หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ถ้าจะสร้างประชาธิปไตย เราต้องโค่น “ระบอบประยุทธ์”

ถ้าจะสร้างประชาธิปไตย เราต้องโค่น “ระบอบประยุทธ์”


10339290_790588080960126_6211533798130786314_o



 
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์


ขณะนี้ประยุทธ์มือเปื้อนเลือด ตระกูลจันทร์โอชา และพรรคพวกทหารของเขา กำลังสร้าง “ระบอบประยุทธ์” ในพื้นที่การเมือง เศรษฐกิจ กับสังคม ถ้าปวงชนชาวไทยจะมีสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันล้มล้างระบอบประยุทธ์อันชั่วร้ายนี้

ตอนนี้พี่เบิ้มจันทร์โอชา กำลังโยกย้ายข้าราชการที่เคยดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนรัฐประหาร และแต่งตั้งญาติพี่น้องและพรรคพวก เข้ามาครองตำแหน่งแทน ความหวังคือจะต้องคุมสังคมต่อไปอีกนาน

ในรัฐวิสาหกิจทั้งหลาย พี่เบิ้มจันทร์โอชากำลังกำจัดกรรมการบริหารบอร์ดต่างๆ และแต่งตั้งทหารกับพวกประจบสอพลอเข้ามาแทน ในกรณี ปตท. พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เข้ามาโกยโดยตรง และ “นกหวีด”ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เข้ามานั่งข้างๆ บอร์ดรัฐวิสาหกิจทุกแห่งมีพี่เบิ้มจันทร์โอชานั่งคุมจากเบื้องบน นี่คือการละเมิดอำนาจ เพื่อผลประโยชน์ทับซ้อนกับการคอร์รับชั่น แบบสุดขั้ว “โมเดล 1984”

ในประวัติศาสตร์ไทย เผด็จการทหารยุคจอมพลป. และสฤษดิ์ ริเริ่มวัฒนธรรมการโกงกินและการดูดทรัพย์จากรัฐวิสาหกิจเข้ากระเป๋าตนเอง พี่เบิ้มจันทร์โอชามองว่าการใส่เครื่องแบบและการเบ่งอำนาจแปลว่าทหารมี คุณสมบัติในการเป็นเลิศในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารเศรษฐกิจ การศึกษา กฏหมาย หรือการฆ่าคนไทยที่รักประชาธิปไตย ดังนั้นทหารควรได้รับอะไรตอบแทน

พี่เบิ้มจันทร์โอชาได้แต่งตั้งตนเองเป็นหัวหน้าใหญ่คุมการค้า การลงทุน และทุกอย่างเกี่ยวกับเศรษฐกิจ คือพูดง่ายๆ ตรงไหนมีเงินทอง ตรงนั้นต้องมีนายพล เหมือนแมลงวันตอมขี้

แต่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ไม่ต้องไปสำรวจคณะทหารเถื่อนหรอก ก่อนหรือหลังเข้าแต่งตั้งตนเองในตำแหน่งใดๆ ไม่ต้องรายงานทรัพย์สิน ต่างจากนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งโดยสิ้นเชิง นี่ก็อีกตัวอย่างของการทุจริตครั้งใหญ่ของคณะทหารเถื่อน ในขณะเดียวกัน ปปช. กำลังสืบสวนอดีตนายกยิ่งลักษณ์ เพราะมันจะเป็นโอกาสทองที่จะห้ามไม่ให้มีบทบาททางการเมืองในอนาคต และอาจมีโบนัสใหญ่คือยุบพรรคเพื่อไทย

ในภาคการศึกษา โรงเรียนต่างๆ ต้องเปลี่ยนหลักสูตรให้สอดคล้องกับความคิดของพี่เบิ้มจันทร์โอชา มีการเน้นวินัย การรักชาติของอำมาตย์ และการปลูกฝังความรักต่อพี่เบิ้มจันทร์โอชา แต่เวลาทำอะไรต้องหัดประหยัด เพราะคณะทหารเถื่อนตัดงบการศึกษาเพื่อพยุงงบทหารและค่าใช้จ่ายของเผด็จการ
โครงการที่จะพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภค ถูกตัดไปด้วย แต่บางโครงการอาจฟื้นใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสที่ทหารจะรับเงินใต้โต๊ะในการประมูลรอบใหม่

ในด้านสื่อมวลชน คณะทหารเถื่อนขอให้สื่อทำหน้าที่อย่างสบายใจ ไม่ต้องวิตกเรื่องทหารนั่งคุมสำนักงาน เสนอข่าวได้อย่างเสรี เพียงแต่ต้องเสนอข่าวแนวที่ชื่นชมอวยคณะของพี่เบิ้มจันทร์โอชา และโกหกชาวโลกว่าประเทศไทยเสรีและมีความสุข

