หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เสื้อแดงอย่าหวังความยุติธรรมจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์

เสื้อแดงอย่าหวังความยุติธรรมจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ 

 

 
โดย อ.ใจ อึ๊งภากรณ์

วัน ครบรอบสังหารหมู่เสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยเวียนมาอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะครบรอบกี่ปีในอนาคต ถ้าเสื้อแดงไปฝากความหวังไว้กับรัฐบาลเพื่อไทย หรือแก้ตัวแทนยิ่งลักษณ์ วันครบรอบนี้จะเวียนมาอีกเรื่อยๆ จนเราตายหมด โดยที่ฆาตกรมือเปื้อนเลือด ประยุทธ์ อนุพงษ์ อภิสิทธิ์ และ สุเทพ ไม่มีวันถูกจับขึ้นศาลและลงโทษ ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอาเจนทีนา หรือตูรกี 

คนที่อยากเปิดหูลืมตา คงเห็นมานานว่า เพื่อไทย ยิ่งลักษณ์และทักษิณ ทำข้อตกลงกับทหารตั้งแต่สมัยชนะการเลือกตั้ง ตอนนี้เลยไม่เอ่ยถึงบทบาทประยุทธ์และอนุพงษ์ในการฆ่าเสื้อแดงมานาน พูดแต่เรื่องอภิสิทธิ์เท่านั้น แต่เป็นแค่ละครเพื่อป้อนให้เสื้อแดงหัวอ่อน ทักษิณเองก็พูดว่าตัวเองไม่มีข้อขัดแย้งกับทหาร ขัดแย้งกับประชาธิปัตย์เท่านั้น และแกนนำ นปช. ก็คล้อยตาม ส่วนยิ่งลักษณ์ก็จับมือกับประยุทธ์ ก้มหัวให้เปรม และกอดเผด็จการโหดของบาห์เรน

เรื่องศาลอาญาระหว่างประเทศค่อยๆ ขยับออกไปทีละนิด โดยที่ฝ่ายต่างๆ หวังว่าทุกคนจะลืม รัฐบาลไม่มีวันยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เพราะนอกจากจะทำลายแนวร่วมกับทหารแล้ว ยังจะเปิดประตูให้มีการสืบข้อมูลทักษิณในเรื่องอาชญากรรมที่ตากใบ และการฆ่าวิสามัญในสงครามยาเสพติด

ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ และเพื่อไทย จำเป็นต้องสร้างภาพว่า “กำลังทำอะไรบางอย่าง” เรื่องการฆ่าเสื้อแดง หรือเรื่องรัฐประหาร ๑๙ กันยา เช่นคำปราศัยของยิ่งลักษณ์ที่มองโกเลีย เพราะถูกกดดันจากเสื้อแดงเอง แต่ที่สำคัญด้วยคือมันเป็นข้อต่อรองกับทหารเพื่อให้ทหารยอมให้ทักษิณกลับ เมืองไทยในอนาคต มันไม่ใช่ว่าจะเอาจริง ถ้าทักษิณกลับได้ก็จะเลิกทำ 

ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ และเพื่อไทย เป็นซีกหนึ่งของชนชั้นปกครองไทย และชนชั้นปกครองไทยทั้งชนชั้นไม่ต้องการให้มีการยกเลิก 112 ชน ชั้นปกครองไทยทุกซีกมีประวัติในการใช้สถาบันกษัตริย์เพื่อเป็นเครื่องมือใน การปราบคนที่คิดต่าง ดังนั้นตามลำพังรัฐบาลนี้ไม่มีวันปล่อยนักโทษ 112 และยกเลิกกฏหมายเผด็จการอันนี้

ล่าสุดรัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังเสนอนโยบายสาธารณสุขที่หมุนนาฬิกากลับสู่ยุค ก่อนรัฐบาลทักษิณ ข้อเสนอให้ประชาชน “ร่วมจ่าย” เวลาไปรักษาพยาบาล เป็นการทำลายอุดมการณ์ของระบบสุขภาพถ้วนหน้าภายใต้แนวคิดของพวกคลั่งเสรี นิยมกลไกตลาด มันเป็นการหันหลังให้รัฐสวัสดิการ และในเรื่องนี้ประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยมองไม่ต่างกันเลย เราจะเห็นว่าความคิดประชานิยมของทักษิณในช่วงแรกๆ ที่ให้ความสำคัญกับความต้องการของคนจนบ้าง สูญหายไปแล้วในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ สรุปแล้ว ยิ่งลักษณ์กับพรรคพวกมองว่าเขาทำอะไรก็ได้ เสื้อแดงก็จะยอมทุกอย่าง เหมือนกับว่าเราสู้มาเพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลหรือเป็นเจ้านาย ยอมนอนลงเพื่อให้พรรคเพื่อไทยเดินเหยียบขึ้นไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง ยอมจำนนปิดหูปิดตาตนเองเมื่อรัฐบาลหักหลังวีรชนที่ถูกทหารกับประชาธิปัต ย์ฆ่า เงียบแกล้งลืมนักโทษการเมือง และยอมจำนนเมื่อรัฐบาลทิ้งคนจน โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยและผู้ไม่มีงานประจำทำ ในเรื่องการรักษาพยาบาล

