หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ถ้าไม่สร้างพรรคฝ่ายซ้ายในไทย การเมืองจะวนเวียนอยู่ในอ่างน้ำเน่าต่อไป

ถ้าไม่สร้างพรรคฝ่ายซ้ายในไทย การเมืองจะวนเวียนอยู่ในอ่างน้ำเน่าต่อไป


พรรคจะต้องเป็นแหล่งรวมของประสบการณ์และทฤษฎีการต่อสู้ แหล่งรวมของนักเคลื่อนไหวไฟแรง และเป็นเครื่องมือในการประสานงานและปลุกระดมการต่อสู้ในหมู่กรรมาชีพและคนจน

โดย ลั่นทมขาว

การต่อสู้ของมวลชน... ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้... การเสียเลือดเนื้อของประชาชน... การเลือกตั้ง... การปรองดองของชนชั้นปกครองบนซากศพวีรชน... ฆาตกรลอยนวล... อำนาจอำมาตย์ถูกปกป้อง... พรรคการเมืองทำลายความฝันของประชาชน:  นั้นคืออ่างน้ำเน่าของการเมืองไทยในรอบห้าสิบกว่าปีที่ผ่านมา

ทุก วันนี้การจัดตั้งของทหาร การจัดตั้งของพรรคเพื่อไทย บวกกับการคุมมวลชนของ นปช. ให้คล้อยตามการปรองดองของเพื่อไทย ทำลายการต่อสู้ของเสื้อแดงที่ต้องการมากกว่านั้น สาเหตุหลักคือเราไม่มีพรรคฝ่ายซ้ายของเราเองที่จะช่วงชิงมวลชนจาก นปช. และเพื่อไทย เพราะคนก้าวหน้าในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแดงหรือนักสหภาพแรงงาน ไม่สนใจและไม่เข้าใจความสำคัญของการสร้างพรรค
    
ในยุคหลังป่าแตก สมัยรัฐบาลแปรม อดีตนักต่อสู้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย จะผิดหวังกับ พคท. และหันหลังให้การสร้างพรรค ส่วนหนึ่งกลายเป็น เอ็นจีโอ แล้วการเมืองก็ลื่นไหลไปสู่การจับมือกับพันธมิตรฟาสซิสต์เพราะไม่ให้ความ สำคัญกับการวิเคราะห์การเมืองและการต่อสู้กับอำนาจรัฐ

แต่หลายปีผ่านไปแล้ว ข้ออ้างเรื่อง พคท. เพื่อปฏิเสธการสร้างพรรคและเน้นเครือข่ายหลวมๆ ตอนนี้ฟังไม่ขึ้น มันกลายเป็นเรื่องของ “ความเคยชินในการทำงาน” หรือ “การหวงความเป็นใหญ่หรือความอิสระของตนเองในกลุ่มเล็กๆ” มากกว่าอะไรอื่น และในขณะที่นักเคลื่อนไหวพูดในนามธรรมว่า “ควรสร้างพรรค” แต่ไม่เคยทำอะไรเพื่อให้เกิดขึ้น ผลคือการหักหลังขบวนการเสื้อแดงโดยเพื่อไทย ทักษิณ และ นปช. และในเมื่อขบวนการเสื้อแดงเคยเป็นขบวนการมวลชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติ ศาสตร์ไทย เราต้องสรุปว่าเป็นการเสียโอกาสมหาศาล และเป็นการละเลยภารกิจโดยคนก้าวหน้า

ทำไมต้องสร้างพรรคในรูปแบบที่เลนินเคยสร้าง?

