หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

อย่าสรุปง่ายๆ ว่าที่อียิปต์ มีแค่รัฐประหาร และประชาธิปไตยถอยหลัง

อย่าสรุปง่ายๆ ว่าที่อียิปต์ มีแค่รัฐประหาร และประชาธิปไตยถอยหลัง

 

 
โดย อ.ใจ อึ๊งภากรณ์

คนตาบอดทางการเมืองมักปิดหูปิดตาถึงบทบาทมวลชน และบทบาทของขบวนการแรงงานในการนัดหยุดงาน หลายบทความเกี่ยวกับอียิปต์ในประชาไทยและสื่อกระแสหลักออกมาในรูปแบบนี้ แต่ในวันที่ 30 มิถุนายนมวลชนอียิปต์ 17 ล้านคนออกมาประท้วงไล่ประธานาธิบดี มูรซี่ ประชากรทั้งหมดของอียิปต์มี ประมาณ 83 ล้านคน ดังนั้นถ้าเทียบสัดส่วนกับไทย ลองนึกภาพคนไทย 14 ล้านคนออกมาประท้วงไล่รัฐบาล ภาพนี้เราไม่เคยเห็น ทั้งเสื้อแดงและเสื้อเหลืองออกมาอย่างมากครั้งละสองแสน เหตุการณ์ 14 ตุลาก็เช่นกันเพราะถ้าเทียบกับประชากรไทยปัจจุบันคงไม่เกินสองแสน แต่ผมกำลังพูดถึง 17 ล้านคนที่ออกมาในอียิปต์

แต่ลองอ่านบทวิเคราะห์สถานการณ์ในอียิปต์จากสื่อต่างๆ จะเห็นว่าเกือบทุกบทความไม่เอ่ยถึง มวลชนเลย ไม่พูดถึงการนัดหยุดงานด้วย มีแต่การพูดถึงกองทัพ นักการเมืองพรรคมุสลิม นักการเมืองเสรีนิยม และรัฐบาลต่างประเทศเท่านั้น และสิ่งที่ตามมาคือไม่พูดถึงสาเหตุหลักที่มวลชนไม่พอใจมาตั้งแต่ยุคมูบารัก นั้นคือนโยบายกลไกตลาดเสรีที่ทำให้คนจนจนลง เลยมีการสรุปว่าประเด็นสำคัญคือศาสนา แต่พวกนี้อธิบายไม่ได้ว่าทำไมคนส่วนใหญ่ที่ออกมาไล่มูรซีนับถือศาสนาอิสลาม

ทำไมพวกนี้ตาบอด หรือแกล้งตาบอดถึงบทบาทมวลชน?

ชนชั้นปกครองที่คุมสื่อกระแสหลักและพยายามผูกขาดความคิดประชาชน ต้องการสอนเราให้คิดแต่ว่า “ผู้ใหญ่” เท่านั้นที่เปลี่ยนสังคมหรือสร้างประวัติศาสตร์ พวกนี้ไม่ต้องการให้ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดินจริงๆ เขาเลยเสนอว่าที่อียิปต์มันเป็นรัฐประหารเท่านั้น หรือเวลาพูดถึงเสื้อแดงก็บอกว่าเป็นแค่เครื่องมือทักษิณ หรือเวลาเกิดการลุกฮือในปี 35 ที่ไทย ก็จะลืมบทบาทมวลชนและฉายภาพนายทหารสองคนเข้าเฝ้าประมุข พวกที่คิดแบบนี้มักเน้นบทบาทรัฐบาลมหาอำนาจในการสร้างประชาธิปไตย และมักพูดด้วยอคติว่าพวกที่นำการชุมนุมของมวลชน “พาคนไปตาย”

