หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

ทำไมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจูบปากกับทหาร?

ใจ อึ๊งภากรณ์

มันเริ่มแล้ว สิ่งที่เสื้อแดงก้าวหน้าทำนายว่าจะเกิด คือรัฐบาลยิ่งลักษณ์จู๊บๆ กับทหารมือเปลื้อนเลือด สัญญาว่าจะไม่แตะอำนาจนอกระบบของกองทัพ ค่อยๆ ยืดเวลาออกเรื่อยๆ ในการสร้างความยุติธรรมและประชาธิปไตยแท้ จะมีการหักหลังมวลชนส่วนใหญ่และปล่อยให้วีรชนตายเปล่า และสิ่งที่น่าสลดใจคือ แกนนำเสื้อแดงถูกผลักให้มีบทบาทในการกล่อมเกล่าให้คนเสื้อแดงยอมรับการทรยศใหญ่อันนี้

     บางคนอาจมองว่าผมพูดแรงไป แต่ลองพิจารณาข้อมูลจากพฤติกรรมนายกรัฐมนตรี และคำปราศัยของแกนนำเสื้อแดงก็ได้

     การที่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์เลือก โดยไม่มีใครบังคับ ที่จะควงประยุทธ์มือเปื้อนเลือด เพื่อออกตรวจพื้นที่น้ำท่วม แปลว่ารัฐบาลตัดสินใจจะไม่แตะอำนาจทหาร และยิ่งกว่านั้นรัฐบาลกำลังช่วยเสริมภาพความชอบธรรมของบทบาททหารในสังคม ซึ่งในที่สุดก็สร้างความชอบธรรมกับการที่ทหารคุมสื่อและแทรกแซงการเมืองได้ ในกรณีนี้ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าเป็นการหลีกเลี่ยงการชนกับทหาร เพราะมันเป็นการวิ่งเข้าไปกอดจูบ ซึ่งไม่จำเป็นแต่อย่างใด แทนที่จะควงประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีควรจะควงชาวบ้านเสื้อแดง

     ทหารคงดีใจมากตอนนี้ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือที่ดีกว่าพรรคประชาธิปัตย์เสียอีก เพราะพรรคเพื่อไทยครองใจประชาชนอยู่และมีความชอบธรรมในเชิงประชาธิปไตย และจะไม่ทำอะไรเพื่อลดอิทธิพลและผลประโยชน์ทหารเลย

     ผมไม่ได้เสนอว่าการปลดประยุทธ์หรือการปฏิรูปกองทัพเป็นเรื่องง่าย และถ้าจะทำต้องให้มวลชนคนเสื้อแดงยืนอยู่เคียงข้างรัฐบาล ปกป้องรัฐบาลในขณะที่เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่การควงนายพลมือเปื้อนเลือด และการเอาใจทหารไม่มีวันนำไปสู่สิ่งเหล่านั้นได้เลย

     ในคำปราศัยต่างๆ ของแกนนำเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันที่ ๑๘ กันยายนปีนี้ มีหลายประเด็นที่น่ากังวลคือ

1. เรื่องการไม่พูดถึงทหาร โดยเฉพาะประยุทธ์และอนุพงษ์ ที่มีส่วนสำคัญในการเข่นฆ่าเสื้อแดงที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์ มีแต่การด่านักการเมืองประชาธิปัตย์และด่าการทำรัฐประหาร ๑๙ กันยา แต่ไม่ด่าอำนาจจริงในสังคมทุกวันนี้ คือกองทัพ ดูเหมือนมีการจงใจหลีกเลี่ยงการวิจารณ์ ซึ่งถ้าไม่วิจารณ์ก็ไม่มีวันรณรงค์ให้ลงโทษพวกนี้หรือปฏิรูปกองทัพ มีแต่จะปรองดองแบบยอมจำนน