พรรค สังคมนิยมในรูปแบบของ เลนิน คือพรรคที่อาศัยการจัดตั้งกรรมาชีพ ซึ่งเป็นชนชั้นที่มีอำนาจซ่อนเร้นทางเศรษฐกิจ บวกกับคนหนุ่มสาว และปัญญาชนก้าวหน้า

หลายคนเข้าใจผิดว่าแนวคิดแบบ เลนิน เป็นสิ่งเดียวกันกับแนวคิดแบบ สตาลิน-เหมา ที่ พคท. เคยใช้ แต่ในความเป็นจริงแนวคิดแบบ เลนิน จะเน้นสิทธิเสรีภาพ การเปิดกว้าง และการพัฒนากรรมาชีพและคนอื่นให้นำตนเองจากล่างสู่บนในระดับสากลเป็นหลัก ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดมาร์คซิสต์เดิม ในขณะที่แนว สตาลิน เน้นเผด็จการจากบนลงล่างและการยอมจำนนต่อความสามัคคีระหว่างชนชั้นเพื่อ พัฒนาความเป็นชาติ ตัวอย่างที่ดีที่สุดของแนวสตาลินในไทยในยุคปัจจุบัน คือการนำของ อ.ธิดา และแกนนำอื่นๆ ของ นปช.

คำประกาศแห่งโจรสลัด: ข้อเสนอการปฏิรูประบอบลิขสิทธิ์ของ ‘พรรคไพเรต’

คำประกาศแห่งโจรสลัด: ข้อเสนอการปฏิรูประบอบลิขสิทธิ์ของ ‘พรรคไพเรต’


 
 

ในหมู่ผู้ติดตามการเมืองโลกร่วมสมัยก็คงจะเห็นว่าปัญหาเรื่องระบบ ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออุตสาหกรรมศิลปวัฒนธรรมต่างๆ พยายามจะขยายมาตรการคุ้มครองลิขสิทธิ์จนมันเริ่มเข้ามาลุกล้ำความเป็นส่วน ตัวของประชาชนในโลกไซเบอร์ และทำให้เกิดการต่อต้าน อย่างในกรณีของการต่อต้านร่างกฏหมาย SOPA ในอเมริกาหรือสนธิสัญญา ACTA ในยุโรป คนรุ่นใหม่จำนวนมากเล็งเห็นความสำคัญของปัญหานี้ และทำให้เกิดขบวนการต่อต้านระบอบลิขสิทธิ์ต่างๆ ขึ้นมาบนโลกมากมาย อย่างไรก็ดีขบวนการส่วนใหญ่ก็เป็นขบวนการที่มักจะต่อต้านโดยไม่อาศัยกลไกทาง การเมืองเก่าๆ แบบระบบสภา เช่น การประท้วงกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมตามทั้งตามท้องถนนและในโลกออนไลน์หรือ กระทั่งการทำสงครามแบบกองโจรกับระบอบลิขสิทธิ์ในโลกออนไลน์โดยการสนับสนุน การละเมิดลิขสิทธิ์สารพัดรูปแบบ อย่างไรก็ดีในหมู่ขบวนการต่อต้านระบอบลิขสิทธิ์เหล่านี้ ก็มีขบวนการหนึ่งที่ยืนหยัดต่อสู้ในวิถีทางการเมืองแบบเก่า ขบวนการนั้นคือพรรคไพเรต (Pirate Party)

