หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ข้อเสนอเสริมความเห็นของกลุ่มนิติราษฎร์
 ผมได้ยินกลุ่มอาจารย์นิติราษฎร์แล้ว ยินดีอย่างยิ่ง
แม้จะเป็นเรื่องที่ก็รู้ๆ กันอยู่ตามธรรมดา แต่ก่อนนี้ไม่มีใครกล้าพูด
ถึงพูดก็เสียงไม่ดัง เพราะเวลายังไม่ถึงกาลอันควร
มีพวกออกมาต่อต้านก็เยอะ ทั้งพวกสมุนอำมาตย์โดยตรง และพวกที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ
ผมเห็นปัญหาอย่างหนึ่งที่พวกไม่ค่อยเข้าใจเขาโต้เถียง
เพราะพวกเขายึดติดกับความหมายของคำว่า "กฎหมาย" ที่ฝังอยู่ในหัวเพราะเรียนมาอย่างนั้น
พวก เขาเข้าใจความหมายของคำว่า กฎหมาย ว่า คือ "คำสั่ง คำบัญชา คำบังคับ ของรัฐฐาธิปัตย์ที่ออกมาเพื่อบังคับคนในสังคม และทุกคนต้องปฏิบัติตาม หากฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษ" อะไรทำนองนี้ ซึ่งผมคิดว่าไม่ถูกต้อง แต่คนเหล่านี้ยังไม่รู้
ผมขอเสนอแนะว่า เราต้องกระจายความเข้าใจเรื่องความหมายของกฎหมายให้กับประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา นักกฎหมาย ได้เข้าใจว่า
กฎหมาย ไม่ใช่คำสั่ง คำบัญชาฯ อะไรเทือกนั้น
แต่กฎหมาย คือ "เจตจำนงร่วมกันของคนในสังคม" ต่างหาก
เพราะมันโยงถึงอำนาจของประชาชน ความต้องการของประชาชน ไม่ใช่คำสั่งจากใครที่ไหนก็ไม่รู้
ถ้าเราทำให้ประชาชนเข้าใจถึงเจตจำนงของประชาชนในสังคมได้ ทุกคนจะเข้าใจได้ทันทีว่า กฎหมาย ที่ถูกต้องคืออะไร
เมื่อนั้นข้อเสนอของนิติราษฎร์จะไม่ได้รับการต่อต้านจากพวกที่ยังไม่รู้ หรือพวกที่เป็นกลางๆ ที่ยังหาจุดยืนไม่เจอ

ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ
แสงสีทอง บังเกิด บรรเจิดจ้า
ในเวลา จำเพาะ อย่างเหมาะสม
“นิติราษฎร์” กล่าวจุดยืน น่าชื่นชม
ขุดโค่นล้ม อธรรม หนามตำใจ

ความถูกต้อง ต้องเป็นหลัก อย่างศักดิ์สิทธิ์
กฎลิขิต ต้องยึดมั่น ไม่หวั่นไหว
ไม่ลูบหน้า ปะจมูก ใครลูกใคร
ตัวชักใย ขจัดออก นอกเส้นทาง

ก่อกำแพง กั้นสกัด รัฐประหาร
พลิกเปลี่ยนด้าน ที่มืดอยู่ สู่สว่าง
นักกฎหมาย เปิดความเห็น ที่เป็นกลาง
พร้อมเปิดกว้าง สู่มหา ประชาชน

ไม่ได้ทำ เพื่อใคร ดังใครคิด
ทำด้วยจิต เอกอุ เป็นกุศล
เพื่อศักดิ์ศรี ในนิยาม ความเป็นคน
เพื่อหลุดพ้น การกลั่นแกล้ง ที่แรงเกิน

หลักวิชา ปักหมุด เป็นจุดหมาย
อธิบาย ทุกเรื่องราว ที่กล่าวเกริ่น
โปรดเปิดใจ ดำริ ตริตรองเทอญ
และขอเชิญ ตั้งจิต พิจารณา

ความเป็นธรรม ดำรงสุข ทุกชีวิต
ส่งเสริมสิทธิ์ เท่าเทียมพร้อม ทุกหย่อมหญ้า
สงบสุข ราบรื่น ต้องคืนมา
สู่ประชา ชาวไทย ในเร็ววัน

เอาให้มั่นคั้น ให้ตาย
ผมมั่นใจนิติราชฏร์ทำใด้ ผมสนับสนุนท่านครับ
นักวิชาการตัวจริง ความคิดอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง
ผมสุขใจที่พวกท่านมีจุดยืนของประชาธิปไตย
ใด้เวลารุกขึ้นสู้ขั้นแตกหักทางวิชาการ
นี่แหละเขาเรียกว่า " ทองแท้ไม่แพ้ไฟ "
ปฏิบัติการเชิงรุกทาง วิชาการเริ่มตีกองศึกประชาธิปไตยดังขึ้นแล้ว
พวกเราพร้อมมั้ยที่จะออกรบกับนิติราชฏร์