2. มีการพูดถึงความจำเป็นที่จะนำคนที่สั่งฆ่าประชาชนมาขึ้นศาล และจตุพรพูดดีว่า “ถ้ารัฐบาลไม่ทำ รัฐบาลไม่ควรอยู่”  แต่ไม่มีใครเอ่ยชื่อว่าจะต้องนำใครมาขึ้นศาลนอกจากนักการเมืองประชาธิปัตย์ และที่แย่คือคลุมเครือ ไม่มีตารางเวลาและรายละเอียดเลย ณัฐวุฒิ พูดว่าควรมีการ “ปลด” “ย้าย” บางคน แต่ไม่เจาะจงว่าใคร และมีการพูดต่อว่าถ้าโอกาสไม่เหมาะ ก็ต้องถอย ซึ่งเป็นการเปิดทางไปสู่การคงไว้อำนาจกองทัพ และอิทธิพลของนายพลมือเปื้อนเลือด แม้แต่เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ก็มีการพูดว่าต้องรอ “จังหวะ”

3. มี การเตือนภัยเรื่องรัฐประหารซ้ำๆ ในขณะที่ภัยหลักมาจากการยอมจำนนต่อทหาร และการหักหลังเสื้อแดง ซึ่งจะนำไปสู่การสลายอำนาจของเสื้อแดง ความหดหู่ และในที่สุดทำให้ประชาชนหมดความศรัทธาในพรรคเพื่อไทย การเตือนภัยเกินเหตุเรื่องรัฐประหารคือความพยายามที่จะเบี่ยงเบนประเด็น แน่นอนคนเสื้อแดงต้องปกป้องรัฐบาลประชาธิปไตยนี้จากรัฐประหาร แต่ในขณะเดียวกันต้องเดินหน้าผลักดันการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยและความยุติธรรม เช่นการเรียกร้องให้เอาคนฆ่าประชาชนขึ้นศาลก่อนสิ้นปี การปล่อยนักโทษการเมืองทุกคนทันทีและยกเลิกคดี และการยุติการใช้ 112 มันต้องทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน ถ้าไม่ทำ คนเสื้อแดงจำนวนมากจะถามว่า “เราจะปกป้องรัฐบาลนี้ไปทำไม ในเมื่อรัฐบาลหักหลังเรา?”

4. มีการพูด โดยอ.ธิดา ว่าภาระเฉพาะหน้าคือการแก้รัฐธรร
มนูญ แต่เราต้องถามว่าจะแก้ตรงไหน และเพื่อใคร? แน่นอนควรยกเลิกรัฐธรรมนูญปี ๕๐ ของทหาร แต่ต้องยกเลิกกฏหมายหมิ่น และบทบาททหารในสื่อและในสังคมด้วย ต้องปฏิรูประบบศาลอย่างถอนรากถอนโคน สิ่งเหล่านี้อยู่ในแผนการของเพื่อไทยหรือไม่? ผมคิดว่าไม่

     แต่อย่าหมดหวังหมดกำลังใจ เรากู้สถานการณ์ได้ และเรากู้ศักดิ์ศรีของแกนนำเสื้อแดงได้ ถ้าเราเปลี่ยนทิศทาง คนเสื้อแดงที่ก้าวหน้าคงต้องเลิกรอ เราต้องรวมตัวกัน ถกเถียงคุยกันว่าเรามีข้อเรียกร้องอะไร และเราจะเคลื่อนไหวอย่างไร เมื่อไรที่แกนนำเสื้อแดงนำไม่ถูกทาง หรือพยายามกล่อมให้เรายอมรับการยอมจำนน เราต้องเคลื่อนไหวอิสระจากเขา แต่เมื่อไรที่ข้อเสนอเขาตรงกับเรา เราควรสนับสนุนเขาเต็มที่ แต่ในกรณีพรรคเพื่อไทยเราต้องอิสระจากพรรคนี้โดยสิ้นเชิง อย่าให้การต่อสู้และการเสียสละสูญเปล่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น