ถ้าหากจะกล่าวโดยรวบรัดตัดความแล้ว พรรคไพเรตคือพรรคการเมืองที่มีนโยบายสนับสนุนกิจกรรมที่ในปัจจุบันถือว่า เป็นกิจกรรมละเมิดลิขสิทธิ์ โดยพรรคนี้ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกที่ประเทศสวีเดน ก่อนจะมีการตั้งพรรคขึ้นอีกในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ผู้เขียนคงจะไม่สาธยายความเป็นมาเป็นไปของพรรคไพเรตในที่นี้ [1] แต่จะเน้นถึงเชิงนโยบายในการปฏิรูประบบลิขสิทธิ์ของทางพรรคในสภายุโรปซึ่งผู้เขียนพบว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ทุกวันนี้คนจำนวนมากที่ได้ยินชื่อพรรคไพเรตแล้วก็ยังคิดว่านี่เป็นการ เล่นตลกอะไรบางอย่าง เนื่องจากพวกเขาคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะตั้งพรรคที่สนับสนุนให้คนทำการ ละเมิดลิขสิทธิ์ในยุคที่การปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์แทบจะเป็นฉันทามติ แห่งยุคสมัยเช่นนี้ อันที่จริงแล้วตั้งแต่ที่พรรคไพเรตแห่งแรกก่อตั้งมาในวันที่ 1 มกราคม 2549 ทางพรรคก็ไม่ได้มีแนวนโยบายที่ชัดเจนและจับต้องได้นักเกี่ยวกับกฏหมาย ลิขสิทธิ์เลย จนหลายๆ คนเข้าใจไปว่าเป้าประสงค์ของพรรคนี้ในภาพรวมคือการกวาดล้างให้กฏหมาย ลิขสิทธิ์หายไปจากโลกซึ่งดูจะเป็นสิ่งที่ทั้งถึงรากถึงโคนและเพ้อฝันเกินจะ เชื่อว่าจะสามารถทำได้จริง อย่างไรก็ดีเมื่อเดือนกันยายน 2554 ที่ผ่านมา ทางสมาชิกพรรคในสภายุโรปก็ได้ร่วมกับกลุ่ม Green/EFA ในสภาผลักดันข้อเสนอในการปฏิรูปกฏหมายลิขสิทธิ์ที่มีในโลกออกมา ข้อเสนอนี้ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกในเดือนกันยายน 2554 มันปรากฏในหนังสือเล่มเล็กๆ นามว่า The Case for Copyright Reform อันเป็นฝีมือการเขียนร่วมกันของ Rick Falkvinge ผู้ก่อตั้งพรรคไพเรตและ Christian Engstrom สมาชิกสภายุโรปที่เป็นตัวแทนจากพรรคไพเรตสาขาสวีเดน [2]

เรื่องลับๆของโอลิมปิค

เรื่องลับๆของโอลิมปิค




พูดถึงงานกีฬาโอลิมปิกที่จัดขึ้นทุกๆ 4 ปี ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้เป็นเจ้าภาพนั้นถือเป็นเกียรติอันสูงส่งยิ่ง ทั้งยังเป็นการโปรโมตเมืองของประเทศตัวเองให้ชาวโลกได้รู้จักมักคุ้น ..แต่รู้หรือไม่ว่าในทางเบื้องหลังนั้นมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่ทุกคนคาดคิด

จากข้อมูลในอดีตถึงปัจจุบันทำให้สรุปได้เป็นข้อๆ ดังนี้

ประการแรก การปรับภาพลักษณ์เมืองที่จัดการแข่งขันให้เหมาะสมกับศักดิ์ศรีเจ้าภาพนั้น หมายถึงการเคลียร์สิ่งที่ดูไม่งามออกไป ที่ว่านี้ก็คือ คนจรจัดไร้บ้านนั่นเอง อย่างในงานโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1988 ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้  มีคนถูกบังคับไล่ที่ถึง 720,000 คน...




ประการที่สอง การเป็นเจ้าภาพอาจทำให้ประเทศถังแตกได้ อย่างงานโอลิมปิกปี 2004 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ที่ใช้งบประมาณ 347,100ล้านบาท และทำให้กรีซทุกวันนี้ยังเป็นหนี้หัวโตใช้ชาติกันไม่จบไม่สิ้น



 
ประการที่สาม งานโอลิมปิกปี 2008 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ทางการจีนได้สั่งไล่ที่ชาวบ้านถึง 1.5 ล้านคน

 
Posted Image
ประการที่สี่ งานโอลิมปิกฤดูหนาว ปี 2010ที่เมืองแวนคูเวอร์ แคนาดาหมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิกนั้นได้แปรสภาพเป็นหมู่บ้านนักกิจกาม มีรายงานว่านักกีฬาหนุ่มๆสาวๆพลังเหลือเฟือต่างมั่วเพศกันอย่างโจ๋งครึ่ม ขนาดที่ว่าทางการนำถุงยางอนามัย 100,000 ชิ้น มาแจกให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล 6,500 คน แล้วยังไม่เพียงพอใช้หมดเกลี้ยงตั้งแต่ครึ่งแรกของกำหนดระยะเวลาการจัดงาน

เห็นอย่างนี้แล้ว ไทยเราสนจะเป็นเจ้าภาพบ้างไหม???

