจารณ์ว่า การต่อต้านทักษิณโดยไม่ต่อต้านประชาธิปไตยไปด้วยนั้น เป็นไปได้หรือไม่? และต้องทำอย่างไรบ้าง?"

คำ ตอบของนักศึกษาเลขทะเบียน 5403300022 มีประเด็นแหลมคมชวนคิดน่าสนใจ อีกทั้งสอดรับกับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ผมขออนุญาตคัดบางตอนมานำเสนอโดยแก้ไขปรับแต่งถ้อยคำบ้างเล็กน้อย ดังนี้ : 

"...พิจารณาจากหลักการพื้นฐานที่สำคัญของประชาธิปไตยดังนี้ :

1) รัฐบาลมาจากความยินยอมของประชาชน ประชาชนถืออำนาจอธิปไตย แต่งตั้งถอดถอน รัฐบาลได้ผ่านกระบวนการที่ตกลงไว้

2) ระบอบการปกครองฟังเสียงข้างมาก โดยมิได้ละเมิดล่วงเกินสิทธิขั้นมูลฐานของฝ่าย ข้างน้อย

3) ปกครองโดยหลักนิติธรรม ยุติธรรมเสมอหน้า

4) ค้ำประกันสิทธิมนุษยชนของประชาชน และ

5) มีการสืบทอดอำนาจโดยสันติ

จากหลักการทั้ง 5 ประการสามารถสรุปอำนาจประชาธิปไตยได้เป็นสองส่วนคือ ที่มาของ อำนาจ กับ กระบวนการใช้อำนาจ

ซึ่งกรณีทักษิณ เกษียรให้ความสำคัญกับกระบวนการใช้อำนาจของทักษิณ

ใน ขณะที่ธงชัยให้ความสำคัญกับที่มาของอำนาจของทักษิณ แต่เน้นความสนใจไปที่การใช้อำนาจของสถาบันชนชั้นนำตามประเพณีเป็นเรื่องหลัก อันแสดงให้เห็นว่าข้อถกเถียงระหว่างทั้งสองเป็นเรื่องอัตวิสัยในการพิจารณา ความสำคัญของกระบวนการประชาธิปไตย

อย่าง ไรก็ตาม การต่อต้านทักษิณกับการพยายามไม่ให้สถาบันชนชั้นนำตามประเพณีแทรกแซงกระบวน การประชาธิปไตยอาจเป็นเรื่องเดียวกัน กล่าวคือเป็นเรื่องของประชาธิปไตยที่ก้าวข้าม การพึ่งพิงตัวบุคคลผู้นำที่มีบุคลิกแบบอำนาจนิยมและต่อต้านอำนาจรวมศูนย์ทุน นิยมพวกพ้อง ควบคู่กับการหลีกเลี่ยงไม่นำสถาบันชนชั้นนำตามประเพณีมาเป็นเครื่องมือทาง การเมืองโดยอาศัยภาพผู้พิทักษ์ประชาธิปไตย พยายามแยกทั้งทักษิณและสถาบันชนชั้นนำตามประเพณีออกจากภาพแทนประชาธิปไตย

อย่าง ไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าต้องมีพื้นที่ให้ทักษิณดำรงอยู่ ไม่ผลักออกไปจากการเมืองโดย อ้างเรื่องคุณธรรม แต่จะทำอย่างไรให้เขาอยู่ในสังคมการเมืองได้โดยไม่ฉกฉวยผลประโยชน์เฉพาะ กลุ่มหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าจะจัดการกับกลุ่มทุนอย่างไรไม่ให้ทำลาย ประชาธิปไตย

การ ต้านทักษิณโดยไม่ต่อต้านประชาธิปไตยสามารถกระทำได้โดยสร้างระบบกลไกที่ไม่ ต้องพึ่งพิงตัวบุคคลสถาบันชนชั้นนำตามประเพณีให้เข้ามามีอำนาจนำทางการเมือง ดังนี้ :