คราวก่อนที่ทหารก่อรัฐประหาร ๑๙ กันยา มีการเขียนรัฐธรรมนูญทหาร และสร้างองค์กรที่อิสระจากการตรวจสอบของประชาชน องค์กรเหล่านี้เต็มไปด้วยพวกอนุรักษ์นิยมที่ชอบทหารเผด็จการและเกลียดชัง ทักษิณ ตัวอย่างก็รู้ๆ กัน เช่นศาลรัฐธรรมนูญ และส.ว.ลากตั้ง แต่มันไม่พอ ในที่สุดต้องยอมให้มีการเลือกตั้งและพรรคเพื่อไทยก็ชนะ วิกฤตเลยยืดยาว

คราวนี้ทหารต้องการสร้างระบอบประยุทธ์ให้คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ดังนั้นจะมีการแต่งตั้งพวกประจบสอพลอที่เกลียดชังประชาธิปไตยและดูถูก ประชาชน ให้มานั่งร่างรัฐธรรมนูญระบอบประยุทธ์ ใช้ “พม่าโมเดล” ทหารจะได้มีอิทธิพลต่อไปอีกนาน และผลการเลือกตั้งจะต้องถูกออกแบบให้เหมาะสมกับระบอบ“ประชาธิปไตยภายใต้การ กำกับของท่านผู้นำ” (guided democracy) โดยที่ทหารจะมีสองบทบาทคู่ขนานตลอดไปในสังคม คือฆ่าคน และเสือกการเมืองพร้อมกัน ตามสูตร “Dwifungsi” ของอดีตเผด็จการซุฮาร์โต้ในอินโดนีเซีย

คนหนึ่งที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับสภาประจบสอพลอ ที่จะมานั่งร่างรัฐธรรมนูญระบอบประยุทธ์คือ สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีธรรมศาสตร์ เพราะเขามองว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นเผด็จการ และการทำรัฐประหารเพียงแต่นำคนใส่เครื่องแบบเข้ามาบริหารประเทศแทนเท่านั้น

ประเทศไทยโชคดีมากที่มีคนฉลาดแบบสุรพล นิติไกรพจน์ และมีคนที่ทั้งกล้า ทั้งขยัน และทั้งมีวิสัยทัศน์เพื่อประโยชน์ตนเอง อย่างพี่เบิ้มจันทร์โอชา ไม่ยังงั้นประเทศจะถอยหลังลงคลองในมือของประชาชนส่วนใหญ่ที่โง่เขลา

(ที่มา)
http://turnleftthai.wordpress.com/2014/06/28/ถ้าจะสร้างประชาธิปไตย-เ

คืนความสุขให้คนไทย! เสรีภาพในกรงทอง

คืนความสุขให้คนไทย! เสรีภาพในกรงทอง


 
แดนตาราง
http://www.yourepeat.com/watch/?v=C8Q6-Z6nbf8

ความจนตรอกของเหล่านายทหารและกลุ่มอำมาตย์ เพียงเพื่อหวังขอส่งตัวข้ามแดน!?!

ความจนตรอกของเหล่านายทหารและกลุ่มอำมาตย์ เพียงเพื่อหวังขอส่งตัวข้ามแดน!?!



 


ศาลทหารออกหมายจับ จักรภพ ข้อหาเกี่ยวพันอาวุธสงคราม หวังขอส่งตัวข้ามแดน
http://www.prachatai.com/journal/2014/06/54304 

"เพียงแค่สองวันที่แล้ว คณะเผด็จการทหารบอกว่าไม่สนใจองค์กรเราโดยบอกว่า

“ไม่มีความสำคัญ”

แต่ในตอนนี้ เรากลับถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังกลุ่มกองกำลังติดอาวุธซึ่งไม่มีอยู่จริง ซ้ำยังพยายามลิดรอนสิทธิในการเดินทางของเราโดยเพิกถอนหนังสือเดินทาง

การกระทำของคณะเผด็จการทหารเหล่านี้เผยให้เห็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น - ความรู้สึกไม่มั่นใจของพวกเขาที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน"

จักรภพ เพ็ญแข เลขานุการบริหารขององค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย"



จักรภพ เพ็ญแข - Jakrapob Penkair
6 นาทีที่แล้ว

แถลงการณ์ตอบโต้ข้อกล่าวหาเรื่องอาวุธสงครามและการเพิกถอนหนังสือเดินทาง

วันเสาร์ที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗

“ข้อกล่าวหาที่คณะรัฐประหารเถื่อนไทยใช้กดดันผมในวันนี้ เผยให้เห็นความจนตรอกของเหล่านายทหารและกลุ่มอำมาตย์ที่พวกเขาทำงานรับใช้อีกครั้ง 