แนวทางที่ตาบอดทางการเมืองมักปิดหูปิดตาถึงบทบาทมวลชนเสมอ สำหรับนักวิชาการกระแสหลักและสื่อชนของชั้นปกครอง มันเป็นการจงใจตาบอด แต่ในที่ลับๆ พวกนี้จะกลัวว่ามวลชนมีบทบาทแล้วจะล้มระบบ พวกนี้เรียกการล้มระบบ ที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อนและการขูดรีด ว่าเป็น “ความไม่สงบ” เขาต้องการความสงบในการปกครองของเขาต่อไป และเขาหวังว่าคนที่อยู่ฝ่ายมวลชนในอดีตจะออกมาห้ามปรามและสลายการเคลื่อนไหว ตัวอย่างที่ดีคือพรรคมุสลิมในอียิปต์ หรือ พรรคเพื่อไทยและ นปช. ในไทย ในทั้งสองกรณีกองทัพและชนชั้นปกครองฝ่ายความหวังไว้กับพวกนี้

ฝ่ายซ้าย โดยเฉพาะนักมาร์คซิสต์ จะเน้นบทบาทมวลชนเสมอ และมองเห็นมวลชนเพราะใช้การวิเคราะห์ ภาพรวมแบบ “วิภาษวิธี” ซึ่งเข้าใจชนชั้นด้วย คือมันมีผู้กดขี่ และผู้ถูกกดขี่ มันมีผู้ผลิต และผู้ที่ขูดรีดผลผลิต และความขัดแย้งในสังคมไม่ใช่แค่เรื่อง “ข้างบน”

อียิปต์ 3 กรกฏาคม ต่างโดยสิ้นเชิงจาก ไทย 19 กันยายน ในกรณี ไทย 19 กันยา มวลชนเสื้อเหลืองออกมาแต่ไม่ยิ่งใหญ่ แบบอียิปต์ และเป็นการเรียกร้องให้ “เจ้านายที่อยู่เบื้องบน” ปลดนายกที่มาจากการเลือก ตั้ง มีการตั้งความหวังกับกองทัพ และมีความต้องการที่จะหมุนนาฬิกากลับสู่สถานการณ์เดิมๆ ยิ่งกว่านั้นมีความไม่พอใจที่รัฐบาลทักษิณทำตามคำมั่นสัญญาต่อคนจน โดยดูถูกว่านั้นคือนโยบายแย่ๆ ที่เรียกว่า “ประชานิยม” แต่ในอียิปต์มวลชน 17 ล้านออกมาล้มมูรซี่เพราะไม่ทำตามสัญญาและไม่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนจนเลย ยิ่งกว่านั้นมวลชนอียิปต์ทำการปฏิวัติล้มเผด็จการมูบารักไปรอบหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อน

ถ้าศึกษาเหตุการณ์ 14 ตุลา เราจะเห็นว่ามวลชนไล่สามทรราช แต่ผู้ที่ประสานงานให้พวกนั้นออกจากตำแหน่ง และออกนอกประเทศ คือกองทัพและชนชั้นปกครองไทย นั้นคือบทบาทเดียวกันของกองทัพอียปต์ในการปลดมูรซี่

สหาย ซาเมย์ นากวิบ จากองค์กรปฏิวัติสังคมนิยมอียิปต์ อธิบายว่า.....

"มันเป็นสถานการณ์ที่ขัดแย้งในตัวเอง ถ้าดูผิวเผินมันเป็นรัฐประหารโดยทหาร แต่ทหารเข้ามาแทรกแซงเพื่อป้องกันตนเองจากการปฏิวัติมวลชน ในอีกด้านมันเป็นการกระทำของมวลชนเป็นล้านที่ทำ ให้ทหารเข้าแทรกแซง มันเป็นครั้งที่สองที่เกิดขึ้น ครั้งแรกคือกรณีมูบารัก ครั้งที่สองคือมูรซี่ มวลชนออกมาเป็นล้าน มันเป็นการประท้วงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ ชนชั้นปกครองอียิปต์ตอนนี้เหมือนหมา จนตรอก เกือบจะไม่มีทางเลือกเหลือ ถ้ามูรซี่อ่อนแอ ตัวแทนอื่นของชนชั้นนายทุน เช่น เอล์บาราเดย์ ก็ยิ่งอ่อนแอ มันไม่ใช่จุดจบของประชาธิปไตย และไม่ใช่แค่รัฐประหาร มันซับซ้อนกว่านั้น"