1) ต้องยอมรับว่าทักษิณและพวกพ้องที่ผ่านมาไม่ได้เท่ากับประชาธิปไตย หรือประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง ทว่ารัฐบาลทักษิณเป็นประชาธิปไตยเพียงครึ่งเดียวคือ ในแง่การได้มาซึ่ง อำนาจ แต่ในแง่การใช้อำนาจนั้น รัฐบาลทักษิณไม่สามารถรักษาความชอบธรรมไว้ได้ จนนำมาสู่ความขัดแย้งและทำลายรัฐบาลของตัวเอง ทั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าการทำลายประชาธิปไตยปรากฏได้เสมอ แม้ภายใต้รัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมาก


กระนั้น พึงตระหนักด้วยว่าการฟื้นฟูประชาธิปไตยมิใช่จะทำได้ด้วยการโค่นล้มรัฐบาลที่ ละเมิดสัญญาประชาคมโดยวิธีรัฐประหาร หรือดึงสถาบันชนชั้นนำตามประเพณีมาใช้ แต่อยู่ที่การผลักดันของภาคสังคมผ่านกลไกที่เป็นทางการหรือผ่านขบวนการ เคลื่อนไหวอื่นๆ

2) ความเข้มแข็งของภาคประชาชนยังมีความจำเป็นในการเฝ้าระวังกลุ่มทุนต่างๆ รวมทั้ง อำนาจการจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนก็จำเป็นเช่นกัน กล่าวคือการกระจายอำนาจยังเป็นสิ่งจำเป็น มิใช่การรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ตัวนายกรัฐมนตรี

อย่าง ไรก็ตาม ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าต้องทำให้ทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและส่วนภูมิภาคที่ เคยเป็นแขนขาให้นักการเมืองระดับชาติมีอิสระในการทำงานและมีกลไกที่ภาค ประชาชนเข้าไปตรวจสอบการทำงานได้มากขึ้น 

 
นอก จากนี้ ปัญญาชนสาธารณะต้องมีบทบาทในการเฝ้าระวังตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลโดยกลุ่ม คนเหล่านี้ควรเป็นคนที่มีความคิดแนวขวากลางหรือซ้ายกลาง ไม่สุดโต่งไปทางใด ทางหนึ่ง เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มทุน นโยบายที่รุกรานทรัพยากรสิ่งแวดล้อม สิทธิ มนุษยชน หรือสิทธิพื้นฐานของชุมชน รวมไปถึงการใช้งบประมาณรัฐ การใช้เงินของพรรคการเมือง 

อนึ่ง การแสดงความไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมิได้ หมายถึงการทำลายประชาธิปไตย ตรงกันข้าม การผลักไสคน/กลุ่มคนที่คัดค้านนโยบายบางประการของรัฐบาลออกไปโดยอ้างว่า เป็นพวกเสื้อสีตรงข้ามกับตน-นั่นต่างหากที่บ่อนทำลายประชาธิปไตย ดังที่เกิดขึ้นในกรณีคัดค้านการสร้างเขื่อน กรณีเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ เป็นต้น เพราะเท่ากับเป็นการลดพื้นที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐ เปิดโอกาสให้รัฐใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจโดยอ้างเสียงข้างมาก

อย่าง ไรก็ดี การเคลื่อนไหวคัดค้านการตัดสินใจของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็พึงระวัง ไม่ชักนำกองทัพหรือสถาบันชนชั้นนำตามประเพณีมาเป็นเครื่องมือในการต่อต้าน รัฐบาลเช่นกัน 

3) การออกกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญเพื่อกีดกันบุคคลหรือกลุ่มการเมืองใดให้ออกไปจากเวทีการเมืองมิใช่ทางออกที่เหมาะสม

เพราะ การเมืองเป็นเรื่องที่ต้องให้ทุกกลุ่มมีพื้นที่มีส่วนในอำนาจ การป้องกันการผูกขาด อำนาจหรือใช้อำนาจโจมตีคู่แข่งอย่างผิดกติกาการเมืองต่างหากที่จำเป็น


4) การสกัดกั้นกลุ่มทุนทักษิณซึ่งเป็นภาพแทนทุนโลกาภิวัตน์โดยเปลี่ยนกระแส เสียงข้างมากนั้น ต้องใช้เวลา รอโอกาส เพราะที่จริงก็คือ ต้องสู้กับกระแสเศรษฐกิจระดับโลกไปพร้อมกัน อันมิใช่เรื่องง่าย


