หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย วอนรัฐบาลช่วยประกันนักโทษการเมือง 112

วันนี้เวลา 10.00 น. กลุ่มคนงาน 30 คน จากองค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย (อรป.) ได้รวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อติดตามทวงถามความคืบหน้าการได้รับ สิทธิในการประกันตัว กรณี สมยศ พฤกษาเกษมสุข และผู้ถูกกล่าวหาคนอื่น ๆ

ทั้งนี้องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย ได้เคยยื่นหนังสือถึงรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 เพื่อให้รัฐบาลคืนความยุติธรรมแก่ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และผู้ถูกกล่าวหาคนอื่น ๆ ที่ถูกจับกุมคุมขังอยู่ในเรือนจำในขณะนี้ ด้วยข้อกล่าวหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยกรณีสมยศ ก่อนหน้านี้ได้ขอยื่นประกันตัวต่อศาลแล้ว 4 ครั้ง แต่ศาลยังคงยืนการไม่ให้ประกันตัว เขายังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมานานกว่า 3 เดือนแล้ว องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตยจึงได้มีหนังสือทวงถามความคืบหน้าต่อรัฐบาล อีกครั้ง และยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ที่ได้มาจากการเลือกตั้งได้ให้ความยุติธรรม แก่ผู้ถูกกล่าวหาเหล่านั้นได้รับสิทธิในการประกันตัวเพื่อออกมาพิสูจน์ข้อ เท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

นอกจากทวงถามความคืบหน้าการได้รับสิทธิในการประกันตัวของผู้ถูกกล่าวหา แล้ว อรป.ยังเรียกร้องต่อรัฐบาลใหม่ให้ปฏิบัติตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้โดยทันที คือประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท และ 15,000 บาท สำหรับผู้จบปริญญาตรี, เร่งแก้ปัญหาความยากจนของประชาชน, ควบคุมราคาสินค้า, เร่งดำเนินการให้เกิดความยุติธรรมต่อต่อผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกคุมขังอยู่ใน เรือนจำให้ได้รับสิทธิในการประกันตัว และเร่งปฏิรูปประมวลกฎหมายอาญาในมาตรา 112

ต่อมาเวลา 11.00 น. กลุ่มองค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางไปชุมนุมหน้าองค์การสหประชาชาติ (UN) เพื่อเรียกร้องให้ เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ออกมาแสดงท่าทีต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลไทย และก่อนจะแยกย้ายกันกลับในเวลา 12.20 น. กลุ่มคนงานได้ส่งเสียงตะโกนพร้อมกันว่า,, “ปล่อยตัวสมยศ และนักโทษการเมืองทุกคน, “Free All Political Prisoners” “Cancel Article 112 ”, “Free SOMYOT From Lese Majesties Law”

องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย วอนรัฐบาลช่วยประกันนักโทษการเมือง 112
องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย วอนรัฐบาลช่วยประกันนักโทษการเมือง 112
องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย วอนรัฐบาลช่วยประกันนักโทษการเมือง 112
องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย วอนรัฐบาลช่วยประกันนักโทษการเมือง 112
องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย วอนรัฐบาลช่วยประกันนักโทษการเมือง 112
องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย วอนรัฐบาลช่วยประกันนักโทษการเมือง 112
องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย วอนรัฐบาลช่วยประกันนักโทษการเมือง 112
องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย วอนรัฐบาลช่วยประกันนักโทษการเมือง 112
ที่ อรป. 005/2554

22 สิงหาคม 2554


เรื่อง         ขอทราบความคืบหน้า การปล่อยตัวสมยศ พฤกษาเกษมสุข และผู้ถูกกล่าวหาคนอื่น ๆ ให้ได้รับสิทธิประกันตัวเพื่อสู้คดีอย่างเป็นธรรม
เรียน        ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
สิ่งที่ส่งมาด้วย         สำเนาจดหมายที่ อรป. 001/2554
                                     หนังสือรับเลขที่ 0452


องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย (อรป.) ใคร่ขอแสดงความยินดีมายัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นและได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก รัฐมนตรี ที่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยต้องจารึกไว้ คือนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย นายกรัฐมนตรีที่ทั่วโลกให้ความสนใจและยังเป็นความหวังของประชาชนชาวไทยในการ คลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ที่สะสมมาช้านาน

ที่ผ่านมาองค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย (อรป.) ได้เคยยื่นหนังสือมายัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ในสมัยนั้น) ตามเอกสาร ที่ อรป. 001/2554 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และผู้ถูกกล่าวหาคนอื่น ๆ ที่ถูกจับกุมตัวจากความขัดแย้งทางการเมือง ให้ได้รับสิทธิในการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม เป็นเวลานานกว่าแปดสิบวันแล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการปล่อยตัว หรือให้สิทธิในการประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาเหล่านั้นแต่อย่างใด

ดังนั้นองค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย จึงขอเรียกร้องมายัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรดังนี้
  1. ได้โปรดเร่งดำเนินการให้เกิดความยุติธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหาที่จับกุมคุม ขังอยู่ในเรือนจำ กรณีสมยศ พฤกษาเกษมสุข และคนอื่น ๆ ได้รับสิทธิในการประกันตัว เพื่อต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
  2. ปฏิรูปประมวลกฎหมายอาญาในมาตรา 112 ให้เกิดความความยุติธรรมต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ เนื่องจากที่ผ่าน ๆ มา กฎหมายในมาตราดังกล่าว ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายผ่านตรงข้าม
  3. เร่งดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้โดยทันที โดยการประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาท และเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท รวมทั้งเร่งแก้ปัญหาความยากจนของประชาชน และควบคุมราคาสินค้าเพื่อไม่ให้ประชาชนโดยรวมได้รับความเดือดร้อน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการโดยเร่งด่วน และขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้

ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
(นายพรมมา ภูมิพันธ์)
องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย
Libya revolution
จุดจบ "กัดดาฟี่" แห่งประเทศลิเบีย

ดีใจกับประเทศลิเบีย ที่ประชาชน ยึดกรุงทิโปลีได้
จับกุมลูกชาย 3 คนของกัดดาฟีได้
ส่วนกัดดาฟีรออีกนิด.......


รูปภาพ

:love: ประชาชนออกมาฉลองอิสรภาพจากการครอบงำของเผด็จการ :love:
รูปภาพ

 
รูปภาพ

  จับตัวได้นะแบบนี้เลย

รูปภาพ

ความสำคัญของการปฏิวัติในตะวันออกกลาง

โดย กองบรรณาธิการ เลี้ยวซ้าย

การ ปฏิวัติที่กำลังลามไปทั่วตะวันออกกลางมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์พอๆ กับการปฏิวัติในยุโรปตะวันออกในปี ค.ศ. 1989 ที่นำไปสู่การล่มสลายของเผด็จการคอมมิวนิสต์สตาลิน ครั้งนั้นการปฏิวัติเริ่มต้นด้วยการชุมนุมใหญ่และการนัดหยุดงานในประเทศ โปแลนด์ ภายในไม่กี่วันมีการลามไปสู่ฮังการี่ เยอรมันตะวันออก บัลแกเรีย เชคโกสโลวาเกีย โรเมเนีย และจีน

นอก จากปี 1989 จะเป็นปีแห่งการปฏิวัติล้มเผด็จการคอมมิวนิสต์สตาลิน เพื่อสร้างประชาธิปไตยแล้ว ผลของการปฏิวัติดังกล่าวกระจายไปสู่ดุลอำนาจของจักรวรรดินิยมทั่วโลก และกระแสลัทธิทางการเมือง เพราะหลังการปฏิวัตินี้จักรวรรดินิยมสองขั้ว สหรัฐกับรัสเซีย แปรไปสู่จักรวรรดินิยมขั้วเดียวคือขั้วสหรัฐ ในด้านลัทธิการเมืองการปฏิวัติในยุโรปตะวันออกนำไปสู่การหมดกำลังใจของฝ่าย ซ้าย เพราะกระแสคิดหลักทั้งซ้ายและขวามองว่าเผด็จการคอมมิวนิสต์สตาลิน เป็นสิ่งเดียวกับแนวมาร์คซิสต์สังคมนิยม ซึ่งมันไม่ใช่ ดังนั้นการปฏิวัติยุคนั้นนำไปสู่การล่มสลายของพรรคคอมมิวนิสต์สายสตาลินทั่ว โลกรวมถึงประเทศไทย