เสื้อแดงทุกกลุ่มไม่ใช่ว่าจะก้าวหน้า บางกลุ่มเช่นพวกที่อ้างว่า “รักเชียงใหม่” ทำตัวเหมือนอันธพาลเผด็จการ ไม่ต่างจากสลิ่ม ต่อต้านคนรักเพศเดียวกัน และต่อต้านคนจนที่มาประท้วง กลุ่มอื่นก็ต่อต้านชาวมาเลย์มุสลิมที่ถูกกดขี่ในภาคใต้ พวกนี้ไม่ใช่นักประชาธิปไตย และในอนาคตเขาอาจกลับลำเป็นอันธพาลเสื้อเหลืองได้ง่าย

เสื้อแดงก้าวหน้าที่อยากเห็นสังคมไทยพัฒนามากขึ้นในเรื่องความยุติธรรม ความเท่าเทียม และเสรีภาพ ต้องรวมตัวกันดีกว่านี้ ต้องมีองค์กรร่วมกัน ต้องกล้าเสนอแนวทางที่อิสระจากพรรคเพื่อไทย และ นปช. เพื่อไม่ให้วันครบรอบสังหารหมู่เสื้อแดงเวียนมาอีกเรื่อยๆ โดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
 
(ที่มา)
http://redthaisocialist.com/2011-01-20-12-41-04/414-2013-05-18-10-07-58.html

พรบ นิรโทษกรรม

พรบ นิรโทษกรรม






(คลิกฟัง)
https://www.youtube.com/watch?v=lhWXIKSOXIw&list=UUskBN8tiGAZQK4XS5EK-wuQ&index=1

พ.ร.บ.ปรองดอง กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

พ.ร.บ.ปรองดอง กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

 

 
 
โดย อ.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ 
 
ในระยะสองเดือนมานี้ พรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการรุกทางการเมืองในขอบเขตจำกัด ด้วยการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา มุ่งเฉพาะ “ลดเขี้ยวเล็บ” ของพวกเผด็จการที่ใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 พร้อมทั้งผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่จะคืนความเป็นธรรมให้กับเฉพาะประชาชนและนักโทษการเมืองที่เข้าร่วมการ ต่อสู้ตลอดกว่าหกปีมานี้ โดยยังไม่รวมแกนนำและนักการเมืองของทั้งสองฝ่าย และไม่รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนในการปราบปรามประชาชนเมื่อเมษายน 2552 และสังหารหมู่ประชาชนเมื่อเมษายน-พฤษภาคม 2553

ปาฐกถาพิเศษของนายกรัฐมนตรีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ณ การประชุมประชาคมประชาธิปไตย ที่กรุงอูลานบาตอร์ ประเทศมองโกเลีย เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงจังหวะก้าวทางการเมืองครั้งสำคัญที่สุดนับ ตั้งแต่ชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554

กว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา รัฐบาลและแกนนำพรรคเพื่อไทยได้แสดงท่าทีประนีประนอม กระทำทุกอย่างเพื่อ “ขอหย่าศึก” กับฝ่ายเผด็จการแฝงเร้น แนวทางดังกล่าวอาจเป็นสิ่งจำเป็นทางการเมืองในระยะแรกเนื่องจากเป็นเวลาที่ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ ยังไม่สามารถยึดกุมอำนาจการบริหารของประเทศได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งป้อมค่ายของฝ่ายเผด็จการที่ยังเข้มแข็งและพร้อมที่จะรุมขย้ำรัฐบาล ใหม่เมื่อใดก็ได้

ความพยายามของแกนนำพรรคเพื่อไทยที่จะ “เกี้ยเซี้ย” กับฝ่ายเผด็จการมาถึงจุดสำคัญในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน 2555 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร “ประกาศสละเรือ” จากนั้น พรรคเพื่อไทยก็เร่งเสนอพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติเข้าสู่สภา โดยมีเนื้อหา “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง” ให้กับทุกคนทุกฝ่ายโดยไม่แยกแยะ พรรคเพื่อไทยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากประชาชนผู้รักประชาธิปไตยในเวลานั้นก็ เพราะแกนนำพรรคเพื่อไทยกำลังเพ้อฝันไปว่า ฝ่ายเผด็จการแฝงเร้นได้ “เปิดไฟเขียว” ยอมประนีประนอมด้วยแล้ว