(ที่มา)




ทัศนะของ อ.ปิยบุตร ต่อประเด็น "ปล่อยนักโทษการเมือง"

ทัศนะของ อ.ปิยบุตร ต่อประเด็น "ปล่อยนักโทษการเมือง"

 


ตอนผมไปพูดที่ร้านลาบ เชียงใหม่ มีผู้ถามทำนองว่าเรื่องคนติดคุก นิติราษฎร์จะทำอย่างไร ผมตอบตามความเห็นส่วนตัวไปว่า นอกจากเหตุผลว่าเราจับเรื่องระบบ โครงสร้างทางกฎหมายแบบภาพใหญ่แล้ว ผมเห็นว่าเรื่องปล่อยคนติดคุกนั้นง่ายมากในทางกฎหมาย

ไม่ต้องอาศัยเทคนิคซับซ้อน ไม่เหมือนเรื่องแก้ 112 ไม่เหมือนเรื่องลบล้างผลพวง รปห ไม่เหมือนเรื่องเขียน รธน ใหม่แบบแตะทุกหมวด ซึ่งต้องใช้วิธีทางกฎหมาย และเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองอาจไม่เข้าใจ คิดไม่ออก หรือไม่กล้าพอ

แต่การปล่อยคนติดคุกนั้น ขอเพียงรัฐบาลมีอินเทนชั่นจะทำเท่านั้นแหละ ก็ไปยกร่าง พรบ นิรโทษกรรมให้กับคนที่โดนคดีการเมืองทั้งหลาย รวมทั้ง 112 ด้วย แล้วเสนอเข้าสภา

ไม่ต้องใช้เทคนิคมากมาย อาศัยอินเทนชั่นเท่านั้น และประเทศนี้เคยทำมาแล้ว
ผมเลยเห็นว่าฝ่ายการเมืองทำได้เองและเป็นความรับผิดชอบและพันธะผูกพันต่อคนติดคุก

พูดแบบบ้านๆ ผมกำลังบอกว่า รัฐบาลขึ้นมาได้ส่วนหนึ่งเพราะคนชุมนุมต่อเนื่องหลายปี หลายคนโดนคดี เป็นพันธะผูกพันที่ต้องทำ และไม่ใช่ทำยากด้วย

นิติราษฎร์ทำทุกเรื่องไม่ไหวครับ..


เพื่อไทยจะตอแหลอีกนานมั้ย

http://www.youtube.com/watch?v=IclERX0S2gw&feature=youtu.be 

เมื่อรัฐไทยก้าว(ไม่)ข้าม..ความกลัว

เมื่อรัฐไทยก้าว(ไม่)ข้าม..ความกลัว


 ดูภาพใหญ่


“การยื่นคำร้องนี้ไม่ได้ทำให้ศาลอาญายุติการ สืบพยาน แต่ศาลอาญาไม่มีอำนาจตีความเองว่ามาตรา 112 ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องส่งไปให้รัฐธรรมนูญเป็นผู้ตีความ แม้จะสืบพยานเสร็จสิ้นแล้วก็ตาม ศาลอาญาก็ไม่อาจอ่านคำพิพากษาได้ เพราะต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน”

นายสุวิทย์ ทองนวล  ทนายความนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Voice of Taksin ประธานสหภาพพันธมิตรแรงงานประชาธิปไตยและประธานกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กล่าวถึงการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อให้ส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ วินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 ในมาตรา 3 วรรคสองและมาตรา 29 หรือไม่ ก่อนจะต้นการพยานฝ่ายโจทย์ในคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 112 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2555

นายสุวิทย์ กล่าวว่า การยื่นคำร้องดังกล่าวไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะต้องชี้แจงเหตุผลการวินิจฉัยไม่ว่าจะออกมาอย่างไรก็ตาม ว่า นายสมยศกระทำผิดจริงหรือไม่  ที่สำคัญหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามาตรา112 ขัดต่อรัฐธรรมนูญ จำเลยคนอื่นๆ ที่ถูกกล่าวหาลักษณะเดียวกันก็จะไม่มีความผิดด้วย  ซึ่งที่ผ่านมาจำเลยคดีมาตรา 112 มักยอมรับผิดแล้วขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อไม่ต้องติดคุกนานเกินไป
1 ปีคุมขัง “สมยศ”

 
(คลิกอ่านต่อ)
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank.php?news_id=14548

การแบ่งชนชั้นไม่ใช่ธรรมชาติของมนุษย์

การแบ่งชนชั้นไม่ใช่ธรรมชาติของมนุษย์

 

โดย C. H.