การ ปฏิวัติในยุโรปตะวันออก นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความคิดกระแสหลักในเรื่องเศรษฐศาสตร์การเมืองด้วย เพราะมันเป็นสิ่งที่ตอกย้ำความเชื่อว่า รัฐจัดการเศรษฐกิจและสวัสดิการไม่ได้และ เราไม่มีทางเลือกนอกจากจะยอมรับกลไกตลาดเสรีและระบบ มือใครยาวสาวได้สาวเอาความ เชื่อนี้ครอบงำสังคมโลกจนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในระบบตลาดเสรีของโลกในปี ค.ศ. 2008 แม้แต่ในประเทศจีน ที่รัฐบาลเผด็จการสตาลิน-เหมา สามารถเข่นฆ่าประชาชนผู้รักประชาธิปไตยจนต้องยอมจำนนที่จตุรัสเทียนอันเหมิ นในปี 1989 ก็มีการเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจจาก ทุนนิยมโดยรัฐไปสู่ ทุนนิยมตลาดเสรีในเวียดนามกับลาวก็มีการเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจเช่นกัน


การ ปฏิวัติในตะวันออกกลางต้นปีนี้มีความสำคัญพอๆ กับการปฏิวัติในยุโรปตะวันออก เพราะเป็นตัวอย่างสำคัญของความสามารถของพลังมวลชนและการนัดหยุดงานที่นำไป สู่การโค่นเผด็จการ


นอก จากนี้ตะวันออกกลางเป็นแหล่งน้ำมันที่สำคัญของโลกอุตสาหกรรม และเป็นจุดที่มีการเบ่งอิทธิพลของจักรวรรดินิยมตะวันตก ทั้งโดยตรงและผ่านสมุนในประเทศอิสราเอล ดังนั้นเมื่อมีการล้มรัฐบาลเผด็จการที่เคยตามก้นและสนับสนุนจักรวรรดินิยม ตะวันตก จะมีผลสำคัญต่อดุลอำนาจในตะวันออกกลางและความสามารถของประชาชนตะวันออกกลาง ที่จะกำหนดอนาคตของตนเอง

แม้แต่ในด้านลัทธิความคิด การปฏิวัติในตะวันออกกลางก็มีผล เพราะการปฏิวัติดังกล่าวริเริ่มโดยกลุ่ม แกนนอนที่ ประกอบไปด้วยนักปฏิวัติสังคมนิยม นักปฏิวัติชาตินิยมที่ไม่เชื่อในศาสนา และนักปฏิวัติมุสลิม นอกจากนี้สหภาพแรงงานมีส่วนร่วมสำคัญ คนงานเหล่านี้มองว่าการปฏิวัติที่สร้างประชาธิปไตยต้องสร้างความเป็นธรรมทาง เศรษฐกิจด้วย โดยที่ต้องให้รัฐเข้ามาจัดการความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจแทนที่จะปล่อยให้คนตก งานและอภิสิทธิ์ชนกอบโกย ผ่านระบบกลไกตลาดเสรี และที่เห็นชัดคือพรรคฝ่ายค้านเก่า เช่นพรรคพี่น้องมุสลิม ไม่กล้าออกมานำการปฏิวัติอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นกรอบเก่าที่เคยมองว่าฝ่ายซ้ายหมดยุค และมองว่าผู้ปลดแอกประชาชนคือขบวนการมุสลิมกำลังเปลี่ยนแปลง แต่เราไม่สามารถทำนายได้ว่าจะจบอย่างไร