:clap: :clap: :clap: :clap: เยียมๆๆๆๆๆๆๆ

:no112: :sniper: :no112: :sniper: เอาให้จอดให้ได้
:spy: :sniper: :police: :sniper: เอาพวกมันมาสำเร็จโทษ

:kingkong: :sniper: :kingkong: :sniper: กระชากมันลงมา ทุบให้น่วม

:shake: :shake: :shake: จับมือกันไว้ให้แน่นๆ

:screaming: ต้องไปให้กำลังใจกันนะครับ

ชาวFBเตรียมกด LIKE คราวนี้ช่วยกันให้มากกว่าเก่าครับ


:thanks: :thanks: ท่านอาจารย์นักวิชาการหัวใจปชตมากๆครับ :love:
คลื่นใต้น้ำ (ท่วม)
โดย กาหลิบ


กระแส ความรู้สึกขณะนี้คือ เห็นใจพี่น้องประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมถึงเป็นอย่างยิ่ง เพราะน้ำท่วมคราวนี้ออกจะหนักและเกินขีดขั้นในอดีตอยู่ในหลายเขต จนผู้เฒ่าผู้แก่บางท่านออกปากว่าไม่เคยพบเคยเห็น เด็กรุ่นหลังหน่อยก็ใช้คำว่าเป็นครั้งประวัติศาสตร์ จิตใจของมหาชนไทยจึงมุ่งตรงไปยังเรื่องน้ำท่วมตามแบบคนดีมีคุณธรรม จนเผลอคิดไปว่าสงครามการเมืองอันรุนแรงในขณะนี้คงจะ พักรบกัน ได้บ้าง ใครพูดเรื่องการเมืองจึงออกจะเบื่อๆ ฟัง เพราะนึกด้วยจิตใจบริสุทธิ์ว่า ฝ่ายตรงข้ามคงไม่เล่นเกมการเมืองบนความทุกข์ยากของมหาชน

แต่ ความจริงงานนี้เป็นประจักษ์พยานทีเดียวว่า ยิ่งมหาชนทุกข์ยากเท่าใด เขายิ่งเล่นการเมืองหนักหนาสาหัสขึ้นเท่านั้น โดยตั้งเป้าหมายที่ใหญ่โตลึกซึ้งอย่างที่มหาชนเองอาจคิดไม่ถึง

เรื่อง แบบนี้ต้องช่วยตีแผ่ให้เห็นกันอย่างกว้างขวาง มหาชนผู้ตาสว่างขึ้นแล้วในบางเรื่องจะได้เพิ่มอัตราตาสว่างในแง่วิธีการที่ เขาใช้ในการครอบงำประเทศและทำให้ประชาธิปไตยเกิดไม่ได้
 
ระหว่าง ตีแผ่กันนี้ รัฐบาลของประชาชนก็ต้องเร่งช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนไปพร้อมกัน ไม่ต้องหยุดจัดการเรื่องการเมืองก่อน เพราะพี่น้องกำลังเดือดร้อนจริงๆ เพียงอย่าเผลอลืมว่าใครเขาวางยาตัวเองไว้ตรงไหนและอย่างไรบ้างเท่านั้น จะได้ไม่กลายเป็นคนโง่แล้วขยัน

ฝ่ายตรงข้ามเขาวางเกมน้ำท่วมของเขาไว้อย่างน้อย ๔ ขั้นตอน ได้แก่
ขั้น แรก ใช้กลไกสื่อของตนเองชี้นิ้วเอะอะให้รัฐบาลไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่นั้นพื้นที่ นี้ ทั้งที่ความจริงรัฐบาลต้องรวบรวมข้อมูลและตัดสินใจอย่างเงียบๆ มีสติในศูนย์บัญชาการสถานการณ์ ภาพรวมของทั้งประเทศ และใช้กลไกสื่อของรัฐบาลเองในการชี้แจงวิธีแก้ไขปัญหาอย่างมียุทธศาสตร์ วิธีชี้นิ้วอย่างเอะอะโครมครามคือกลเกมเก่าๆ ทำให้รัฐบาลหัวหมุน วิ่งตามนิ้วที่ชี้ไปอย่างเลิ่กลั่ก จนสุดท้ายตนเองก็ต้องมารับผิดชอบกับการแก้ไขปัญหาแบบกระจัดพรัดพราย
 