มวลชนบนท้องถนนมีความมั่นใจในตนเองสูงมากที่จะกำหนดประวัติศาสตร์ได้

กระบวนการปฏิวัติเป็นกระบวนการที่มีความเป็นประชาธิปไตยสูง แค่การเลือกตั้งทุกห้าปีเป็นเรื่องตลก กองทัพอียิปต์ต้องการจะยับยั้งกระบวนการปฏิวัตินี้

มีการวางแผนว่าจะนัดหยุดงานในวันพฤหัสโดยคนงานขับรถเมล์ คนงานรถไฟ คนงานโรงงานซีเมน และคนงานคลองซุเอส คนที่ออกมาประท้วงส่วนใหญ่เป็นกรรมาชีพ การประท้วงอาจลามไปสู่การนัดหยุดงานทั่วไปได้ และนี่คือสิ่งที่พวกทหารกลัว เพราะการนัดหยุดงานเป็นพลังหลักที่ล้มมูบารัก

ในช่วงแรกๆ มวลชนที่ต่อต้านมูรซี่แสดงความดีใจ มีการเชียร์กองทัพ แต่มวลชนไม่โง่ เขารู้ว่าตำรวจกับทหารทำอะไรในอดีต และอย่าลืมว่าเมื่อคนออกมา 17 ล้าน มันต้องมีคนที่ไม่เคยประท้วงมาก่อนในชีวิต เขาอาจหลงคิดว่าทหารอยู่ข้างประชาชน แต่มันเป็นเรื่องชั่วคราว ตอนนี้เวลาเขาเห็นทหารนำพวกนักการเมืองเก่าสมัยมูบารักกลับมา เขาเริ่มโกรธ

ความหวังที่จะมีการเปลี่ยนแปลงพุ่งสูงสุดขอบฟ้า สูงกว่าตอนเราล้มมูบารักอีก และรัฐบาลใหม่ไหนที่เข้ามาคงจะไม่สามารถตอบสนองได้ และไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องได้ เพราะพวกนั้นเป็นพวกเสรีนิยมกลไกตลาด

มวลชนรู้ว่าตนเองมีพลังและมีสิทธิ์ เขาล้มประธานาธิบดีมูรซี่ภายในระยะเวลาแค่หนึ่งปี เพราะมูรซี่ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน มวลชนสามารถทำได้อีกในอนาคต สามารถล้มทหาร และทหารก็เข้าใจตรงนี้”

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2013/07/47727 

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรกับคนเสื้อแดง

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรกับคนเสื้อแดง



 
โดย อ.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
 

นับแต่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 มวลชนคนเสื้อแดงได้ตั้งความหวังไว้กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในระดับต่าง ๆ กัน นอกจากหวังให้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ นำประโยชน์มาสู่ประเทศชาติและประชาชนชาวรากหญ้าที่เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรค เพื่อไทย คนเสื้อแดงยังหวังว่า พรรคเพื่อไทยจะใช้อำนาจบริหารและเสียงข้างมากในสภาไปดำเนินงานทาง ประชาธิปไตย เปิดเผยความจริงเกี่ยวกับการเข่นฆ่าประชาชนเมื่อเมษายน-พฤษภาคม 2553 เยียวยาผู้เสียหาย ช่วยเหลือผู้ที่ต้องคดีทั่วประเทศ ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย

ที่ผ่านมา รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำตามความคาดหวังของมวลชนคนเสื้อแดงได้เพียงบางส่วน แม้จะช่วยเหลือผู้ที่ต้องคดีให้ได้ประกันตัวแล้วเป็นส่วนมาก แต่อีกจำนวนหนึ่งก็ยังถูกจำขังอยู่ แม้จะมีการเยียวยาผู้บาดเจ็บล้มตายจากเหตุการณ์พฤษภาคม 2553 แต่การแสวงหาความจริงก็ยังไม่เกิดขึ้น ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ให้ยกร่างใหม่ทั้งฉบับด้วยสภาร่างรัฐธรรมนูญก็ล้มเหลวเมื่อพรรคเพื่อไทยยอม จำนนต่อศาลรัฐธรรมนูญที่อ้างมาตรา 68 เข้ามาก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติ

ทั้งหมดนี้ ประกอบกับ “แนวทางปรองดอง” ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ท่าทีเอาอกเอาใจและปรนเปรอฝ่ายกองทัพ การผลักดันพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติฉบับนิรโทษกรรมเหมาเข่ง กระทั่ง คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 19 พฤษภาคม 2555 ที่ประกาศ “สละเรือไปขึ้นบก”  ทั้งหมดนี้ทำให้มวลชนคนเสื้อแดงจำนวนมากระแวงว่า พรรคเพื่อไทยและอดีตผู้นำพรรคไทยรักไทยจะ “ทอดทิ้ง” ขบวนประชาธิปไตย

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand


 


Wake Up Thailand ประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2556 ตอนที่ 2   
Coffee with : พะเยาว์ อัคฮาด และพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ 
http://www.dailymotion.com/video/x120zmy_coffee-with-พะเยาว-อ-คฮาด-และ-พ-นธ-ศ-ก 
 
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2556 ตอนที่ 1
ระวัง!ดราม่าข้าวไทย ไปไกลทั่วโลก 
http://www.dailymotion.com/video/x120z09_ระว-ง-ดราม-าเข-าไทย-ไปไกลท-วโลก 
 
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ตอนที่ 2
Coffee with : พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง 
http://www.dailymotion.com/video/x11zecn_coffee-with-พล-ต-ท-คำรณว-ทย-ธ 
 
Wake Up Thailand ประจำวันที่ 17 กรกฎาคม 2556 ตอนที่ 1
ระวังประธาน ตลก. รัฐธรรมนูญน่ากลัวกว่าวสันต์
http://www.dailymotion.com/video/x11zd6b_ระว-งประธาน-ตลก-ร-ฐธรรมน-ญน-ากล-วว 

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 16 กรกฎาคาม 2556 ตอนที่ 2
งบกลาโหม 2 แสนล้าน ทำไมไม่โวย 
http://www.dailymotion.com/video/x11xvnr_งบกลาโหม-2-แสนล-าน-ทำไมไม-โวย 

Wake Up Thailand ประจำวันที่ 16 กรกฎาคาม 2556 ตอนที่ 1
ใครตรวจสอบ (ผู้ตรวจสอบ) ? 
http://www.dailymotion.com/video/x11xuak__news#.UefTtazsV-0 

Divas Cafe

Divas Cafe


 

Divas Cafe ประจำวันที่ 18กรกฎาคม 2556
ประกวดร่างนิรโทษกรรม
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=6D5Bna4uckw 
 
Divas Cafe ประจำวันที่ 17 กรกฎาคม 2556
คุยประชาธิปไตยผ่านระบบการศึกษา 
http://www.dailymotion.com/video/x11zh21_ค-ยประชาธ-ปไตยผ-านระบบการศ-กษา
 
Divas Cafe ประจำวันที่ 16 กรกฎาคม 2556
หรือเด็กไทยชอบเผด็จการ??
http://www.youtube.com/watch?v=2kawMLay-YI

หัวหน้าโฆษกศาล รธน.ยืนยันการลาออกของวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์

หัวหน้าโฆษกศาล รธน.ยืนยันการลาออกของวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์

 

17-7-56 ข่าวค่ำDNN จตุพร สงสัยสาเหตุแท้จริงที่ วสันต์ ลาออก 
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=p7J1ZS5qMks 


และระบุด้วยว่าคณะตุลาการทั้ง 8 คนที่เหลือ จะดำเนินการพิจารณาคดีในศาล รธน. ต่อไปโดยไม่ทำให้การพิจารณาหยุดชะงัก 

หนังสือพิมพ์ข่าวสด รายงานวันนี้ (17 ก.ค.) ว่านายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ ได้แถลงยืนยันว่านายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการประธานศาลรัฐธรรมนูญและการเป็นตุลาการศาลรัฐ ธรรมนูญ โดยให้มีผลเป็นทางการในวันที่ 1 ส.ค.นี้ เป็นต้นไป หลังจากที่นายวสันต์ปฏิบัติตามภารกิจที่ตั้งใจไว้ คือ การพัฒนาปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการเร่งรัดการพิจารณาคดีที่ค้างในสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยคดีที่รับต้องพิจารณาเสร็จภายใน 1 ปี

เตรียมพร้อมไปเก็บผลไม้ที่สวีเดน เตรียมการป้องกันปัญหาแล้วหรือยัง?