การ ปฏิวัติในตะวันออกกลางถูกริเริ่มโดยนักเคลื่อนไหวที่มีจิตสำนึกชัดเจนทางการ เมือง ในประเทศไทยถ้าเราจะได้ประโยชน์จากบทเรียนและกำลังใจที่ชาวตะวันออกกลางให้ กับชาวโลก เราต้องเคลื่อนไหวในขบวนการเสื้อแดงด้วยจิตสำนึกทางการเมืองที่ชัดเจนด้วย


ความ คิดและบทเรียนจากการปฏิวัติในตะวันออกกลางจะไม่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติในสมอง ของคนเสื้อแดงทุกคน เพราะมันมีหลายกระแสความคิดที่แข่งแนวกัน เราจะต้องปฏิเสธแนวคิดของคนที่จมอยู่ในความคิดคลั่งชาติว่า ไทยเป็นกรณีพิเศษและเราไม่ต้องไปสนใจสถานการณ์สากลหรือแนวความคิดของคนที่อยากเล่นละครการปฏิวัติโดยพูด เอามันแต่ ไม่ยอมเคลื่อนไหวกับมวลชน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน พวกนี้ไม่มีข้อเสนอในการต่อสู้ที่เป็นรูปธรรมเลย เราจะต้องไม่ลืมว่ามวลชนตะวันออกกลางเผชิญหน้ากับความรุนแรงและความป่า เถื่อนสุดขั้วของเผด็จการ แต่เขาชนะได้ด้วยการต่อสู้โต้ตอบความรุนแรงดังกล่าวโดยเน้นมวลชนและพลังการ นัดหยุดงาน

ปัญหาที่ลิเบีย


ปัญหา การปฏิวัติที่ลิเบียเป็นบทเรียนในมุมกลับ เพราะดูเหมือนฝ่ายกบฏต่อเผด็จการ ไม่สามารถปลุกกระแสการนัดหยุดงานของกรรมาชีพได้ และไม่สามารถใช้พลังมวลชนในเมืองหลวงได้ การต่อสู้เลยวิวัฒนาการไปเป็นสงครามกลางเมืองระหว่างผู้ติดอาวุธสองฝ่าย ตอนนี้จักรวรรดินิยมก็เข้ามาแทรกแซงทางทหารผ่านสหประชาชาติ แต่การแทรกแซงดังกล่าวจะไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนลิเบียหรือประชาชนในตะวัน ออกกลางเลย เพราะจักรวรรดินิยมตะวันตกเน้นผลประโยชน์เรื่องน้ำมันเป็นหลัก ไม่สนใจประชาธิปไตยหรือความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ ในอดีตก็พร้อมจะจับมือกับทรราชต่างๆ และขายอาวุธให้ด้วยซ้ำ นี่คือบทเรียนสำคัญอีกบทหนึ่งสำหรับคนเสื้อแดงที่คิดว่าเราต้องจับอาวุธสู้ กับอำมาตย์แทนการระดมมวลชนและการนัดหยุดงาน

จุดร่วมกับไทย


ไทย มีจุดร่วมกับอียิปต์ ตูนีเซีย และประเทศอื่นในตะวันออกกลาง เพราะในรอบ 30-40 ปีที่ผ่านมา สังคมเบื้องล่างเปลี่ยนแปลงพัฒนาอย่างรวดเร็ว ประชาชนในเมืองมีมากขึ้น มีการศึกษามากขึ้น ประชาชนในชนบทก็น้อยลง ประชาชนตื่นตัว เปิดหูเปิดตา ไม่พอใจที่จะอยู่แบบเดิม แต่ในขณะเดียวกัน ชนชั้นปกครองและโครงสร้างอำนาจเบื้องบนไม่ได้เปลี่ยนไป เกิดความขัดแย้งระหว่างสังคมเบื้องล่างกับโครงสร้างส่วนบน พอมีอะไรมาจุดประกายก็ระเบิดขึ้น ในไทยสิ่งที่กระตุ้นความขัดแย้งคือการ "คิดใหม่ทำใหม่" ของไทยรักไทยหลังวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง และการทำรัฐประหาร ๑๙ กันยา ส่วนในตะวันออกกลางสิ่งที่กระตุ้นการลุกฮือคือวิกฤตเศรษฐกิจโลก และปัญหาการตกงาน

