"วันนี้ต้องทำ ไม่ใช่พูด"
อรรถชัย อนันตเมฆ
ปราศรัยบนเวทีเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงจังหวัดจันทบุรี
พร้อมตั้งคำถามกับยุทธศาสตร์ของเพื่อไทยและ นปช.
ต่อกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่ามีความลักลั่น
เดินสายวิจารณ์ศาล แต่กลับไปยอมรับอำนาจศาล ไม่ยอมสู้ (เช่น ปฏิเสธอำนาจศาล) เสียที ซึ่งมีความตอนหนึ่งดังนี้:
"ผมถามพรรคเพื่อไทย ถาม นปช.
ตกลงคุณจะวิจารณ์เขาทำไมในเมื่อคุณจะเดินตามที่เขาบอก
ในเมื่อคุณยอมรับอำนาจเขาคุณจะมาพูดบนเวทีให้มันสวยหรูเพื่ออะไรครับ
หมดเวลาวาทกรรมครับพี่น้อง หมดเวลาเรื่องของการพูดจาหวานแหวว
หมดเวลาคอนเสิร์ต วันนี้เพื่อไทยต้องทำ นปช. ต้องทำ ไม่ใช่พูดครับพี่น้อง
[...] แล้วที่ผมเหนื่อยใจที่สุด พี่น้อง เมื่อวานนี้ คุณจิรายุ ห่วงทรัพย์
รองโฆษกพรรคเพื่อไทยครับ ออกมาบอกว่าตั้งแต่วันนี้ คือเมื่อวานเป็นต้นไป
จะให้ สส. เดินหน้าไปหาประชาชนเพื่อทำความเข้าใจ
ให้ประชาชนยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญครับพี่น้อง
ยอมรับคำตัดสินที่มันจะเกิดขึ้นวันที่ 13
แล้วคุณจะจัดเวทีด่าเขาเพื่ออะไรครับ คุณด่าเสร็จคุณก็จะให้ สส.
ลงไปทำความเข้าใจกับประชาชน ตอนแรกคุณไปทำให้เขาไม่เข้าใจ
แล้วตอนนี้คุณจะไปกล่อมประชาชนให้เขายอมรับอำนาจศาล ผมไม่เข้าใจ
นี่คือเหตุผลที่ผมเหนื่อย"
อรรถชัย อนันตเมฆ (โด่ง), ปราศรัยเปิดหมู่บ้านเสื้อแดงจังหวัดจันทบุรี
8 กรกฎาคม 2555
ที่มา: http://www.youtube.com/watch?v=ij00g53hfzQ
ที่มาของรูป: http://upload.prachatalk.com/image-316E_4FB97126.jpg
วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
วิทยุชุมชนเสื้อแดงปราศรัยลานพระรูป รอฟังศาล รธน.
วิทยุชุมชนเสื้อแดงปราศรัยลานพระรูป รอฟังศาล รธน.
เวทีลานพระรูปทรงม้า12-07-2555
http://www.youtube.com/watch?v=Z5yxJFPbVi8&feature=player_embedded
คนเสื้อแดงหลายกลุ่มชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า
และเตรียมปักหลักรอคำวินิจฉัยที่ศาล รธน. ด้วย ขณะที่ นพ.เหวง
วอนยุติความเคลื่อนไหว กลัวมีคนสร้างสถานการณ์ ขณะที่ก่อแก้วระบุแกนนำ นปช.
จะมีการแถลงที่อิมพีเรียลหลังคำวินิจฉัยเสร็จสิ้น
ทั้งนี้เครือข่ายดังกล่าวได้มีการปราศรัยตั้งแต่ 16.00 น. และจะมีการชุมนุมค้างคืนในวันนี้เพื่อรอฟังคำวินิจฉัยของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในวันรุ่งขึ้น
ขณะที่ ก่อนหน้านี้ คมชัดลึก รายงานว่า น.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้แถลงที่รัฐสภาว่า ขอให้ ควปค. ยุติความเคลื่อนไหวที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า เนื่องจากกังวลว่าจะมีผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อบ้านเมือง ฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย
ด้านสำนักข่าวแห่งชาติ รายงานว่า นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ขอให้กลุ่ม นปช. ไม่ต้องเดินทางไปชุมนุมบริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญ แม้จะมีวิทยุบางคลื่นพยายามชักชวนให้กลุ่ม นปช. ไปร่วมชุมนุม เพราะหากไปร่วมชุมนุม อาจตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่ประสงค์ดีได้ จากการก่อสถานการณ์ความวุ่นวายได้ แต่จะนัดรวมตัวที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว และแกนนำกลุ่ม นปช. จะแถลงท่าที ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเสร็จสิ้น
(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41523
ซ้อมใหญ่ปราบกบฎที่เชียงใหม่ก่อนศุกร์13
ซ้อมใหญ่ปราบกบฎที่เชียงใหม่ก่อนศุกร์13
ศูนย์ประสานงานกลาง นปช. แดงเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย และอีกหลายองค์กรได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า จะซักซ้อมประชาชนชาวเชียงใหม่ในการต่อต้านการก่อการร้ายทำรัฐประหารทั้งการใช้กำลังอาวุธ หรือการใช้กฎหมายอย่างฉ้อฉล ที่ถนนเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณตรงแยก ดอนจั่น ในวันที่ 12 ก.ค. 2555 เวลา 10.00 – 10.05 น เป็นเวลา 5 นาที โดยจะจัดตั้งกองบัญชาการปราบกบฏที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
(อ่านต่อ)
http://thaienews.blogspot.dk/2012/07/13.html