 

มนุษย์เริ่มต้นจากการวิวัฒนาการมาจากลิงในอัฟริกาเมื่อประมาณ 150,000 ปีมาแล้ว สังคมมนุษย์ในยุคบุพกาล เป็นสังคมของคนที่เก็บของป่าและล่าสัตว์ มนุษย์อยู่ในกลุ่มเล็กๆ ในลักษณะเครือญาติ ทรัพยากรทุกอย่างเป็นของกลางหมด มีการแบ่งกันอย่างเท่าเทียม มีการร่วมมือกันในกิจกรรมต่างๆ ในสังคมบุพกาลนี้ ชีวิตมนุษย์มีข้อดีตรงที่ไม่มีการแบ่งชนชั้น ไม่มีผู้ปกครอง และไม่มีการเลือกปฏิบัติระหว่างชายกับหญิง แต่ข้อเสียคือถ้าภูมิอากาศหรือธรรมชาติเปลี่ยนไป มนุษย์จะอยู่อย่างยากลำบาก เพราะไม่มีส่วนเกิน

มนุษย์อยู่กันทั่วโลกในสภาพแบบนี้ประมาณ 140,000 ปี คือ ประมาณ 90% ของประวัติศาสตร์มนุษย์ ข้อมูลนี้สำคัญ เพราะพวกที่สนับสนุนระบบชนชั้น การขูดรีด ความเหลื่อมล้ำ หรือทุนนิยม มักพยายามอ้างว่า “ธรรมชาติมนุษย์” เป็นธรรมชาติของการแย่งชิงและการแข่งขัน แต่ถ้า 90% ของประวัติศาสตร์เป็นยุคของความเท่าเทียมและการร่วมมือกันระหว่างมนุษย์ มันจะเป็นอย่างที่พวกนั้นอ้างไม่ได้

เมื่อ 10,000 ปีก่อนยุคปัจจุบัน มนุษย์เริ่มใช้ระบบเกษตรพื้นฐาน แต่ในไม่ช้าวิถีชิวิตแบบเก่าเริ่มยากลำบากมากขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง ทางภูมิอากาศ มนุษย์กลุ่มต่างๆ ต้องเลือกระหว่างการอยู่แบบเติมโดยใช้เกษตรพื้นฐานที่ไม่แน่นอน หรือเลือกเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลจีต่างๆ กลุ่มที่เลือกพัฒนาเทคโนโลจีเริ่มใช้สัตว์ลากไถ และใช้ปุ๋ยจากขี้สัตว์ เพื่อเพิ่มผลผลิตแต่ผลพวงที่ตามมาคือสังคมชนชั้น
    
การเพิ่มผล ผลิตทำให้ชีวิตมีความมั่นคงมากขึ้น ความสลับสับซ้อนของสังคมและการแบ่งงานกันทำมีผลในการเปลี่ยนความสัมพันธ์ ระหว่างคนและมีคนประเภทหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา คือพวกที่มีหน้าที่ “ควบคุม” ระบบเก็บอาหารเพื่อความมั่นคงของสังคม และเมื่อประมาณ 5000 ปีมาแล้ว มีการเริ่มเขียนถึง “ทาส” มีความเหลื่อมล้ำเกิดระหว่างคน และมีการบังคับใช้ชาวบ้านเพื่อทำงานเป็นบางเวลา
    