การกล่าวอ้างอันเป็นเท็จประเภทที่ว่าผมอยู่เบื้องหลัง “กลุ่มติดอาวุธ” ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นิยายเท่านั้น แต่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความโข่เขลาของคณะเผด็จการทหารลวงโลก

ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า ไม่มีหลักฐานใดที่สามารถเชื่อมโยงผมกับอาวุธที่คณะเผด็จการทหารยึดมาได้ และผมขอท้าทายให้พวกเขาแสดงหลักฐานเหล่านั้น แน่นอนว่า แม้แต่การยึดอาวุธเหล่านั้นก็มีกลิ่นของความน่าสงสัยโชยออกมา 

เพราะไม่มีการสอบสวนที่เป็นอิสระเรื่องการยึดอาวุธ ไม่มีการเก็บลำดับขั้นตอนหลักฐาน และข้อกล่าวหาที่คณะเผด็จการทหารหยิบยกขึ้นมานั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ และสามารถถูกหลักล้างได้อย่างง่ายดายหากถูกตรวจสอบอย่างละเอียด

กรณีที่คณะเผด็จการทหารพยายามจะ “ทำเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน” ผมในข้อหาดังกล่าว พวกเขาเองควรจะต้องรับรู้ว่าไม่มีรัฐบาลไหนในโลกใบนี้ที่จะเชื่อฟังยอมจำนนต่อคำข่มขู่ของพวกเขา เพราะผมจะได้รับสิทธิในการเข้าถึงหลักฐานทั้งหมดที่พวกเขาสร้างขึ้นมา รวมถึงพื้นที่ในการท้าทายหลักฐานเหล่านั้น

และนี้คือเหตุผลที่กลไกล “ตุลาการ” เดียวที่พวกเขานำมาใช้คือการเร่งรัดดำเนินคดีด้วยข้อหาเท็จโดยการใช้ “ศาล” ทหารของพวกเขา ที่ซึ่งกระบวนการอันควรแห่งกฎหมายและหลักนิติธรรมได้ถูกทำลายลงไปนานแล้วเพื่อรองรับระบอบการปกครองเผด็จการ 

ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่าคดีความทั้งหมดที่นำขึ้นสู่ “ศาล” ทหารเกิดขึ้นในบริบทของรูปแบบระบบกฎหมายที่ไม่ต่างไปจากละครเวทีอันน่าขัน โดยปราศจากสิทธิทางกฎหมาย

และเพื่อเป็นหลักฐาน ผมขอแถลงว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นในการต่อสู้แบบ “ติดอาวุธ” ผมเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในการต่อสู้ทางการเมือง สังคมและวัฒนธรรมโดยมีฐานมั่นที่เป็นจริงผ่านทางเจตนารมณ์ทาง
ประชาธิปไตยของประชาชนไทย 

กลุ่มนายทหารและกลุ่มอำมาตย์ที่พวกเขาทำงานรับใช้ทราบอย่างดีว่าหากปล่อยให้ประชาชนไทยแสดงออกซึ่งเจตจำนงค์ประชาธิปไตยแล้ว อำนาจของพวกเขาจะสิ้นสุดลง และนำไปสู่การฟื้นฟูระบอบที่ชอบด้วยกฎหมายและหลักการรับผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ 

ในเวลานี้ กองทัพและกลุ่มอำมาตย์ที่พวกเขาทำงานรับใช้คือคนกลุ่มเดียวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อต้านเจตจำนงค์ของประชาชนไทยด้วยการใช้ “อาวุธ” โดยมิชอบด้วยกฎหมาย 

ผู้ที่เชื่อมั่นในประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ เพราะเรามั่นใจอย่างแท้จริงว่า เมื่อประชาชนไทยได้รับสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกลับคืนมา คณะเผด็จการทหารจะกลายเป็นเพียงแค่ความผิดเพี้ยนทางประวัติศาสตร์เท่านั้น

ผมขอกล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องที่คณะเผด็จการทหารเพิกถอนหนังสือเดินทางของผมว่า นี่มิใช่เป็นเพียงการกระทำกดขี่อันวิตถารเท่านั้น แต่ยังทำให้ประชาชนคนไทยที่ต่อต้านการปกครองระบอบทหารกลายเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง 

การเพิกถอนดังกล่าวจะประจานให้ประชาคมโลกเห็นว่า คณะเผด็จการทหารไทยไม่ต่างไปจากกลุ่มทรราชผู้เกรี้ยวกราดที่ทำประพฤติตนนอกมาตรฐานกฎหมายระหว่างประเทศ

จักรภพ เพ็ญแข
จักรภพ เพ็ญแข


แถลงการณ์ตอบโต้ข้อกล่าวหาเรื่องอาวุธสงครามและการเพิกถอนหนังสือเดินทาง

วันเสาร์ที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗

“ข้อกล่าวหาที่คณะรัฐประหารเถื่อนไทยใช้กดดันผมในวันนี้ เผยให้เห็นความจนตรอกของเหล่านายทหารและกลุ่มอำมาตย์ที่พวกเขาทำงานรับใช้ อีกครั้ง 

