การพูดเรื่องชนชั้น ยังสำคัญหรือไม่
โดย วัฒนะ วรรณ
องค์กรเลี้ยวซ้าย เป็นองค์กรสังคมนิยม ใช้แนวคิดมาร์คซิสต์ในการวิเคราะห์สังคม เพื่อต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงประชาธิปไตยปลอมๆ หรือประชาธิปไตยครึ่งใบ ที่อำนางทางการจัดการเศรษฐกิจยังเป็นเผด็จการ ที่ควบคุมโดยชนชั้นนายทุนอยู่
เวลา พูดเรื่องชนชั้น หลายท่านอาจจะมองว่าเฉย บางท่านถึงขั้นถามว่ายังมีชนชั้นอยู่อีกเหรอในยุคนี้ หรือบางท่านอาจจะจิตนาการชนชั้น ไพร่-อำมาตย์ ย้อนหลังไปหลัง ๒๔๗๕ ไปก็พอมีให้เห็น หรือบางครั้งมองเรื่องชนชั้นเป็นเรื่องของกรรมาชีพในโรงงานอุตสาหกรรมเท่า นั้น
นิยามของชนชั้นในความหมายของมาร์คซิสต์ มองว่าระบบทุนนิยมประกอบด้วยสองชนชั้นหลัก คือ นายทุน เป็นผู้ควบคุมปัจจัยการผลิต เครื่องจักร ที่ดิน เงินทุน กับกรรมาชีพ ที่ไร้ปัจจัยการผลิต เป็นแรงงานรับจ้าง ทั้งคอปกขาว คอปกน้ำเงิน ครูบาอาจารย์ ฯลฯ และนอกจากนี้ก็ยังมีชนชั้นอื่นๆ อยู่ด้วย เช่นชนชั้นกลาง ที่เป็นกลุ่มชนชั้น มีทั้งชนชั้นกลางอยากจน และร่ำรวย แต่มีเป็นส่วนน้อยของสังคมทุนนิยม
การที่สังคมมีชนชั้นดำรงอยู่มัน มีความเกี่ยวพันโดยตรงกับการจัดสรรทรัพยากรในสังคมที่ทุกๆ ช่วยกันผลิต ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันกลับถูกผู้ที่ควบคุมปัจจัยการผลิตอ้าง ว่าสินค้าเหล่านี้เป็นของตน ส่งผลให้ชนชั้นหนึ่งร่ำรวยมหาศาล เกินความจำเป็นที่ใช้สำหรับดำรงชีวิต และอีกชนชั้นหนึ่งยากจน มีรายได้เพียงเพื่อประทังชีวิต ผลิตแรงงานรุ่นต่อไปเท่านั้น
ถ้ามา มองดูอำนาจรัฐในปัจจุบัน ใครคือผู้ครองอำนาจนั้น ชนชั้นใดคือผู้ใช้อำนาจนั้น พรรคเพื่อไทยอยู่ชนชั้นไหน มันก็ปรากฏเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ก็คือชนชั้นนายทุนและตัวแทนของเขา ถึงแม้ว่าเขาอาจจะทะเลาะกันบ้างจนพลางตัว ทำให้เราคิดว่าเขาอยู่ข้างเราและพร้อมจะหยิบยื่นความเท่าเทียม และอิสรภาพ มาให้ แต่ป่าวเลย รูปธรรมเมื่อเขากลับมีอำนาจ เขาก็ทำเพื่อตัวเขาเอง เพื่อชนชั้นของเขาเอง เพื่ออิสรภาพของพวกเขาเอง เท่านั้น ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะโยนเศษเนื้อมาให้เราบ้าง ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาทำเพื่อเรา ทำเพื่อความเท่าเทียมโดยแท้จริง
ถึง เวลาแล้วที่เราควรเลิกหวัง ลมๆ แล้งๆ ที่จะให้คนที่สังกัดคนละชนชั้นกับเรา หยิบยื่นผลประโยชน์ ความกินดีอยู่ดี และเสรีภาพมาให้ เพราะคงเป็นไม่ได้ ในเมื่อผลประโยชน์ของเขามาจากการขโมยหยาดเหงื่อแรงงานของเรา ที่เป็นผู้สร้างให้กับสังคมแต่แรกไป เพราะถ้าเขาหยิบยื่นมันคืนมาสู่เรา ก็เท่ากับว่าเขากำลังทำลายชนชั้นของตนเองไป ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น
นิติ ราษฎร์, ครก.112, ปณิธาน(ไท) ได้สร้างกำลังใจให้เราอีกครั้ง ว่าเราสู้ได้ เราฝันถึงสังคมใหม่ได้ และเราไม่ใช่คนตัวเล็กๆ ที่ไร้พลัง ถึงเวลาที่จะต้องคุยกัน ถึงเวลาที่จะต้องรื้อฟื้นองค์กรนำขึ้นมาใหม่ การต่อสู้รอบใหม่จะต้องเกิดขึ้น คราวนี้ชัยชนะจะต้องไม่ถูกนำไปมอบให้กับเจ้านายคนใหม่อีกต่อไป แต่มันจะถูกนำไปใช้สร้างสังคมแห่งความเท่าเทียม ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง
เสรีภาพ จงมีแด่ท่าน!
(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.com/2012/02/blog-post_26.html