ศูนย์ประสานงานกลาง นปช. แดงเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย และอีกหลายองค์กรได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า จะซักซ้อมประชาชนชาวเชียงใหม่ในการต่อต้านการก่อการร้ายทำรัฐประหารทั้งการใช้กำลังอาวุธ หรือการใช้กฎหมายอย่างฉ้อฉล ที่ถนนเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณตรงแยก ดอนจั่น ในวันที่ 12 ก.ค. 2555 เวลา 10.00 – 10.05 น เป็นเวลา 5 นาที โดยจะจัดตั้งกองบัญชาการปราบกบฏที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
(อ่านต่อ)
http://thaienews.blogspot.dk/2012/07/13.html
จากกุข่าวรัฐประหาร กลายเป็นรัฐประหารโดยตุลาการ มวลชนนับวันจะเติบใหญ่เข้มแข็ง
จากกุข่าวรัฐประหาร กลายเป็นรัฐประหารโดยตุลาการ มวลชนนับวันจะเติบใหญ่เข้มแข็ง
พรรคนี้กลับใช้ยุทธศาสตร์ในทางตรงกันข้าม คือเร่งปรองดองกับฝ่ายอำมาตย์
และทอดทิ้งปล่อยปละละเลยประชาชนคนเสื้อแดง ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนก็คือ
คำปราศรัยของอดีตนายกทักษิณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในโอกาสครบรอบ 2
ปีการเข่นฆ่าประชาชน เมื่อ19 พฤษภาที่ผ่านมานั่นเอง
โดย ยังดี โดมพระจันทร์
รัฐประหารเมื่อกุมภาปี 2534 ก่อนปิดฉากลงด้วยเหตุการณ์พฤษภา 2535
เราเชื่อกันว่านั่นคงเป็นการรัฐประหารครั้งสุดท้าย
เพราะทหารต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับพลังมวลชนที่ไม่ยอมจำนน
ทหารต้องกลับเข้ากรมกอง กลายเป็นทหารอาชีพ ผ่านไป 15 ปี ถามกันเล่นๆ
ว่าทหารหน้าไหน กลุ่มไหนจะกล้าลุกขึ้นมาทำรัฐประหารอีก
ในโลกยุคปัจจุบันหากใครลุกขึ้นมาทำก็บ้าแล้ว แต่พอเกิดรัฐประหารเมื่อ 19
กันยา 2549 เราจึงสรุปได้ว่าอย่าเชื่ออะไรมากเกินไป....
แปลงร่างให้รัฐธรรมนูญเผด็จการ กลายเป็รัฐธรรมนูญประชาชน
วันนี้ เชื้อร้ายของเผด็จการทหาร เผด็จการอำมาตยาธิปไตยยังวนเวียนอยู่ในการเมืองไทย เจ้ากี้เจ้าการจัดระเบียบใหม่ เทอำนาจอธิปไตยผ่านรัฐธรรมนูญเผด็จการที่หาคนมาร่างเอง มี สว. (สมาชิกวุฒิสภา)แต่งตั้งกว่าครึ่ง ทั้งยังผลักดันให้มีการลงประชามติภายใต้ พรบ.ฉุกเฉิน ที่ควบคุมคูหาเลือกตั้งกว่าครึ่งค่อนประเทศ แอบอ้างว่า รัฐธรรมนูญ 2550 มีความชอบธรรมสูงสุด แปลงร่างให้รัฐธรรมนูญเผด็จการ กลายเป็รัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับไป
ในทางโครงสร้างมีการจัดตั้ง รัฐบาลขิงแก่ และองค์กรอิสระที่สืบทอดอำนาจจากคณะรัฐประหารโดยตรง คณะกรรมการเลือกตั้ง คณะกรรมการตรวจการแผ่นดิน คตส ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้บริหารและบุคลากรส่วนใหญ่ก็มีทั้งข้าราชการ ทหาร สื่อ และเอ็นจีโอที่ฝักใฝ่อำมาตย์ นี่คืออุปสรรคของระบอบประชาธิปไตยไทย
ทำ ให้รัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทย ที่แม้จะมาจากเสียงข้างมากของมวลชน มาจากคนเสื้อแดงที่ตาสว่างทั่วประเทศก็ไม่สามารถบริหาร และผลักดันนโยบายต่างๆ ที่สัญญาไว้อย่างเต็มที่ได้ การสั่งงานข้าราชการก็ทำไม่ได้ ดูจากกรณีน้ำท่วมใหญ่เป็นตัวอย่าง ในสภาการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการทำได้ยากยิ่ง แม้จะทำไปตามกระบวนการตามขั้นตอนของรัฐสภาทุกอย่าง
นโยบายผิดพลาด ยุทธศาสตร์ผิดเพี้ยน ถอยห่างมวลชน
ท่าม กลางอุปสรรคเหล่านี้ แทนที่แกนนำพรรคเพื่อไทยและ นปช. จะพิจารณาความขัดแย้งให้ถ่องแท้ และเร่งขจัดจุดอ่อนต่างๆ เพื่อเสริมพลังตนเอง ด้วยการสนับสนุนพลังของมวลชนคนเสื้อแดงให้แข็งแกร่ง ปลดปล่อยนักโทษการเมือง และยกเลิกกฎหมายเผด็จการที่กดการเคลื่อนไหวที่ก้าวหน้าอย่างเร่งด่วน
พรรค นี้กลับใช้ยุทธศาสตร์ในทางตรงกันข้าม คือเร่งปรองดองกับฝ่ายอำมาตย์ และทอดทิ้งปล่อยปละละเลยประชาชนคนเสื้อแดง ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนก็คือ คำปราศรัยของอดีตนายกทักษิณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในโอกาสครบรอบ 2 ปีการเข่นฆ่าประชาชน เมื่อ19 พฤษภาที่ผ่านมานั่นเอง
แปลงร่างให้รัฐธรรมนูญเผด็จการ กลายเป็รัฐธรรมนูญประชาชน
วันนี้ เชื้อร้ายของเผด็จการทหาร เผด็จการอำมาตยาธิปไตยยังวนเวียนอยู่ในการเมืองไทย เจ้ากี้เจ้าการจัดระเบียบใหม่ เทอำนาจอธิปไตยผ่านรัฐธรรมนูญเผด็จการที่หาคนมาร่างเอง มี สว. (สมาชิกวุฒิสภา)แต่งตั้งกว่าครึ่ง ทั้งยังผลักดันให้มีการลงประชามติภายใต้ พรบ.ฉุกเฉิน ที่ควบคุมคูหาเลือกตั้งกว่าครึ่งค่อนประเทศ แอบอ้างว่า รัฐธรรมนูญ 2550 มีความชอบธรรมสูงสุด แปลงร่างให้รัฐธรรมนูญเผด็จการ กลายเป็รัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับไป
ในทางโครงสร้างมีการจัดตั้ง รัฐบาลขิงแก่ และองค์กรอิสระที่สืบทอดอำนาจจากคณะรัฐประหารโดยตรง คณะกรรมการเลือกตั้ง คณะกรรมการตรวจการแผ่นดิน คตส ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้บริหารและบุคลากรส่วนใหญ่ก็มีทั้งข้าราชการ ทหาร สื่อ และเอ็นจีโอที่ฝักใฝ่อำมาตย์ นี่คืออุปสรรคของระบอบประชาธิปไตยไทย
ทำ ให้รัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์พรรคเพื่อไทย ที่แม้จะมาจากเสียงข้างมากของมวลชน มาจากคนเสื้อแดงที่ตาสว่างทั่วประเทศก็ไม่สามารถบริหาร และผลักดันนโยบายต่างๆ ที่สัญญาไว้อย่างเต็มที่ได้ การสั่งงานข้าราชการก็ทำไม่ได้ ดูจากกรณีน้ำท่วมใหญ่เป็นตัวอย่าง ในสภาการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการทำได้ยากยิ่ง แม้จะทำไปตามกระบวนการตามขั้นตอนของรัฐสภาทุกอย่าง
นโยบายผิดพลาด ยุทธศาสตร์ผิดเพี้ยน ถอยห่างมวลชน
ท่าม กลางอุปสรรคเหล่านี้ แทนที่แกนนำพรรคเพื่อไทยและ นปช. จะพิจารณาความขัดแย้งให้ถ่องแท้ และเร่งขจัดจุดอ่อนต่างๆ เพื่อเสริมพลังตนเอง ด้วยการสนับสนุนพลังของมวลชนคนเสื้อแดงให้แข็งแกร่ง ปลดปล่อยนักโทษการเมือง และยกเลิกกฎหมายเผด็จการที่กดการเคลื่อนไหวที่ก้าวหน้าอย่างเร่งด่วน
พรรค นี้กลับใช้ยุทธศาสตร์ในทางตรงกันข้าม คือเร่งปรองดองกับฝ่ายอำมาตย์ และทอดทิ้งปล่อยปละละเลยประชาชนคนเสื้อแดง ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนก็คือ คำปราศรัยของอดีตนายกทักษิณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในโอกาสครบรอบ 2 ปีการเข่นฆ่าประชาชน เมื่อ19 พฤษภาที่ผ่านมานั่นเอง
ยิ่งดำเนินยุทธศาสตร์ผิดพลาด ยิ่งเร่งเสนอ พรบ.ปรองดอง เข้าสู่สภาราวกับจะเร่งวันเร่งคืนให้อดีตนายกทักษิณได้กลับบ้าน พรรคเพื่อไทยก็ยิ่งเผชิญศึกรอบด้าน ทั้งศึกนอกศึกใน ฝ่ายเสื้อแดงก้าวหน้า และนักวิชาการที่เคยสนับสนุนพรรคต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์
ขณะที่ความพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาก็มีอุปสรรค พรรคแมลงสาบตีรวนป่วนสภา คุกคามประธานสภาจนเกิดภาพน่าทุเรศผ่านสื่อไปทั่วโลก ขณะที่กลุ่มพันธมิตร และกลุ่มสลิ่มหลากสีต่างออกมาชุมนุมประท้วง พร้อมกวักมือเรียกทหารอำมาตย์กันเหยงๆ
ขบวนการฝ่ายอนุรักษ์นิยมอำมา ตยาทำงานกันอย่างเป็นระบบ จึงเป็นหน้าที่แกนนำ นปช. ต้องออกมาสยบการวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายเสื้อแดง หยุดความขัดแย้งภายในด้วยการกุข่าวรัฐประหาร ปั้นน้ำเป็นตัวว่าฝ่ายตรงข้ามมีแผนจะลักพานายกยิ่งลักษณ์ หวังจะให้คนเสื้อแดง “สามัคคีกัน” หยุดวิจารณ์อดีตนายกทักษิณ หยุดวิจารณ์การรีบเร่งปรองดองที่ไม่ยืนบนหลักการ
เพียง ประเมินว่าสิ่งที่ยึดโยงมวลชนคนเสื้อแดงกลุ่มต่างๆ ไว้ด้วยกัน คือการต่อต้านรัฐประหาร ต่อต้านเผด็จการ ขณะเดียวกันก็กล่าวหาว่ามีแดงปลอม แดงเสี้ยม.... ใช้วิธีการเยี่ยงอำมาตย์มาควบคุมมวลชน ราวกับว่าถ้าไม่ได้กุข่าวรัฐประหารแล้วจะลงแดงตาย???
แกนนำล้าหลัง ตามไม่ทันมวลชนที่กำลังตื่นตัวตาสว่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
การ นำที่เลอะเทอะไม่ทันเกมส์ของ นปช. และพรรคเพื่อไทย ที่มีหลายค่ายหลายกลุ่มผลประโยชน์ ทำให้มวลชนคนเสื้อแดงเริ่มเบื่อหน่าย สิ่งนี้สะท้อนการเมืองผิดฝาผิดตัว ของ แกนนำ นปช. เอาหัวเดินต่างเท้า ปรองดองแบบวิปริต เร่งเอาศัตรูมาเป็นมิตร หมอบคลานจนไม่สามารถยืนตัวตรงได้อีก
ขณะที่มวลชนตื่นตัวตาสว่างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พรรคเพื่อไทยกลับใช้ยุทธวิธีถอยแล้วถอยเล่าในสภา ใช้นโยบายปูดองอันเหลือเชื่อ
นโยบายรัฐสวัสดิการทั้ง นปช และเพื่อไทยก็ไม่เอา อะไรที่เป็นผลประโชน์ต่อมวลชนคนชั้นล่างก็กลับละเลย ตอกย้ำแนวเศรษฐกิจการเมืองที่เป็นเสรีนิยมใหม่ มีแต่จะเดินหน้าปราบปรามควบคุมฝ่ายซ้าย ปิดเว็บไซต์ก้าวหน้า
แกนนำ นปช. และพรรคเพื่อไทย แกล้งลืมไปว่าภัยมหาศาลต่อประชาธิปไตยมาจากกฏหมายอาญามาตรา 112 และ กฏหมายคอมพิวเตอร์ พวกเขาสร้างละครปรองดองชุดแล้วชุดเล่า มีผลให้มวลชนและนักวิชาการเสื้อแดงบางกลุ่ม บางคน ประกาศแตกหักกับทักษิณ พรรคเพื่อไทย และ นปช. ท่ามกลางสถานการณ์ที่ฝ่ายอำมาตย์รุกคืบด้วยการเพิ่มอำนาจฝ่ายตุลาการผ่านศาล รัฐธรรมนูญ สั่งสภาให้ถอยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ออกไป เพื่อหยุดการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ก้าวหน้า จนมีคนเรียกขานว่า ตุลาการรัฐประหาร....