ผู้ ที่ถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์คือรัฐบาล เช่นที่ปรากฏในการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในช่วงนี้ ส่วนพวกเจ้ากี้เจ้าการหายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นี่คือวิธีการเก่าๆ เพื่อให้รัฐบาลเสื่อมความนิยม
 
ขั้น ที่สอง เสี้ยมให้รัฐบาลกับฝ่ายค้านหรือว่ากันตรงๆ ก็คือเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ชนกัน โดยสื่อมวลชนในเครือข่ายอำนาจเก่าที่รับสัมปทานจากรัฐเป็นผู้ลงมือทำ สังเกตได้จากการเสนอข่าวถ่วงกันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านอย่างจงใจเจตนา ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยในช่วงที่ซีกไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทยเป็นฝ่าย ค้าน
 
เป้า หมายคือด่ากราดลงมาจากเบื้องบนว่า ไม่ว่าพรรคการเมืองใด ซีกไหน มีปัญหาทั้งสิ้น โดยหวังสร้างภาพหลอกประชาชนผู้ไม่รู้การเมืองลึกซึ้งให้เกิดความชิงชังระบอบ ประชาธิปไตย สุุดท้ายก็ออกลายชัดเจนว่าต้องการสิ่งใด
 
นั่นคือรัฐบาลแห่งชาติที่ระบอบโบราณเป็นผู้กุมอำนาจจริงอยู่เบื้องหลัง ล้มเลิกการเลือกตั้ง ปิดประเทศ
ขั้น ที่สาม เอาเครือข่ายศักดินา-อำมาตย์ที่เป็นสมุนบริวารของตัวเองเข้าไปแทนที่ฝ่ายการ เมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์สัมปทานรัฐ กองทัพแห่งชาติ และอื่นๆ แล้วเร่งสร้างภาพให้ประชาชนเข้าให้ว่าบ้านเมืองไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลจากการ เลือกตั้ง หลอกให้หลงว่าระบอบที่ครองอำนาจมายืดเยื้อยาวนานบวกกับกลไกของระบบราชการที่ เป็นลูกน้องโดยตรงของเขาสามารถปกครองบริหารประเทศไทยได้โดยไม่ต้องมีใครอื่น
 
ครอบครัวข่าวที่นั่นที่นี่ โครงการทหารที่นี่ที่นั่น คือส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ย้อนสังคมไทยคืนกลับสู่วงจรอุบาทว์ทั้งสิ้น
 
ขั้นที่สี่ เขากด ดันให้รัฐบาลเลือกตั้งกระทำในสิ่งที่สวนทางกับแนวทางของโลกในการอนุรักษ์ รักษาสิ่งแวดล้อม นั่นคือการสร้างเขื่อนสนองความต้องการ ระยะนี้เอ่ยปากตรงๆ และอ้อมๆ มากขึ้นเพื่อให้รัฐบาลรู้ว่าอยากให้สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นและเขื่อนอื่นๆ เพราะ เขารู้ดีว่า การสร้างเขื่อนจะเอื้อผลประโยชน์อย่างกว้างขวางให้กับระบอบเก่า ไม่ว่าในขั้นของการก่อสร้าง การเข้าครองพื้นที่น้ำท่วมถึงและพื้นที่ใกล้เคียง การจัดรูปแบบการปกครองท้องถิ่นใหม่ตามพื้นที่ที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพน้ำ ท่วมถึง และทำให้หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ หรือแม้กระทั่งจังหวัดใหม่ๆ ที่จะเกิดตามมารักใคร่ผูกพันกับ เขาโดยไม่ไปผูกพันกับรัฐบาลของประชาชน
 
ขั้น สุดท้าย ทำให้รัฐบาลหมกมุ่นกับปัญหาเรื่องนี้จนไม่ว่างพอจะเดินเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือหาความเป็นธรรมให้กับวีรชนประชาธิปไตยตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๙ เป็นต้นมา จนมวลชนประชาธิปไตยก็อาจเกิดความขัดแย้งไม่พอใจและแตกคอกับรัฐบาลที่ตนเอง เป็นเจ้าของ
 
น้ำ ท่วมเที่ยวนี้มากมายเนืองนองกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เราทุกๆ คนต้องเข้าช่วยเหลือมหาชนให้มากและรวดเร็วที่สุดเท่าที่สติปัญญาความสามารถ จะอำนวย แต่เราอย่าลืมความจริงข้อหนึ่งว่า ท่วมข้างบนยังไม่เสียหายหนักเท่ากับฐานด้านล่างที่กำลังถูกกัดเซาะไปเรื่อยๆ ด้วยคลื่นใต้น้ำ ซึ่งเป็นวิสัยสันดานของคนบางคนที่เห็นแก่ชาติน้อยกว่าตนเองเสมอมา.