(ที่มา)

ส่งสำนวน 98 ศพเพิ่มให้ไอซีซี

ส่งสำนวน 98 ศพเพิ่มให้ไอซีซี








 

(คลิกฟัง)


ผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายการชุมนุม จัดกิจกรรม เผาพริกเผาเกลือ ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่ประธาน นปช. เตรียมจัดงานครบรอบ 6 ปี 19 กันยายน 2549 เหตุการณ์รัฐประหาร 
 
นาง พะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ นางสาวกมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม พร้อมด้วยกลุ่มตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมในปี 2553 จัดกิจกรรมที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก โดยมีการเผาพริกเผาเกลือเป็นชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อตอบโต้ในกรณีที่นายวินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่ากรณีผู้เสียชีวิตในเขตวัดปทุมวนาราม 6 ราย นั้นไม่ได้เป็นฝีมือของทหาร และ ตอบโต้ถึงคำให้สัมภาษณ์ของพลเอกประยุทธ์ในอีกหลายกรณีที่พาดพิงการเสียชีวิต ของผู้ชุมนุม
 
โดยนางพะเยาว์กล่าวว่า ที่ออกมาชี้แจงในวันนี้เพราะกลัวประชาชนจะเกิดความเข้าใจผิดจากการให้ สัมภาษณ์ของทางกองทัพ โดยนางพะเยาว์กล่าวต่อว่า หากพลเอกประยุทธ์ไม่ยอมรับว่าการเสียชีวิตของประชาชนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ก็อาจจะมีการยกระดับการเคลื่อนไหว โดยจะทำเรื่องไปถึงนายกรัฐมนตรี
 
ทางด้านความเคลื่อนไหวของ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช. นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.ได้เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าในการนำสำนวนคดีการเสียชีวิตในเหตุการณ์ สลายการชุมนุมช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2553 ทั้ง 98 ศพ ยื่นต่อศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไอซีซีว่า ขณะนี้นายโรเบิร์ต อัมเตอร์ดัม ทนายความกำลังรวบรวมสำนวนคดีการสอบสวนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนแล้วเสร็จ ทั้ง 21 ศพส่งไปให้เจ้าหน้าที่ศาลอาญาระหว่างประเทศเพิ่มเติม หลังจากที่ได้ส่งข้อมูลหลักฐานข้อเท็จจริงบางส่วนไปแล้ว
 
นาง ธิดา เปิดเผยอีกว่า นปช.กำลังเตรียมจัดงานครบรอบ 6 ปี 19 กันยายน 2549 เหตุการณ์รัฐประหารเพื่อย้ำเตือนให้สังคมได้รับรู้ว่า แม้ปัจจุบันรัฐบาลจะมาจากการเลือกตั้งแล้ว แต่ผลพวงจากการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ยังมีอยู่และ นปช.จึงขอประกาศจุดยืนต่อต้านการทำรัฐประหารทุกรูปแบบและกำจัดผลพวงจากการทำ รัฐประหารด้วยการผลักดันให้รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ 2550
 
ส่วน การไต่สวนคำสั่งถอดถอนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพราะไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 7 กรกฎาคม 2554 เนื่องจากนายจตุพรอยู่ระหว่างการถูกคุมขัง ซึ่งขณะนี้สหภาพรัฐสภาสากล ได้บรรจุเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนของสมาชิก รัฐสภาแห่งสหภาพรัฐสภาสากลเพื่อศึกษาเกี่ยวกับขั้นตอนการพิจารณาความของศาล รัฐธรรมนูญ อีกทั้งเห็นว่ากรณีของนายจตุพรไม่เคยปรากฎมาก่อนในกระบวนการยุติธรรมสากลจึง ขอนำเรื่องดังกล่าวเข้าศึกษา

(ที่มา)
http://news.voicetv.co.th/thailand/47155.html

The Daily Dose 10สค55

The Daily Dose 10สค55 

 

เศรษฐกิจไทยอาจโตเเค่ 5% ปีหน้า...ส่งออกทรุดหนัก 

สรุปประมาณการแนวโน้มเงินเฟ้อ กรกฎาคม 2555
 
อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ  
ปี 2554  อยู่ที่ 0.1
ปี2555  อยู่ที่ 5.7/(6.0)
ปี 2556 อยู่ที่ 5.0 /(5.8)
 