ถึงเวลาที่พวกเรามวลชนคนเสื้อแดงที่มีดวง ตาใสสว่าง จะเริ่มคิด เริ่มสร้าง หันกลับมาสร้างพรรคของตนเอง เลิกพึ่งพาพรรคการเมืองนายทุน เลิกชื่นชมแกนนำที่จะนำพาเราไปสู่การปรองดองอันผิดเพี้ยน แล้วเริ่มวางยุทธศาสตร์บนแนวทางการต่อสู้ทางชนชั้นอันแหลมคมอย่างถึงที่สุด
มวลชนต้องนำตนเอง ไม่มีเทวดา ไม่มีผู้วิเศษที่ไหนจะมาประสิทธิประศาสน์ให้เราได้!!!
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/07/blog-post_7626.html
The Daily Dose
The Daily Dose
The Daily Dose 12กค55
http://www.youtube.com/watch?v=Zmdc6twgBuQ&feature=player_embedded"ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์" วิเคราะห์ภาพหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย-พลังปีศาจกับอำนาจทางวัฒนธรรม?
"ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์" วิเคราะห์ภาพหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย-พลังปีศาจกับอำนาจทางวัฒนธรรม?
ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1342079835&grpid=&catid=01&subcatid=0100
'ใบตองแห้ง' ออนไลน์: เถื่อนมาก็เถื่อนไป?
'ใบตองแห้ง' ออนไลน์: เถื่อนมาก็เถื่อนไป?
ศุกร์ 13 จะออกมาอย่างไร หลายคนคาดการณ์ว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่ให้แก้มาตรา 291 ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ แต่ไม่ยุบพรรคตัดสิทธิ ล้มระบอบรัฐสภา
แต่ไม่ว่าออกมาทางร้าย หรือร้ายแรงที่สุด ผลที่เกิดขึ้นแน่นอนคือ มวลชนเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตยจะตระหนักว่า ระบอบประชาธิปไตยแบบอำมาตย์กำลังดื้อรั้นรักษาอำนาจโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล ความชอบธรรม หรือกฎกติกา โดยถือดีว่ามีอำนาจศาลและอำนาจปืนอยู่ในมือ
เราไม่สามารถรอมชอมกับระบอบประชาธิปไตยแบบอำมาตย์ได้ ทั้งที่ได้พยายามต่อสู้ในกติกาแล้ว
ภายหลังการยุบพรรคไทยรักไทย ยุบพรรคพลังประชาชน จัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร มวลชนเสื้อแดงลุกฮือขึ้นสู้ ในเดือนเมษายน 2552 และเมษา-พฤษภา 2553 ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นการใช้กำลังทางกายภาพตอบโต้ความรุนแรงที่เป็น นามธรรมของรัฐประหารและศาล ฝ่ายอำมาตย์คิดว่าการยั่วยุให้มวลชนทนไม่ไหวจะเป็นโอกาสให้อ้างความชอบธรรม ใช้กำลังปราบปราม แล้วชาวบ้านโง่ๆ ถูกหลอก ถูกซื้อ ถูกยิงตายซักหลายสิบคนก็คงจะฝ่อไป แต่พวกเขาคิดผิด แม้การยิงหัวไพร่เสื้อแดงจะได้ใจสลิ่ม ผู้ดีชาวกรุง ดารา ไฮโซ แต่ในชนบทอันกว้างใหญ่ ในภาพรวม ในทางสากล พวกเขาพ่ายแพ้ทางการเมือง จนกระทั่งพรรคเพื่อไทยกลับมาได้ชัยชนะล้นหลาม โดยได้รับการสนับสนุนจากนานาประเทศด้วย
ความพยายามก่อรัฐประหารโดยศาลครั้งนี้ ชัดเจนว่าเป็นไปอย่างดันทุรัง ในการรับคำร้องตามมาตรา 68 ซึ่งผิดทั้งแง่กระบวนการและเนื้อหา ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยทั้งที่ไม่มีอำนาจ ใช้อำนาจโดยพลการอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ ถามว่าพวกเขาไม่ตระหนักหรือ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากชี้ผิด ยุบพรรค ตัดสิทธิ
สงครามกลางเมืองสิครับ มวลชนจะลุกฮือขึ้นมาตะโกนว่า กูทนไม่ไหวแล้วโว้ย
ในแง่หนึ่งคือการหยั่งเชิงของฝ่ายอำมาตย์ ถ้าประชาชนทนไม่ไหวลุกฮือ มันก็คือโอกาส ที่จะเอากำลังทหารออกมารักษาความสงบ โค่นรัฐบาล แล้วเดินไปตามสูตรอียิปต์บวก ม. 7 ขอรัฐบาลพระราชทาน อย่างที่บิ๊กจิ๋วดักคอ
แต่ในขณะเดียวกัน ฝ่ายอำมาตย์ก็ไม่มั่นใจว่า ถ้าประชาชนทนไม่ไหว แล้วพวกเขา “เอาอยู่” หรือไม่ เป็นสถานการณ์ที่ประเมินยาก แม้แต่ฝ่ายรัฐบาล เพื่อไทย นปช.ก็ยังประเมินไม่ออก ว่าขณะนี้มวลชน “ตาสว่าง” เพียงไร และพร้อมจะสู้ถึงที่สุดแค่ไหน มันจึงเสี่ยงอันตรายอย่างยิ่ง หากไปถึงจุดนั้น
หากไม่กล้าแตกหัก ก็อาจรัฐประหารครึ่งใบ ไม่ยอมให้แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ไม่ยุบพรรคตัดสิทธิ แบบนั้นจะกลับมาสร้างภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้รัฐบาลเพื่อไทยและมวลชน เสื้อแดง คือมวลชนโกรธแค้น แต่ไม่รู้จะระบายออกอย่างไร เพราะอีกด้านหนึ่งก็ต้องรักษาอำนาจของรัฐบาล มวลชนไม่สามารถออกมาก่อความไม่สงบ ชุมนุม ปิดถนน ก่อความรุนแรง ที่จะกลายเป็นบั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาล ฝ่ายรัฐบาลเอง ก็น่าจะต้องกล้ำกลืนยอมรับคำสั่งศาล ขณะที่มวลชนไม่ยอมรับ และต้องการระบายความแค้น นี่เป็นปัญหาที่จะต้องจัดการให้ดี และต้องเข้าใจการแยกกันเดิน
