ความจริงเพื่อความยุติธรรม
สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ
จากหนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ วันสุข
ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๓๗๖ ประจำวัน จันทร์ ที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๕
เมื่อวันที่ ๑ กันยายน นี้ คณะกรรมการ ศปช. หรือที่มีชื่อเต็มว่า
“ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเดือน
เมษายน-พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓
ได้เผยแพร่รายงานฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของเหตุการณ์การปราบปราม
ประชาชนในเดือนเมษายนและพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๓ โดยใช้ชื่อว่า
“ความจริงเพื่อความยุติธรรม” เป็นหนังสือหนาถึง ๑๓๙๐ หน้าพร้อมด้วย ซีดี
ประกอบ ซึ่งนับเป็นรายงานข้อเท็จจริงที่ละเอียดที่สุด
และกระทำสำเร็จเป็นฉบับแรกสุด หลังจากการเกิดเหตุการณ์กว่า ๒ ปี
ขณะที่คณะกรรมการหาข้อเท็จจริงชุดอื่น เช่น คอป. หรือ
คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.)
ซึ่งหมดอายุการทำงานเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้
ยังไม่มีรายงานลักษณะนี้ และรายงานฉบับของ กสม. หรือ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ยังมีปัญหา
เพราะคงจะไม่ผ่านที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ศปช.ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓
โดยกลุ่มนักกิจกรรมร่วมกับนักวิชาการกลุ่มสันติประชาธรรม
มีเจ้าหน้าที่ทำงาน ๕-๖ คนในการลงพื้นที่เก็บข้อมูล และสัมภาษณ์พยาน
ผู้ได้รับผลกระทบฯ ในคำนำของหนังสือความจริงเพื่อความยุติธรรม ได้อธิบายว่า
รายงานฉบับนี้ “มีจุดเริ่มต้นจากคนหนุ่มสาวกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง
ที่ไม่สามารถทำใจนิ่งเฉยกับความรุนแรงที่รัฐบาลกระทำต่อประชาชน...
คนหนุ่มสาวกลุ่มนี้จึงได้แปรเปลี่ยนความเจ็บปวดต่อความอยุติธรรมให้เป็นความ
พยายามที่จะรวบรวมข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
และยังอธิบายด้วยว่า กระบวนการสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
หรือดีเอสไอ ที่จะหาตัวผู้กระทำผิดนั้นไม่มีความก้าวหน้าอย่างที่ควรจะเป็น
ในรายงานฉบับนี้ได้สรุปตัวเลขที่น่าสนใจไว้ว่า
ประชาชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ชุมนุมมีถึง ๙๔ คนในจำนวนนี้เป็นหญิง ๖ คน
ทั้งหมดเสียชีวิตจากกระสุนปืน ๘๘ คน โดยถูกยิงที่ศีรษะ ๓๒ คน ในจำนวนนี้
มีอาสาสมัครหน่วยกู้ชีพและพยาบาลเสียชีวิต ๖ คน
ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเสียชีวิต ๒ คน ส่วนตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บคือ ๑,๒๘๓
คน กองทัพเบิกกระสุนไป ๕๙๗,๕๐๐ นัด ส่งคืน ๔๗๙,๕๗๗ นัด
เท่ากับฝ่ายกองทัพใช้กระสุนในการปราบปรามถึง ๑๑๗,๙๒๓ นัด
พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กล่าวว่า รายงานฉบับนี้ถือเป็นการบันทึกข้อเท็จจริง
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับประชาชน โดยมุ่งหวังว่าในอนาคต
การรวบรวมข้อมูลนี้จะสามารถนำไปสู่การสร้างความเป็นธรรมกับผู้ได้รับผลกระทบ
และนำคนผิดมาลงโทษได้ อย่างไรก็ตาม
ข้อจำกัดสำคัญของคณะทำงานคือการเข้าไม่ถึงข้อมูลจากภาครัฐ
ไม่มีอำนาจในการเรียกเอกสารหรือเจ้าหน้าที่มาให้ข้อมูล
แต่ก็ได้มีการรวบรวมข้อมูลเอกสารทางการเท่าที่มีการเผยแพร่และหามาได้ไว้
ทั้งหมด รวมถึงหลักฐานจำพวกคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตจำนวนมาก
และส่วนใหญ่ถูกลบไปแล้ว