คำถามที่สำคัญคือ “มนุษย์ที่เคยเท่าเทียมกันมาก่อนเป็นเวลาแสนปีทนสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร?” คำตอบคือ กลุ่มต่างๆ ต้องเลือกเอาว่าจะเดินหน้าพัฒนาการผลิตในบริบทของสังคมยุคนั้น หรือจะถอยหลังไปอยู่อย่างยากลำบาก แต่เราไม่ควรลืมว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในสังคมเต็มไปด้วยความขัดแย้งทาง ชนชั้นเสมอ และในยุคปัจจุบันเราสามารถพูดได้ว่าเทคโนโลจีเจริญเติบโตพอที่จะยกเลิกระบบ ชนชั้นได้


(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.com/2012/03/blog-post_06.html

4 5 55 ข่าวเที่ยงDNN รายงานพิเศษ จักรภพ แนะ แก้ ม 112 ศาล กองทัพอย่าอ้างสถาบัน

4 5 55 ข่าวเที่ยงDNN รายงานพิเศษ จักรภพ แนะ แก้ ม 112 ศาล กองทัพอย่าอ้างสถาบัน 

 


(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=54oefvHJZk4

ระทึก รัสเซียประกาศขู่ถล่ม"โปแลนด์-โรมาเนีย-นาโต้ หากติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธสหรัฐ

ระทึก รัสเซียประกาศขู่ถล่ม"โปแลนด์-โรมาเนีย-นาโต้ หากติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธสหรัฐ

 





สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ว่า นายพลนิโคไล มาคารอฟ ผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพรัสเซีย ประกาศว่า รัสเซียพร้อมที่จะปฎิบัติการทางทหารโจมตีโปแลนด์และโรมาเนีย หากสองประเทศนี้อนุมัติการติดตั้งระบบเรดาห์ป้องกันภัยขีปนาวุธทางกลาโหมและ จรวดสกัดทำลายขีปนาวุธ โดยหากนาโต้ยังคงผลักดันระบบป้องกันภัยขีปนาวุธของสหรัฐให้ประจำการใน ภูมิภาคยุโรปตะวันออก จะทำให้เกิดการใข้กำลังขึ้น

นอกจากนี้ เขายังขู่จะถล่มฐานทัพของนาโตที่เป็นสถานที่ตั้งประจำการของระบบป้องกันภัย ขีปนาวุธดังกล่าว ซึ่งสหรัฐอ้างว่าเพื่อป้องกันภัยการโจมตีอาวุธอันตรายจากอิหร่าน โดยรัสเซียจะตอบโต้ด้วยการประจำขีปนาวุธพิสัยใกล้ในเมืองกาลินิกราด ใกล้พรมแดนโปแลนด์ ซึ่งจะทำให้เกิดสถานการณ์ตึงเครียดทางทหารเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงคราม เย็น

รายงานระบุว่า ระบบป้องกันภัยขีปนาวุธของสหรัฐได้สร้างความขัดแย้งกับรัสเซียมายาวนานนับ สิบปี และคุกคามความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐซึ่งต้องการจะเปิดฉากความ สัมพันธ์ใหม่กับรัสเซีย ขณะที่นายอนาโตลี เซอร์ดยูกอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เตือนว่า การเจรจาระหว่างรัสเซียและนาโตเกี่ยวกับระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางกลาโหมได้ ถึงจุดทางตันแล้ว

(ที่มา)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1336104005&grpid=00&catid=06&subcatid=0600

ปฏิญญาหน้าศาล 6 พฤษภา 55


ปฏิญญาหน้าศาล 6 พฤษภา 55





คอมมิวนิสต์ - จิตร ภูมิศักดิ์

ก่อการร้าย - คนเสื้อแดง

ปฏิญญาหน้าศาล 6 พฤษภา 55 ขุดกรุคุก...เผด็จการจับจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักโทษ ...เสื้อคลุมประชาธิปไตยจับเสื้อแดงเป็นเชลย !!!

พบกับวิทยากร ทองธัช เทพารักษ์ อติภพ ภัทรเดชไพศาล สุธาชัย ยิิ้ประเสิรฐ

บ่ายโมงตรง หน้าศาลอาญา ถนนคนเดิน เทวดาไม่กล้าผ่าน ทีมงานปฏิญญาหน้าศาล !!!!