มวลชนต้องแสดงพลัง เพื่อตอบโต้ฝ่ายอำมาตย์ นี่เป็นสิ่งที่ต้องยืนยัน เพราะถ้าไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ของนักวิชาการและมวลชนมาตั้งแต่ต้น ฝ่ายอำมาตย์ก็คงไม่ลังเลที่จะใช้แผน 1 ฉะนั้นการที่พรรคเพื่อไทยจะบอกให้มวลชนเสื้อแดงยอมรับคำสั่งศาล จึงเป็นเรื่องงี่เง่า แต่แน่นอนว่าสำหรับรัฐบาลอาจต้องเลือกเดินอีกอย่าง เพื่อรักษาฐานอำนาจและพยุงตัวอยู่ในกระแสสาธารณะ ที่คนทั่วไปยังไม่อยากให้แตกหัก ด้านนี้มวลชนก็ต้องเข้าใจรัฐบาลเช่นกัน แต่ไม่จำเป็นต้องบอกว่าเห็นพ้องกัน มวลชนสามารถตอบโต้อย่างเต็มที่ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai3.info/journal/2012/07/41516
ศุกร์ 13 ประชา สยอง ? (ภาคจบ)
ศุกร์ 13 ประชา สยอง ? (ภาคจบ)
วีรพัฒน์ ปริยวงศ์
นักกฎหมายอิสระ
http://www.facebook.com/verapat
นักกฎหมายอิสระ
http://www.facebook.com/verapat
ในบทความ ‘ภาคแรก’ “ ศุกร์ 13 เพื่อไทย สยอง ” ผู้เขียนได้ชวนคิดว่า (1) การที่ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาไต่สวนพยานเพียง ‘สองวัน’ และ ทำคำวินิจฉัยเพียง ‘วันเดียว’ นั้น ‘หยาบสั้น’ ไปหรือไม่ ? (2) การแยกประเด็นพิจารณา มาตรา 291 ออกจาก มาตรา 68 ผิดตรรกะและส่อ ‘ตั้งธง’ หรือไม่ และ (3) ‘แนวทางการตัดสิน’ ที่เป็นไปได้ 6 แนวทาง มีทางใดบ้าง ? (อ่านย้อนหลังได้ที่ http://bit.ly/Suk-13 )
ใน ‘ภาคจบ’ จึงขอชวนเราเหล่าประชา คิดถึงปัญหาที่อาจต้องสยองกันต่อ ดังนี้
1. คำวินิจฉัย น่าจะออกมาในลักษณะใด?
แม้ ผู้เขียนจะเห็นว่า คดีนี้ได้หลุดเลยไปจาก ‘ปริมณฑลแห่งกฎหมาย’ ตั้งแต่วันที่ศาลมีมติรับคำร้องไปแล้ว แต่ก็ยังหวังจะได้เห็นคำวินิจฉัยที่ยึดมาตรฐานเดียวกันกับที่ศาลชุดเดียว กันเคยตัดสินในสมัย ‘ประชาธิปัตย์’
แม้ ผู้เขียนจะเห็นว่า คดีนี้ได้หลุดเลยไปจาก ‘ปริมณฑลแห่งกฎหมาย’ ตั้งแต่วันที่ศาลมีมติรับคำร้องไปแล้ว แต่ก็ยังหวังจะได้เห็นคำวินิจฉัยที่ยึดมาตรฐานเดียวกันกับที่ศาลชุดเดียว กันเคยตัดสินในสมัย ‘ประชาธิปัตย์’
แต่หากศาลละทิ้งมาตรฐานแล้วฉวย มาตรา 68 มาวินิจฉัย ‘เนื้อหาหรือวิธีการ’ แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เสียแล้ว ผู้เขียนก็ยังเห็นว่า แนวทางของคำวินิจฉัย ก็จะยังคงเป็นในลักษณะการ ‘ยกคำร้อง’ ด้วยปัจจัย ดังนี้
ปัจจัยที่ 1 : ฝ่ายผู้ร้อง สู้คดีโดยไม่มีน้ำหนัก
- พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม ได้หลุดปากยอมรับว่า ตนกำลัง ‘คาดการณ์-คาดคะเน’ และ ‘จินตนาการ’ ถึงการล้มล้างการปกครองฯ ไปตาม ‘บริบทสังคม’ ซึ่งฟังประหนึ่งก็วาดขึ้นเองตามอำเภอใจ แต่พอถูกถามว่า การล้มล้างการปกครองฯ ครั้งนี้ เหมือนต่างกับการล้มล้างรัฐประหารโดย คมช. ที่ตนเป็นหัวหน้าสำนักธุรการอย่างไร กลับอธิบายไม่ได้
- พรรคประชาธิปัตย์เอง ก็ได้แต่ยกคำปราศรัยของ คุณทักษิณ ชินวัตร และ แกนนำ นปช. นอกสภา เพื่อโยงว่าเป็นขบวนการเดียวกันกับการแก้ไข มาตรา 291 ในสภา ซึ่งแสดงว่า เมื่อไม่มีหลักฐานการล้มล้างการปกครองในสภา จึงต้องไปจินตนาการโยงกับกลุ่มบุคคลอื่นนอกสภาเสียเอง
- ผู้ร้องบางฝ่าย แม้จะเป็นนักกฎหมาย แต่ก็ถามนอกประเด็นจนถูกศาลตำหนิว่าถามมาแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร ยกคำถามที่ไม่เป็นประโยชน์ เช่น สิทธิทางแพ่ง-สิทธิทางอาญา หรือ มาตรา 212 ซึ่งศาลเคยวินิจฉัยไปหลายครั้งแล้วว่า นำมาอ้างต่อการกระทำไม่ได้
ฯลฯ
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41505
Hot Topic 12กค55
Hot Topic 12กค55
จาตุรนต์ ศุกร์13 วันฝันกระเจิง Hot Topic 12กค55
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=5myKV8Ncr7EDivas Cafe
Divas Cafe
นับถอยหลังสู่เส้นตายการเมืองไทย Divas Cafe 12กค55
http://www.youtube.com/watch?v=0BbGhFFpiVI&feature=player_embedded
มีไว้สำหรับปราบปรามและเขนฆ่าประชาชนของ"กองทัพไทย"ลงนามซื้อฮ."ยูเอช-60 เอ็มแบล็กฮอว์ค" เข้าประจำการ"ชาติแรกในอาเซียน"
มีไว้สำหรับปราบปรามและเขนฆ่าประชาชนของ"กองทัพไทย"ลงนามซื้อฮ."ยูเอช-60 เอ็มแบล็กฮอว์ค" เข้าประจำการ"ชาติแรกในอาเซียน"
เว็บไซต์ของบริษัทซิคอร์สกี รายงานว่า
ที่งานการจัดแสดงเครื่องบินนานาชาติฟาร์นโบโร ประเทศอังกฤษ
กองทัพบกไทยลงนามข้อตกลงที่จะซื้อเฮลิคอปเตอร์ยูเอช-60 เอ็ม แบล็กฮอว์ก
(UH-60M BLACK HAWK)
ผ่านช่องทางการขายอุปกรณ์ทางทหารให้แก่ต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ
ทำให้ไทยจะเป็นประเทศแรกในกลุ่มประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หรืออาเซียน
ที่มีเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กรุ่นล่าสุดเข้าประจำการนอกจากกองทัพบกสหรัฐฯ
เฮลิคอปเตอร์ยูเอช-60 เอ็มติดตั้งอุปกรณ์ที่ทันสมัย อาทิ
หน้าจอบังคับการระบบดิจิตอล ระบบควบคุมการบินและการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย
อุปกรณ์ช่วยบินในเวลากลางคืน และอุปกรณ์อื่นๆ
ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อลดภาระของนักบิน
อีกทั้งเสริมเกราะเพื่อเพิ่มการอยู่รอดในสงคราม ทั้งนี้
แบล็กฮอว์กรุ่นนี้ได้รับความไว้วางใจจากกองทัพสหรัฐ
ซึ่งบริษัทซิคอร์สกีจะส่งมอบเฮลิคอปเตอร์เครื่องที่ 500
ให้แก่กองทัพบกสหรัฐฯในช่วงฤดูร้อนนี้
นายซามีร์ เมห์ทา ประธานกลุ่มซิคอร์สกี มิลิทารี
ซิสเท็มส กล่าวถึงฮ.รุ่นนี้ เมื่อปี 2011 ว่า เฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์ค
ถือเป็นฮ.รุ่นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ขณะที่รุ่นยูเอช-60เอ็ม
ถือเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด
และมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่บริษัทเคยพัฒนาที่มีการ
จัดส่งให้กองทัพสหรัฐฯ
โดยกองทัพจากหลายชาติได้เล็งเห็นว่าฮ.รุ่นนี้สามารถใช้งานได้หลากหลายและมี
คุณสมบัติที่โดดเด่น
อีกทั้งยังมีความคงทนแม้ว่าจะต้องใช้งานท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย
โดยสวีเดนถือเป็นประเทศแรกที่สั่งซื้อเครื่องบินรุ่นนี้
ซิคอร์สกีระบุว่า เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
ไทยก็เป็นประเทศแรกนอกจากสหรัฐฯ ที่ได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์ เอ็มเอช-60 เอส
ซึ่งเป็นแบล็กฮอว์กรุ่นอเนกประสงค์ใช้งานทางทะเลให้แก่ราชนาวีไทยจำนวน 2 ลำ
ราชนาวีไทยใช้เฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวในภารกิจขนส่งทางทหารและส่งกำลังบำรุง
นอกเหนือจากภารกิจค้นหาและกู้ภัย
ปัจจุบันมีเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กรุ่นต่างๆ ใช้งานอยู่ทั่วโลกกว่า 3,000
ลำใน 30 ประเทศ
กองทัพสหรัฐใช้งานแบล็กฮอว์กอย่างแพร่หลายในสมรภูมิอิรักและอัฟกานิสถาน
โดยมีชั่วโมงบินรวมกันกว่า 1.3 ล้านชั่วโมง
ลุ้นศาลชี้ชะตาแก้รัฐธรรมนูญ ระทึกคดีทักษิณ-เกมรับเพื่อไทย พรรคใหม่ "เพื่อธรรม"
ลุ้นศาลชี้ชะตาแก้รัฐธรรมนูญ ระทึกคดีทักษิณ-เกมรับเพื่อไทย พรรคใหม่ "เพื่อธรรม"
"นพดล ปัทมะ" ที่ปรึกษากฎหมาย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บอกว่า หากศาลมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรค
จะไม่สร้างแรงสะเทือนถึงความมั่นคงของ "รัฐบาลยิ่งลักษณ์" ในทันที
เพราะ เนื้อหาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ในวรรคสามและสี่ ระบุตอนหนึ่งว่า "กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิด สามารถสั่งยุบพรรคการเมือง โดยให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบ เป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง"
เขาสรุปว่า อำนาจศาลไม่สามารถตัดสิทธิ์ ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมด เว้นเสียแต่มีกระบวนการยื่นถอดถอนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
"รัฐบาลจะยังไม่ถูกล้มในตอนนี้ เว้นแต่เขาจะมายื่นถอดถอนกับ ป.ป.ช. โดยใช้ข้ออ้างว่า ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ"
"นพ ดล" บอกอีกว่า
คำตัดสินให้ยุบพรรคไม่ได้เป็นการกระทำที่จ้องจะล้มรัฐบาล
แต่เป็นการบั่นทอนขุมกำลังพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นกระบวนการเปิดช่องให้
ส.ส.บางกลุ่มย้ายพรรคแลกกับผลประโยชน์บางประการ
เพื่อหาช่องทางสนับสนุนให้คนอื่นเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะ เนื้อหาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ในวรรคสามและสี่ ระบุตอนหนึ่งว่า "กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผิด สามารถสั่งยุบพรรคการเมือง โดยให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบ เป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง"
เขาสรุปว่า อำนาจศาลไม่สามารถตัดสิทธิ์ ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญทั้งหมด เว้นเสียแต่มีกระบวนการยื่นถอดถอนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