อัตรเงินเฟ้อทั่วไป
ปี 2554 อยู่ที่ 3.8 
ปี2555  อยู่ที่ 2.9/(3.5)
ปี 2556 อยู่ที่ 3.4 /(3.5)
 
อัตรเงินเฟ้อพื้นฐาน
ปี 2554 อยู่ที่ 2.4
ปี2555  อยู่ที่ 2.2/(2.5)
ปี 2556 อยู่ที่ 1.9 /(2.1) 

(คลิกฟัง)
http://shows.voicetv.co.th/the-daily-dose

Wake Up Thailand 10สิงหาคม55

Wake Up Thailand 10สิงหาคม55




 



นำเสนอประเด็น
 
 
- เลื่อนฟังคำสั่งถอนประกัน นปช. 22 ส.ค.  
- ศาลเลื่อนพิจารณาคดี'เจ๋ง ดอกจิก' เป็น 22 ส.ค.พร้อมนัดฟังกรณีแกนนำนปช.
- ปชป.ติง เจ้าภาพแก้ปัญหาภาคใต้ทำงานซ้ำซ้อน  
- เสื้อแดงตั้งสหกรณ์หมู่บ้านนำร่องอุดร
- รื้อเมืองเก่า รากเหง้าเราจะอยู่ตรงไหน  
- Jason Bourne กลับมาอีกครั้งใน The Bourne Legacy
- 'Zero Dark Thirty'  ภารกิจสังหารบิน ลาดิน
  
(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=hmyIAG6nJoA&feature=player_embedded

แม่พยาบาลเกด เผาพริกเผาเกลือ ประท้วง ผบ.ทบ.บิดเบือน 6 ศพวัดปทุม

แม่พยาบาลเกด เผาพริกเผาเกลือ ประท้วง ผบ.ทบ.บิดเบือน 6 ศพวัดปทุม


  



พร้อมเผาข้อความ “งบเยอะ แต่สติน้อย” เตือนผู้นำกองทัพอย่าร้อนรนควรมีวุฒิภาวะ หากไม่หยุดจะร้องนายกฯ เล็งติดตามการทำงานกรรมการสิทธิฯ ต่อ

เมื่อวันที่ 10 ส.ค.55 เวลา 13.00 น. ที่บริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนิน นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณวัดปทุมวนารามวรวิหาร ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม วันที่ 19 พ.ค.2553 พร้อมด้วยนายณัทพัช อัคฮาด น้องชายของ น.ส.กมนเกด และกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 10 คน ทำพิธีเผาพริกเผาเกลือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และเผากระดาษที่มีข้อความเขียนว่า “งบเยอะ แต่สติน้อย” เพื่อคัดค้าน ผบ.ทบ.ที่ได้ออกมาตีโพยตีพาย กล่าวหาว่าแม่พยาบาลเกดและพยายานในการไต่สวน 6 ศพวัดปทุมฯ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หลังการไปศาลโลกของนางพะเยาว์และพยานในการไต่สวนคดีดังกล่าวเปิดเผยว่าการ เสียชีวิตเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหาร นอกจากนี้แม่พยาบาลเกดยังเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีวุฒิภาวะในการแสดงออกต่อสาธารณะในฐานะที่เป็นผู้นำกองทัพด้วย หากไม่หยุดจะร้องเรียนนายกรัฐมนตรีต่อ

นางพะเยาว์ อัคฮาด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงการทำกิจกรรมดังกล่าวว่า เนื่องจากมีการไต่สวนกรณี 6 ศพ วัดปทุมฯ ครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน และมีการพูดว่าคิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ก็ได้พูดไว้ก่อนหน้าแล้ว แต่หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา กลับออกมาโต้ว่าคำไต่สวนของศาลว่าไม่น่าออกมาต่อสาธารณะและไม่ควรพูดว่าเป็น การกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารนั้น นางพะเยาว์ มองว่าในเมื่อกระบวนการยุติธรรมกำลังขับเคลื่อน กองทัพก็มีหน้าที่รอเวลา ถึงเวลาที่เขาจะเรียกเอาเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาไต่สวน ไม่ควรออกมาร้อนรนก่อนมาตีโพยตีพายว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำ แม้ว่าจะเป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะต้องปกป้องลูกน้อง แต่ไม่ควรที่จะหลับหูหลับตาปกป้อง