รูปภาพ
เครือข่ายแดงนานาชาติ( Thai Red International )ออกจดหมายเปิดผนึกถึงพรรคเพื่อไทย, รัฐบาลไทย และ นายกรัฐมนตรี สนับสนุนการทำงานของรัฐบาลในโอกาสจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และกระตุ้นให้มีการปฏิรูปอย่างทั่วด้านทั้งหลักนิติรัฐ นิติธรรม การสะสางกรณีสังหารหมู่ผู้เรียกร้องประชาธิปไตย กติการัฐธรรมนูญ ระบบยุติธรรมและศาล กองทัพ ยกเลิกองคมนตรี มิให้สถาบันกษัตริย์ถูกนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ทางเศรษฐกิจและสังคม
 
ดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ในฐานะประชาชนไทยผู้สนับสนุนประชาธิปไตยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ขอส่งจดหมายเปิดผนึกมายังท่าน เพื่อการต้อนรับและแสดงความยินดีต่อพรรคเพื่อไทย คณะรัฐบาลชุดใหม่แ ละคุณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่ได้รับฉันทานุมัติจากมติร่วมของประชาชนอย่างท่วมท้น รวมทั้งการแสดงความยอมรับอย่างกว้างขวางในสังคมโลก ซึ่งเป็นประจักษ์พยานร่วมรับรู้ให้ขึ้นมาบริหารประเทศ


อนึ่ง เพื่อเป็นการประกาศจุดยืนของคนไทยที่เคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในต่าง ประเทศ (ตามรายชื่อท้ายจดหมาย) ที่พร้อมยืนยันให้การสนับสนุนและร่วมต่อสู้กับพรรคการเมือง ซึ่งยืนหยัดในหลักการประชาธิปไตย และยึดมันอย่างแท้จริงต่อผลประโยชน์ของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ โอกาสนี้ เครือข่ายแดงนานาชาติ( Thai Red International ) จึงใคร่ขอเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นวัตถุประสงค์และความต้องการ ของประชาชนชาวไทย ต่อพรรคเพื่อไทย คณะรัฐบาล และคุณ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ ที่จะนำไปสู่การแก้วิกฤตและเกิดความปรองดองโดยแท้จริง


1. จากสาเหตุปัญหาทางการเมืองที่ผ่านมา ( 2548 ก่อนการรัฐประหาร - ปัจจุบัน )
ได้มีการกล่าวหา กล่าวโทษ สร้างข้อมูลเท็จ จับกุมคุมขังบุคคลด้วยกฏหมายที่ไม่เป็นธรรม สร้างการละเมิด การริดรอนสิทธิเสรีภาพและหลักสิทธิมนุษยชนที่ขัดต่อกฎหมายและต่อสนธิสัญญา ระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก

เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม รัฐบาลต้องดำเนินการโดยทันทีคือ


1.1 ต้องไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อการใช้กฎหมายหรือพระราชกำหนดให้เกิดการนิรโทษกรรมทุกคดีความ


1.2 คดีความทุกคดีที่ฟ้องร้องและยังไม่สิ้นสุด จะต้องดำเนินการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรมจนกว่าจะสิ้นสุด ซึ่งผู้เกี่ยวข้องในคดีทั้งหมดต้องได้รับสิทธิการปล่อยตัวหรือการประกันตัว เพื่อต่อสู้คดีในศาล


2. จากเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชน 91 ศพ ( 10 เมษายน - 19 พฤษภาคม 2553 )
ซึ่งยังไม่มีการพิจารณาหาข้อเท็จจริงเพื่อประกาศให้สังคมรับรู้ และ/หรือนำเอาคนผิดมาลงโทษ