เตรียมพร้อมไปเก็บผลไม้ที่สวีเดน เตรียมการป้องกันปัญหาแล้วหรือยัง?



โดย พัชณีย์ คำหนัก
ผอ.โครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย  


ณ เวลานี้ คนงานไทยพร้อมแล้วสำหรับฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลเบอรี่ประจำปี 2556 ของประเทศสวีเดนและฟินแลนด์  เพราะล่าสุด มีคนงานไทยได้รับอนุญาตให้ไปทำงานเก็บผลเบอรี่ที่สวีเดนแล้วจำนวน 6,000 คน และยังมีคนไทยที่ได้รับวีซ่านักท่องเที่ยวจากสถานทูตสวีเดนในกรุงเทพฯ แล้วราว 4,000 คน ตั้งแต่เดือนเม.ย.ถึงมิ.ย. แต่ไม่ทราบว่าในจำนวนนี้ ไปเก็บผลไม้ป่าจำนวนกี่คน ทั้งนี้ คนที่ไปทำงานเก็บผลไม้ป่าจำนวนมากมักถือวีซ่านักท่องเที่ยว  ส่งผลให้มีคนงานเป็นจำนวนมากแข่งขันกันเก็บเบอรี่ แบบหามรุ่งหามค่ำ เพื่อให้คุ้มค่ากับค่าบริการที่จ่ายให้แก่บริษัทจัดหางาน 70,000-80,000 บาท รวมทั้งยังต้องออกค่าใช้จ่ายในระหว่างทำงาน เช่น ค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าน้ำมัน อีกหลายหมื่นบาท (รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นประมาณ 150,000 บาท)  และเช่นเดียวกันคนงานจำนวนหนึ่งจากอำเภอทุ่งฝน จังหวัดอุดรธานีเพิ่งออกเดินทางไปทำงานที่ประเทศฟินแลนด์เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ จากจำนวนทั้งสิ้นที่ได้รับอนุญาตประมาณ 2,000 คน และจะทยอยเดินทางไปยังสวีเดนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า


ก่อนหน้านี้ไม่นาน อาจจะด้วยความบังเอิญ เว็บไซด์ข่าวภาษาสวีดิช Aftonbladet พาดหัวว่า เจ้าแห่งธุรกิจเบอรี่ : ผมถูกหุ้นส่วนโกง (Head line: King of Berries: I was cheated by my companions) กล่าวคือ นาย Ari Hallikainen อายุ 52 ปี เจ้าของบริษัท ลอมโจ้ บาร์ (Lomsjö Bär) ประเทศสวีเดน ที่หอบเงินหนีจำนวนหลายล้านบาทมายังเมืองไทยและทิ้งคนงานไทยเก็บผลไม้ป่า เมื่อปี 2553 จำนวน 156 คน โดยไม่ยอมจ่ายค่าจ้างตามกฎหมาย ถูกตำรวจไทยจับกุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และถูกคุมขังที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อรอส่งกลับประเทศสวีเดน (ข่าวตีพิมพ์ลงวันที่ 4 ก.ค.56.  ที่มา: เว็บไซด์ Aftonbladet, http://www.aftonbladet.se/nyheter/article16323048.ab ) ผู้เขียนใคร่ถามกระทรวงแรงงานว่า คิดอย่างไรกับข่าวการจับกุมเจ้าของธุรกิจผลไม้เบอรี่กรณีนี้?

ตาชั่งของความยุติธรรมในประเทศไทย

ตาชั่งของความยุติธรรมในประเทศไทย

 
ตาชั่งของความยุติธรรมในประเทศไทย เอียงไปเพราะ ความมีอคติของบรรดาพวกจิตวิปริต บ้าอำนาจ และคลั่งเจ้า

In Thailand, the scales of justice are tipped by the hand of those who refuse to relinquish power. Release all political prisoners now!