หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554



ประกาศลวงโลก จาก บันทึกเอ็มโอยู 2544 ถึง "มรดกโลก"


เรื่อง ของบันทึกความตกลงร่วมกันไทย-กัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล หรือเอ็มโอยู 2544 ก็อีหรอบเดียวกันกับคำประกาศถอนตัวจากภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกโลกนั่นแหละ
คือ เสมอเป็นเพียงการประกาศ

เอ็มโอยู 2544 เป็นการประกาศเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552
เรื่องภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกโลก เป็นการประกาศเมื่อเดือนมิถุนายน 2554

แต่แล้วก็เสมือนกับเป็นเรื่องลวงโลก ลวงประชาชน

คำประกาศถอนตัวจากการเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกโลก
อัน มาจาก นายสุวิทย์ คุณกิตติ และได้รับความเห็นชอบโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อเดือนมิถุนายน 2554 ได้รับการพิพากษาไปแล้วโดยประชาชน

นั่นก็คือ พรรคกิจสังคมไม่ได้รับเลือกแม้แต่คนเดียว
กระทั่ง นายสุวิทย์ คุณกิตติ ต้องสอบตก
นั่นก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องพ่ายแพ้ให้แก่พรรคเพื่อไทยอย่างยับเยิน

ความว่าด้วยคำประกาศถอนตัวจากภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกโลกยังไม่จบ
กรณีของเอ็มโอยู 2544 ก็ปรากฏขึ้นว่า กำลังกลายเป็นคำประกาศในลักษณะลวงโลกอีกเรื่องหนึ่ง

เป็นการลวงโลกจากรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ถามว่ารายละเอียดอย่างไรหรือ อันถือได้ว่า
การประกาศยกเลิกเอ็มโอยู 2544 การประกาศถอนตัวจากภาคีมรดกโลก
เป็นเรื่องลวงโลก

คำตอบ 1 ก็คือ เสมือนเป็นเพียงการประกาศ
แต่มิได้มีการปฏิบัติอย่างเป็นจริง

คำประกาศยกเลิกเอ็มโอยู 2544 เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2552
แต่ ต่อมากลับปรากฏว่า ได้มีการเจรจาระหว่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับ นายซก อาน ในเรื่องอันเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2553
แสดงว่า บทบาทและความหมายของเอ็มโอยู 2544 ยังดำรงอยู่

ที่ยังดำรงอยู่เพราะว่า บันทึกความเข้าใจร่วมกัน หรือเอ็มโอยูนั้น
ในทางกฎหมาย เมื่อมีมติออกมาแล้ว ต้องเสนอผ่านความเห็นชอบผ่านรัฐสภา จึงจะครบถ้วนสมบูรณ์

เช่นเดียวกับการเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญาว่าด้วยมรดกโลก
เมื่อ แสดงท่าทีในที่ประชุมอย่างเป็นที่แจ้งชัดแล้ว ภาคีสมาชิกจักต้องทำหนังสือยืนยันไปทางองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติอย่างเป็นทางการ
คำประกาศลาออกนั้นจึงจะมีผลอย่างครบถ้วนและสมบูรณ์

จากเดือนพฤศจิกายน 2552 หลังการประกาศของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ไม่เคยมีปฏิบัติการอะไรเลยต่อเอ็มโอยู 2544

นี่ก็เช่นเดียวกับการทำหนังสือแจ้งต่อภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกโลก

เมื่อทั้งเรื่องเอ็มโอยู 2544 และทั้งเรื่องภาคีอนุสัญญามรดกโลก
มิได้มีผลเหมือนเช่นกับคำประกาศแล้ว
รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำไปทำไม

คำตอบที่เด่นชัดยิ่ง ก็คือ ต้องการผลทางการเมือง

นั่นก็คือ อาศัยเอ็มโอยู 2544 เป็นเครื่องมือในการโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ให้เสียหายในทางสังคม ในทางการเมือง
เลเพ-ลาดพาด-จากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน แล้วเลอะเทอะไปจนถึงทำให้เสียดินแดน

นี่ ก็ทำนองเดียวกับการออกข่าวว่าด้วยหมายจับแดง เรด-โนติซ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในองค์การตำรวจสากล อินเตอร์โพล ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยในทางเป็นจริง

นั่นก็คือ อาศัยคำประกาศถอนตัวจากภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกโลก เพื่อประท้วงต่อคณะกรรมการมรดกโลก ต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชน
เพื่อหวังจะได้คะแนนจากพวกหลงชาติจำนวนหนึ่


เป็นการเล่นเกมทางการเมือง
เป็นการหลอกลวงทางการเมืองเพื่อประโยชน์เฉพาะหน้า
เป็นการอาศัยเกมทางการเมืองจากความขัดแย้งภายในประเทศ ขยายไปสู่การเมืองระหว่างประเทศ

คิดแต่เพียงประโยชน์เฉพาะหน้า โดยไม่คำนึงถึงผลสะเทือนที่จะติดตามมา

เป็นการเล่นเกมสไตล์พรรคประชาธิปัตย์

ท่านอาจโกหกประชาชนได้ครั้งหนึ่ง แต่มิอาจโกหกได้ตลอด
อับราฮัม ลินคอล์น สรุปได้ถูกต้อง

กระนั้น นักการเมืองบางคน ก็โกหกซ้ำซาก
จากหมายจับแดง ไปยังเอ็มโอยู 2544 ไปยังการถอนตัวจากภาคีอนุสัญญาว่าด้วยมรดกโลก

น่าสงสัยว่า ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?
ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โกหกประชาชน



http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... d&subcatid

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น