เพื่อการดำเนินการให้เกิดการรับผิดชอบ รัฐบาลต้องดำเนินการโดยทันทีคือ


2.1 ต้องลงสัตยาบันในสนธิสัญญาเพื่อเปิดทางให้ศาลอาญาระหว่างประเทศมีสิทธิในการพิจารณาคดี


2.2 ต้องไม่ดำเนินการใดๆเพื่อให้เกิดการหยุดยั้งในการหาคนผิดมาลงโทษ หรือใช้กฎหมายและ/หรือพระ

ราชกำหนดเพื่อนิรโทษกรรมยกเว้นความผิด

2.3 เนื่องจากขบวนการยุติธรรมที่ผ่านมาไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน เพื่อหลีกเลี่ยงการขัดแย้งและ

การไม่ยอบรับในขบวนการการตัดสินจากทุกฝ่าย จะต้องไม่ดำเนินการโดยใช้กระบวนการยุติธรรมในประเทศ เป็นผู้พิจารณาคดี

3. รัฐบาลต้องดำเนินการให้มีขบวนการสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ประชาชนยอมรับและมีส่วนร่วม
ทั้งนี้ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อประกาศใช้ภายใน 365 วัน

3.1 ระหว่างการดำเนินการ ให้ประกาศระงับการใช้รัฐธรรมนูญที่มาจากการรัฐประหารฉบับปี 2550 และนำ

รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 มาใช้แทนชั่วคราวจนกว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีผลใช้บังคับ

3.2 การระงับการใช้รัฐธรรมนูญรัฐประหารฉบับปี 2550 ย่อมมีผลให้องค์กรอิสระ องค์กรอื่นและหน่วยงาน

ของรัฐที่เกิดขึ้นโดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนี้ ต้องสิ้นสุดลงโดยทันที

3.3 รัฐธรรมนูณฉบับใหม่ อย่างน้อยจะต้องให้มีการแก้ไขหรือบัญญัติข้อกำหนดคือ


3.3.1 การเปลี่ยนแปลง ล้มล้างอำนาจรัฐที่ไม่เป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยกำหนด หรือการล้มล้าง

รัฐธรรมนูญ คือความผิดที่ไม่มีอายุความสำหรับการฟ้องร้องกล่าวโทษ และต้องไม่มีอำนาจอื่นใด
สามารถยกเว้นหรือล้มล้างความผิด

3.3.2 ต้องมีบทบัญญัติที่มิให้สถาบันกษัตริย์ถูกนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ทาง

เศรษฐกิจและสังคม

3.3.3 ยกเลิกกฎหมายหมิ่น ม.112


3.3.4 ยกเลิกหมวดองคมนตรีในมาตราที่เกี่ยวกับอำนาจและการดำรงสิทธิในการเป็นผู้สำเร็จราชการ

แทนพระมหกษัตริย์
4. ปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ โดยตุลาการและศาลต้องมาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน และนำระบบลูกขุนมาใช้เพื่อการพิจารณาคดี

5. ปฎิรูปกองทัพ
ให้เป็นองค์กรของประชาชนและใช้ปกป้องประเทศ

เครือข่ายแดงนานาชาติ ( Thai Red International ) ตระหนักดีว่า ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบในทุกด้านของรัฐบาลที่จะต้องแก้ไขในการขึ้น มาบริหารประเทศครั้งนี้ เป็นภาระที่ต้องใช้ขบวนการทางวิสัยทัศน์อย่างกว้างไกล รวมทั้งยังต้องฟันฝ่าอุปสรรคการต่อต้าน ขัดขวางจากอำนาจเก่า