"รัฐบาลจะยังไม่ถูกล้มในตอนนี้ เว้นแต่เขาจะมายื่นถอดถอนกับ ป.ป.ช. โดยใช้ข้ออ้างว่า ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ"
ทั้งนี้แหล่งข่าว ระดับสูงในพรรคเพื่อไทย ระบุว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ได้เตรียม "พรรคเพื่อธรรม (พธ.)" ไว้เป็นพรรคสำรอง กรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ยุบพรรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งข้อมูลจาก กกต. ระบุว่า พรรคเพื่อธรรม จัดตั้งเมื่อ 23 สิงหาคม 2553 โดยมีหัวหน้าพรรคชื่อ "วัลลภ สุปิรยศิลป์" และมีเลขาธิการพรรคชื่อ "นิชนันท์ วังคะฮาตธัญญกิจ" ซึ่งมีกรรมการบริหาร 11 คน และมีสมาชิกพรรค 6,179 คน
ดังนั้นไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาในทิศทางใด ย่อมกระทบต่อการกลับบ้านและอนาคตทางการเมืองของ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ทั้งสิ้น
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1342061796&grpid=01&catid=&subcatid=
"โภคิน" เทียบความเหมือน กรณีรัฐประหารเงียบ 2476 กับตุลาการพิฆาต 2555
"โภคิน" เทียบความเหมือน กรณีรัฐประหารเงียบ 2476 กับตุลาการพิฆาต 2555
ในอดีต "โภคิน พลกุล" เป็นรองประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรียุค "บรรหาร ศิลปอาชา" ถึงยุค "พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ" เป็นนายกฯ นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี-รมว.มหาดไทย ในยุค "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นผู้นำประเทศ
จบ "ด็อกเตอร์" ทางกฎหมายที่มหาวิทยาลัยปารีส ประเทศฝรั่งเศส เช่นเดียวกับ "ปรีดี พนมยงค์" ผู้อภิวัตน์เปลี่ยนแปลงการปกครอง
"โภคิน" หายหน้าไปจากแวดวงการเมือง หลังพรรคไทยรักไทยถูกตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคเมื่อกลางปี 2550 ผลักให้กรรมการบริหารพรรคทั้ง 111 คน กลายเป็นนักโทษการเมือง ห้ามยุ่งเกี่ยวการเมืองอีก
ในวันที่ถูกเว้นวรรค เขาใช้ชีวิตหมกมุ่นอยู่กับหนังสือแนวปกป้องโลก บางเวลาแบ่งสาระชีวิตกับการชมสารคดี ท่องไปในสวนสัตว์ ทุกย่างก้าวเวลานั้นเป็นช่วงที่เขาใช้ทบทวนชีวิต
แต่เมื่อพ้นโทษการ เมือง "โภคิน" ถูกเสนอชื่อเป็นขุนพลในขบวนทัพที่ต่อสู้กับแนวทางตุลาการภิวัตน์ ขึ้นให้การกับศาลรัฐธรรมนูญร่วมกับพรรคเพื่อไทยในฝ่าย "ผู้ถูกร้อง" และฝ่ายประชาธิปัตย์เป็น "ผู้ร้อง" ต่อศาลให้วินิจฉัยกรณีการจัดทำ "ร่าง" รัฐธรรมนูญว่ามีผลทำให้เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อันเป็นการกระทำเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข และเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตาม วิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่
จาก ที่เคยนั่งประชุมอยู่ในวงนอก จากที่ยังไม่ตัดสินใจสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยประสบปัญหา "โภคิน" จึงยอมปรากฏตัวอยู่แนวหน้าอีกครั้ง ในฐานะพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง
ความเห็นทางกฎหมายของ "โภคิน" ถูกจัดวาระผ่านสื่ออย่างเป็นระบบ
เช่นเดียวกับวาระสนทนาพิเศษกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
คลิกอ่านบทสัมภาษณ์พิเศษที่นี่
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1342063060&grpid=01&catid=&subcatid=
คำถามถึง ''เพื่อไทย'' ขึ้นค่าแรง 300 แค่ประชานิยมหรือตั้งเป้ารัฐสวัสดิการ
คำถามถึง ''เพื่อไทย'' ขึ้นค่าแรง 300 แค่ประชานิยมหรือตั้งเป้ารัฐสวัสดิการ
วรวิทย์ เจริญเลิศ ปาฐกถาสุภา ศิริมานนท์ ถาม "พรรคเพื่อไทย"
ก้าวต่อไปของนโยบายค่าจ้าง 300 บาทคืออะไร แค่ประชานิยมหรือไกลกว่านั้น
เสนอรัฐสวัสดิการต้องคุ้มครองแรงงานด้านกฎหมายด้วย
ชี้ประเทศตะวันตกพัฒนารัฐสวัสดิการผ่านการต่อสู้หลายมิติจนตกผลึก แต่ของไทย
ยังสู้กันอยู่เรื่องสิทธิทางการเมือง-การแสดงความเห็น
ทั้งนี้เขามองว่าประชานิยมนั้นใกล้กับคำว่า "สงเคราะห์" ซึ่งเป็นการช่วยเหลือแบบให้เปล่า การจะไปสู่รัฐสวัสดิการจะต้องขยับจากเรื่องของความมั่นคงทางสังคม (Social security) เช่น การประกันสังคม ไปสู่การปกป้องทางสังคม (Social protection) ซึ่งเป็นการคุ้มครองในมิติทางกฎหมายด้วย เพราะที่ผ่านมา ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ นายจ้างเอารูปแบบการจ้างงานยืดหยุ่นเข้ามาใช้ จ้างเหมาค่าแรง ใช้สัญญาจ้างชั่วคราว รัฐควรเข้ามาคุ้มครองตรงนี้ รวมถึงคุ้มครองให้คนทำงานในสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัย ก่อนจะพัฒนาไปสู่การไม่ใช้แรงงานราคาถูก พัฒนาทักษะแรงงาน ไม่พึ่งการส่งออก และพัฒนาตลาดในประเทศหรือภูมิภาค