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/08/42004

ปฏิรูปที่ดินในระบบทุนนิยม

ปฏิรูปที่ดินในระบบทุนนิยม


โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์


การปฏิรูปที่ดินในประเทศไทยเป็นเหมือนเด็กกำพร้า แม่ทิ้งตั้งแต่ยังแบเบาะ และไม่มีผู้ชายคนไหนรับเป็นพ่อจนถึงบัดนี้ ซ้ำผู้ชายอีกมากในวงวิชาการยังอยากเห็นมันตายๆ ไปเสียด้วย

ผมเดาเอา เองว่า ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะ เมื่อพูดถึงการปฏิรูปที่ดินในประเทศไทย เห็นได้ชัดว่าผู้ที่น่าจะมีบทบาทสำคัญคือรัฐ และไอ้หมอนี่แหละครับ ที่น่าระแวงสงสัยแก่นักวิชาการ ในขณะที่ในประเทศทุนนิยมตะวันตก การปฏิรูปที่ดินเป็นผลมาจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการคือตลาด หรือพลังตลาด ซึ่งเป็นบุคคลที่น่าเลื่อมใสศรัทธาแก่นักวิชาการไทยอยู่มาก

เช่นใน สหรัฐจนถึงทุกวันนี้ ราคาที่ดิน (เพื่อการเกษตร) ย่อมผันเปลี่ยนไปตามแต่ว่า การผลิตด้านการเกษตรในช่วงหนึ่งๆ จะทำกำไรให้ได้มากน้อยเพียงไร เป็นต้น (ถึงอย่างไร สหรัฐก็ใหญ่โตมโหฬารเสียจน การเก็งกำไรที่ดิน (เพื่อการเกษตร) ไม่น่าจะทำกำไรได้ดีอยู่แล้ว)

ว่าที่จริง นักวิชาการไทยที่ระแวงการปฏิรูปที่ดินก็ไม่ผิดเสียทีเดียว เพราะการปฏิรูปที่ดินซึ่งมีหัวเรือใหญ่เป็นรัฐนั้น มักไม่สำเร็จหรือน่าสยดสยองเกินไป เช่น ในเวียดนาม (เหนือ) ระหว่าง พ.ศ.2496-2499 การปฏิรูปที่ดินซึ่งทำให้ชาวนาจนเข้าถึงที่ดินได้ถึง 2 ล้านคน แต่ก็ต้องฆ่าล้างผลาญกันไป (ตามการประเมินของฝ่ายตะวันตก) ถึง 283,000 ชีวิต ในจีนว่ากันว่าเกิน 10 ล้านชีวิต ส่วนในซิมบับเว ใช้วิธียึดที่ดินเจ้าที่ดินรายใหญ่ (ส่วนใหญ่คือไร่ชาของฝรั่งเจ้าอาณานิคม) มาแจกชาวบ้าน แต่กลับทำให้ความยากจนเพิ่มสูงขึ้น และผลิตอาหารได้น้อยลง

ที่ ประสบความสำเร็จ ก็มีข้อยกเว้นบางอย่างซึ่งไทยคงไม่อยากถูกยกเว้นอย่างนั้น ในฟิลิปปินส์สมัยมาร์กอส สามารถปฏิรูปที่ดินที่ใช้ปลูกข้าวและข้าวโพด และเพิ่มผลผลิตของพืชสองอย่างนี้ได้

ถึงขนาดฟิลิปปินส์สามารถส่งออก พืชอาหารได้เป็นครั้งแรก เพราะวางกลไกให้ชาวนาที่ได้ที่ดินเหล่านี้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่าย ขึ้นด้วย
 

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1344237234&grpid=&catid=02&subcatid=0200

ไทยขื่นขัน อันหาที่สิ้นสุดมิได้ "ห้ามแก้"

ไทยขื่นขัน อันหาที่สิ้นสุดมิได้ "ห้ามแก้"