การกล่าวอ้างอันเป็นเท็จประเภทที่ว่าผมอยู่เบื้องหลัง “กลุ่มติดอาวุธ” ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นิยายเท่านั้น แต่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความโข่เขลาของคณะเผด็จการทหารลวงโลก

ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า ไม่มีหลักฐานใดที่สามารถเชื่อมโยงผมกับอาวุธที่คณะเผด็จการทหารยึดมาได้ และผมขอท้าทายให้พวกเขาแสดงหลักฐานเหล่านั้น แน่นอนว่า แม้แต่การยึดอาวุธเหล่านั้นก็มีกลิ่นของความน่าสงสัยโชยออกมา
เพราะไม่มีการสอบสวนที่เป็นอิสระเรื่องการยึดอาวุธ ไม่มีการเก็บลำดับขั้นตอนหลักฐาน และข้อกล่าวหาที่คณะเผด็จการทหารหยิบยกขึ้นมานั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ และสามารถถูกหลักล้างได้อย่างง่ายดายหากถูกตรวจสอบอย่างละเอียด

กรณีที่คณะเผด็จการทหารพยายามจะ “ทำเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน” ผมในข้อหาดังกล่าว พวกเขาเองควรจะต้องรับรู้ว่าไม่มีรัฐบาลไหนในโลกใบนี้ที่จะเชื่อฟังยอมจำนน ต่อคำข่มขู่ของพวกเขา เพราะผมจะได้รับสิทธิในการเข้าถึงหลักฐานทั้งหมดที่พวกเขาสร้างขึ้นมา รวมถึงพื้นที่ในการท้าทายหลักฐานเหล่านั้น

และนี้คือเหตุผลที่กลไกล “ตุลาการ” เดียวที่พวกเขานำมาใช้คือการเร่งรัดดำเนินคดีด้วยข้อหาเท็จโดยการใช้ “ศาล” ทหารของพวกเขา ที่ซึ่งกระบวนการอันควรแห่งกฎหมายและหลักนิติธรรมได้ถูกทำลายลงไปนานแล้ว เพื่อรองรับระบอบการปกครองเผด็จการ 

ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่าคดีความทั้งหมดที่นำขึ้นสู่ “ศาล” ทหารเกิดขึ้นในบริบทของรูปแบบระบบกฎหมายที่ไม่ต่างไปจากละครเวทีอันน่าขัน โดยปราศจากสิทธิทางกฎหมาย
และเพื่อเป็นหลักฐาน ผมขอแถลงว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นในการต่อสู้แบบ “ติดอาวุธ” ผมเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในการต่อสู้ทางการเมือง สังคมและวัฒนธรรมโดยมีฐานมั่นที่เป็นจริงผ่านทางเจตนารมณ์ทางประชาธิปไตยของประชาชนไทย
กลุ่มนายทหารและกลุ่มอำมาตย์ที่พวกเขาทำงานรับใช้ทราบอย่างดีว่าหากปล่อยให้ ประชาชนไทยแสดงออกซึ่งเจตจำนงค์ประชาธิปไตยแล้ว อำนาจของพวกเขาจะสิ้นสุดลง และนำไปสู่การฟื้นฟูระบอบที่ชอบด้วยกฎหมายและหลักการรับผิดของเจ้าหน้าที่ รัฐ 

ในเวลานี้ กองทัพและกลุ่มอำมาตย์ที่พวกเขาทำงานรับใช้คือคนกลุ่มเดียวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการต่อต้านเจตจำนงค์ของประชาชนไทยด้วยการใช้ “อาวุธ” โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ที่เชื่อมั่นในประชาธิปไตยไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ เพราะเรามั่นใจอย่างแท้จริงว่า เมื่อประชาชนไทยได้รับสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกลับคืนมา คณะเผด็จการทหารจะกลายเป็นเพียงแค่ความผิดเพี้ยนทางประวัติศาสตร์เท่านั้น

ผมขอกล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องที่คณะเผด็จการทหารเพิกถอนหนังสือเดินทางของผม ว่า นี่มิใช่เป็นเพียงการกระทำกดขี่อันวิตถารเท่านั้น แต่ยังทำให้ประชาชนคนไทยที่ต่อต้านการปกครองระบอบทหารกลายเป็นผู้ลี้ภัยทาง การเมือง การเพิกถอนดังกล่าวจะประจานให้ประชาคมโลกเห็นว่า คณะเผด็จการทหารไทยไม่ต่างไปจากกลุ่มทรราชผู้เกรี้ยวกราดที่ทำประพฤติตนนอก มาตรฐานกฎหมายระหว่างประเทศ