วรวิทย์ กล่าวถึงการได้มาซึ่งรัฐสวัสดิการในประเทศตะวันตกว่าเกิดจากการต่อสู้ของ ขบวนการภาคประชาชนนาน 200-300 ปี ตั้งแต่การสู้เพื่อเสรีภาพทางความคิด ก่อให้เกิดสิทธิพลเมือง เปลี่ยนจากรัฐรวมศูนย์ใต้ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นรัฐเสรีนิยม ใต้การปกครองแบบประชาธิปไตย นำมาสู่สิทธิทางการเมือง เมื่อทุนนิยมเข้ามา เกิดความขัดแย้งกับแรงงาน ก็มีการต่อสู้เพื่อสิทธิทางสังคม เป็นรัฐสวัสดิการในที่สุด และแม้ว่าในกระแสเสรีนิยมใหม่ จะมีความพยายามรื้อรัฐสวัสดิการ แต่ทำได้อย่างมากก็เพียงการจำกัดสิทธิ เพื่อตัดค่าใช้จ่าย หรือโยงการให้สวัสดิการเข้ากับการกลับเข้าทำงานเท่านั้น แต่ไม่เคยมีการยกเลิกรัฐสวัสดิการ
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/07/41503
ป่วนกลางวง กมธ. พิจราณางบกลาโหม "ก่อแก้ว"ฉะทหาร กมธ.ปชป.วอล์คเอาท์
ป่วนกลางวง กมธ. พิจราณางบกลาโหม "ก่อแก้ว"ฉะทหาร กมธ.ปชป.วอล์คเอาท์
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่รัฐสภา
ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ
ประมาณ พ.ศ.2556 วงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งมี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย
ส.ส.เพื่อไทยเป็นประธาน
หลังจากที่ พ.อ.อภิวันท์ ได้เปิดโอกาสให้กมธ.จากพรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านสอบถามถึงแผนการใช้จ่ายงบ ประมาณของกองทัพ ซึ่งนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.ได้ขอใช้สิทธิ์อภิปรายโดยเนื้อหาส่วนใหญ่พาดพิงการทำหน้าที่ของ กองทัพโดยเฉพาะการเข้าสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
นายก่อแก้ว กล่าวว่า ขณะนี้สังคมมองทหารในภาพลบ 2 เรื่องคือ ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่สามารรถแก้ปัญหาได้เพราะทหารพยายามสร้างสถานการณ์ เพื่อที่จะของบประมาณมากขึ้น และเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 เม.ย. 53 และ วันที่ 13-19 พ.ค. 53 ต้องยอมรับเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหด มีการใช้สไนเปอร์ยิงคนไม่เลือกหน้า ไม่เว้นแม้แต่คนขับแท็กซี่ ถีบจักรยานมาขายล็อตเตอรี่ก็โดนยิง เดินไปซื้อของเซเว่นก็โดนยิง ที่บอกว่ามีชายชุดดำวันนี้ผ่านมา 2 ปีก็ไม่เป็นความจริง บอกกันว่าคนเสื้อแดงฆ่ากันเองตายก็ต้องบอกว่าคนไทยไม่ได้กินหญ้า ถ้าคนไทยกินหญ้าป่านนี้คงเลือกพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลแล้ว" นายก่อแก้วกล่าว
จากนั้น ทำให้กรรมาธิการหลายคนลุกขึ้นประท้วงโดยเฉพาะนายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ที่กล่าวว่า คำพูดของนายก่อแก้วเป็นการพูดนอกเรื่องที่พิจารณากันอยู่ไม่ควรพูดในห้อง ประชุมนี้ ทำให้เสียเวลา ถ้าประธานยังปล่อยให้นายก่อแก้วยังพูดอยู่ต่อไป คณะกรรมาธิการในส่วนของฝ่ายค้านจะเดินออกนอกห้องประชุม ซึ่งจะทำให้องก์ประชุมไม่ครบ
"ไม่ใช่ให้ใครมาแสดงพฤติกรรมตามใจชอบได้ พฤติกรรมเช่นนี้เมื่อผมนั่งเป็นประธานการประชุมและเป็นรัฐมนตรีผมเคยเชิญ กมธ.จากพรรคเดียวกันออกจากห้องประชุมมาแล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้พูดไปได้เรื่อย อย่าเอาสีเสื้อติดเข้ามาเลยห้องนี้เป็นการประชุมงบประมาณ" นายพิเชษฐ์ กล่าว
จากนั้นกมธ.พรรคประชาธิปัตย์แสดงความไม่พอใจด้วยเดินออกจากห้องประชุม กมธ.ทำให้องค์ประชุมไม่ครบจน พ.อ.อภิวันท์ ต้องสั่งพักการประชุม 20 นาที ก่อนที่จะกลับมาเข้ามาประชุมอีกครั้ง โดยขอความร่วมมือกมธ.ไม่ให้อภิปรายพาดพิงในประเด็นดังกล่าวอีก
มีรายงานด้วยว่า ระหว่างการพักการประชุม นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ นำหนังสือที่มีข้อความระบุว่า นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำคนเสื้อแดง ปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันที่ 24 มิ.ย.55 ว่า จะเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ให้ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุขแบบประเทศเพื่อนบ้าน ออกมาเปิดเผยและแจกให้ผู้บัญชาการทหารทุกเหล่าทัพ พร้อมเรียกร้องให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือไม่
(ที่มา)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)