ฉะนั้น การนำพาประเทศให้พ้นวิกฤตและสร้างประชาธิปไตยเพื่อตอบสนองความต้องการแท้ จริงของประชาชน จึงไม่สามารถนำไปสู่ความสำเร็จโดยง่ายด้วยการไม่กล้าเผชิญกับปัญหาและทำความ จริงให้ปรากฎ
การมุ่งแก้เศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว โดยไม่นำเอาหลักนิติรัฐ นิติธรรม แก้ไขโครงสร้างการบริหาร การปกครองและการตุลาการควบคู่พร้อมกันไป คงไม่สามารถนำประชาธิปไตยมาสู่ประชาชนได้เช่นกัน

ดังนั้น ข้อเสนอตามที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด จึงเป็นทางออกของวิกฤตที่แท้จริง ซึ่งหวังว่าพรรคเพื่อไทย คณะรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี จะเห็นด้วยและนำไปพิจารณาถึงแนวทางเพื่อการปฎิบัติ


สุดท้ายนี้ เครืข่าย Thai Red International ขอเป็นกำลังใจและแรงสนับสนุน ให้พรรคเพื่อไทย คณะรัฐบาล ท่านนายก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำเนินการบริหารประเทศไปสู่ความสำเร็จตามที่ประชาชนมุ่งหวัง


ด้วยจิตคารวะและศรัทธา


แดงนานาชาติ (THAI RED INTERNATIONAL)

21 สิงหาคม 2554

Thai Red Australia

Thai Red USA
Thai Red Japan
Thai Red in Japan Thai Red Taiwan


ไฟต์บังคับ!รัฐบาล เร่งเครื่อง ทำตามคำสัญญา
http://www.thairath.co.th/content/pol/195734


เครื่องร้อนเกินเหตุ ?
ท่ามกลางกระแสข่าวลือบินโผล่ที่นั่น แวบมาโผล่ที่นี่ เอาเป็นว่า เช็กข่าวจากวงการบันเทิง
แว่วๆว่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
บินมาปักหลักที่ดินแดน “มาเก๊า” เพื่อฉลองกับแกนนำใกล้ชิดและลูกข่ายพรรคเพื่อไทยที่บินไปร่วมวงเฮฮาปาร์ตี้

สั่งดารา นักร้องค่ายดังจากเมืองไทยไปบรรเลงขับกล่อมกันครึกครื้น

ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ตรงตามที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ บอกใบ้เป็นนัย
“นายใหญ่” กำลังพำนักอยู่ในเขตสาธารณรัฐประชาชนจีน

เรื่องของเรื่อง ยิ่งรู้ว่ามีคนจ้องติดตาม “ทักษิณ” ก็ได้ทียั่วให้ฝ่ายไล่ล่าหัวปั่นตามสถานการณ์กระตุ้น
“ยุทธการแค้นฝังหุ่น” ในเมืองไทย ให้ยิ่งเพิ่มอุณหภูมิร้อนแรง ระหว่างฝ่ายแดง
ค่ายเพื่อไทย กับฝ่ายน้ำเงิน ค่ายประชาธิปัตย์ กำลังเปิดหน้าแลกหมัด
ซัดกันแบบใครดีใครอยู่

โดยการตีธงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้าน สั่งเล่นงานนายสุรพงษ์
โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ โยงไปกระทบชิ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี แรงถึงขั้นแจ้งความดำเนินคดีอาญากับนายสุรพงษ์ พ่วงยื่นถอดถอน
ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จากคิวล็อบบี้ช่วยอดีตนายกฯทักษิณ ได้วีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น

เปิดปฏิบัติการเจาะยาง “มือใหม่หัดขับ” ตั้งแต่ “ยิ่งลักษณ์” ยังไม่ได้ออกวิ่ง

แต่ก็ไม่ยอมนิ่งเป็น “บ่อน้ำมัน” รับสภาพตำบลกระสุนตกอย่างเดียวเหมือนกัน
ตามเกมตอบโต้ทันควัน นายสุรพงษ์และทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เดินหมากสวนหมัดด้วยการแจ้งความกลับ
ดำเนินคดีพรรคประชาธิปัตย์ โทษฐานแจ้งความเท็จ ป้ายสีนายกฯยิ่งลักษณ์

แก้เผ็ดให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามเกม “หนามยอกเอาหนามบ่ง”

แถมพ่วงด้วยยุทธการ “น้ำลดตอผุด” สัญญาณจากพรรคเพื่อไทย เตรียมรื้อโครงการกลิ่นตุๆในสมัยอดีตรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
โดยเฉพาะคิว “เทกระจาด” ในการประชุม ครม.นัดสั่งลาครั้งสุดท้าย ที่ลากยาวกันแบบมาราธอนข้ามคืน
ปล่อยตัวเลขกันเป็นหลักหมื่นล้าน

แลกกันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน

ประชาธิปัตย์ “จัดหนัก” เพื่อไทยก็ “จัดเต็ม” ในอารมณ์ติดพันโยงไปรอถล่มกันในคิวแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา
โดยจังหวะโหมโรงเหมือนจะเอาให้ตายกันไปข้าง

ฝั่งพรรคประชาธิปัตย์จัดทีมเชือดกว่า 60 คน เข้าคิวลับฝีปากรอถล่ม “ยิ่งลักษณ์”
ขณะที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยก็มอบธงให้ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ
จัดทีม “คอมมานโด” กว่าครึ่งร้อย คอยเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี ตีฝีปากโต้กับฝ่ายค้าน
พร้อมปะทะกันแบบช็อตต่อช็อต

ฉากเร้า บรรยากาศร้อน ราวกับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งๆที่คิวแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นแค่รายการ
“รูทีน” ก่อนที่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ 1” จะเข้าบริหารงาน ไม่ได้มีการโหวตเดิมพันอยู่หรือไปแต่อย่างใด

ทั้งหมดทั้งปวง มันก็แค่อารมณ์แค้นติดพัน

จริงอยู่ที่ว่า ชนวนเริ่มมาจากอาการ “ไฮเปอร์” ของอดีตนายกฯทักษิณ ที่ “เชิญแขก”
เรียกงานเข้าให้น้องสาวอย่างนายกฯยิ่งลักษณ์ ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มบวงสรวงพระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า
ยังไม่ได้เข้าไปนั่งเก้าอี้ในห้องทำงานทำเนียบรัฐบาล

แต่อีกมุมหนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์ก็ออกอาการเครื่องร้อนเร็วผิดปกติ ไม่ต้องเสียเวลาวอร์ม
ไม่ต้องอุ่นเครื่องก็เหยียบคันเร่งห้อตะบึงใส่กันเลย

ทั้งๆที่คิว “ล่อเป้า” ก็มีมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงรัฐบาลประชา-ธิปัตย์
อดีตนายกฯทักษิณก็บินโฉบไปประเทศนั้นประเทศนี้ โดยที่นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ
เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เกม “Catch Me If You Can” กลายเป็นตัวตลกในเวทีโลกตัวเองยังบ้อท่าแล้วมาไล่บี้อีกฝ่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่
มันจึงไม่มีอะไรแตกต่าง

ที่แน่ๆอาการเร่งเครื่องแรง ประชาธิปัตย์ “จัดหนัก” รับ “ยิ่งลักษณ์” ตั้งแต่ยังไม่ทันแถลงนโยบาย
ในอารมณ์ของคนกลางๆที่ยังอยากเห็นสปิริตการเมือง ให้โอกาสรัฐบาลโชว์ฟอร์มบริหาร
ปั่นผลงาน

เบื่อเกมการเมืองที่เอาแต่ด่า กัด จิก ตี เซ็งพวกไม่มีพัฒนาการใหม่ๆ

ตามรูปการณ์ก็อย่างที่จับอารมณ์สังคมผ่านโพลต่างๆประเมินกระแสภาพรวม แม้จะมีเสียงตำหนิ
“ทักษิณ” แต่คะแนนเห็นใจก็ยังไหลไปที่ “ยิ่งลักษณ์”
ไม่ยักมีเสียงชื่นชมฟอร์มเก๋าๆของคนยี่ห้อประชาธิปัตย์.

ทีมข่าวการเมือง รายงาน