ทีใคร ทีมัน ? เกมเสี่ยง "ยิ่งลักษณ์"ขยับขุนพลพี่น้อง-กองทัพ-ตำรวจ ถ่ายเลือด ขรก.ผิดฝาผิดตัวยกแผง !
เกม การเมืองแบบทีใครทีมัน เริ่มต้นที่ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) "พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี" ที่อาจเด้งไปประจำการเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
แล้วคืนความเป็นธรรมให้กับ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" พี่ชาย "คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์" อดีตภรรยา "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"
ตำนาน เมื่อครั้งที่ "พล.ต.อ.วิเชียร" เป็นรอง ผบ.ตร. ได้รับมอบหมายให้ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในการทำประชามติและการเลือกตั้ง ปี 2550 มีส่วนจับทุจริต "ยงยุทธ ติยะไพรัช" กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน จนถูกแจกใบแดง ถึงการยุบพรรค "พลังประชาชน" ตกกระดานการเมือง เป็นหอกแทงคืน "พล.ต.อ.วิเชียร"
เปิดทางให้ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์" ได้กลับมานั่งตำแหน่งที่สูงสุดในกรมปทุมวัน ในวันที่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เป็นผู้บังคับบัญชาสีกากี
อดีต สารวัตรกองปราบฯ "เฉลิม อยู่บำรุง" รองนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดสเป็ก ผบ.ตร.คนใหม่ว่า จะต้องเป็น "มือปราบ จับโจรผู้ร้าย จัดการกับยาเสพติด" ซึ่งสอดคล้องกับคุณสมบัติของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์
ไม่เพียงแค่เก้าอี้ ผบ.ตร.เท่านั้นที่สั่นคลอน หากยังเขย่าไปทั้งวงการสีกากี หลัง "เฉลิม" ประกาศลั่นใน "รั้วปทุมวัน" ว่า จะย้ายแบบ "กราวรูด"
แนว โน้มโยกย้ายกราวรูด แตกผลจากยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มี "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เป็นรองนายกฯดูแลความมั่นคง คุมอำนาจฝ่ายตำรวจ แตะมือกับ "เนวิน ชิดชอบ" แกนนำ "ภูมิใจไทย" แท็กทีมโยกย้ายนายตำรวจตั้งแต่ระดับบริหารสู่ระดับผู้บังคับการภาค ยัน ผู้บังคับการจังหวัด-ผู้กำกับการทั่วประเทศ
หลายครั้งบนอาคาร "สิริภิญโญ" ย่านศรีอยุธยา ฐานบัญชาการใหญ่ของ "เนวิน" มีเมสเซนเจอร์วิ่งถือโพย "ขุนตำรวจ" มาแลกเปลี่ยนต่อรองกับตำแหน่ง "นายอำเภอ" ที่ควบคุมโดย "ภูมิใจไทย" เพื่อปูทางต่อยอดจัดทัพข้าราชการไปสู่การเลือกตั้ง พร้อมกับสลาย "ตำรวจมะเขือเทศ" โดยเฉพาะภาคเหนือ อีสาน ที่เมินเฉยต่อคำสั่งกำจัดอำนาจเสื้อแดง
ห้วงขณะที่มีข่าว "พล.ต.อ.วิเชียร" ถูกเด้ง ปรากฏความเคลื่อนไหวของกลุ่มนายตำรวจกลุ่มหนึ่ง เดินทางไปหารือกับ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ถึงนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงการโยกย้ายวางตัวนายตำรวจในระดับ "คุมกำลัง"
เมื่อเข้าสู่เดือน กันยายน ฤดูกาล แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการก็มาถึง "ยิ่งลักษณ์" ที่สวมหมวกประธานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จึงเรียกบัญชีนักบริหารระดับสูงที่มีกว่า 91 ราย ที่ถึงคิวเกษียณอายุราชการ เตรียมจัดแถวข้าราชการครั้งใหม่
กระทรวงที่นับเป็นขุมกำลังฝ่ายพลเรือน ทำหน้าที่เคียงคู่ตำรวจ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" ให้แก่ประชาชน หนีไม่พ้น "กระทรวงมหาดไทย"
งวด นี้ต้องจับตาการโยกย้ายระนาบเดียวกันแบบ "บิ๊กลอต" ที่คาดว่ามีกว่า 40-50 ตำแหน่ง เพื่อสลายขั้วอำนาจสีน้ำเงิน "ภูมิใจไทย" ซึ่งวางขุมกำลังไว้ โดยเฉพาะตำแหน่ง อธิบดี-ผู้ว่าราชการ
โฟกัสเจาะจงไปยังจังหวัดอัน เป็นฐานที่มั่นของ "เนวิน" มีแนวโน้มจะสลับสับเปลี่ยนผู้ว่าฯเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น ถิ่นอีสานใต้อย่าง บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ นครราชสีมา
เพราะ ตลอด 2 ปีที่ "เนวิน" ส่ง เครือข่ายลงไปบริหารกระทรวง มีการจับวางข้าราชการแถบอีสานใต้แบบถี่ยิบ บางจังหวัดเปลี่ยนผู้ว่าฯ 3 คนภายใน ปีเดียว
ล่าสุดความเคลื่อนไหวใน "กระทรวงคลองหลอด" ปรากฏชัดขึ้น เมื่อผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ หลายรายเริ่มเดินสายต่อรองกับผู้มีอำนาจใน "เพื่อไทย" เพื่อขอย้ายไปอยู่ในจังหวัดที่ต้องการ
บางรายนัด ส.ส.เพื่อไทยในพื้นที่มากินข้าวดูใจกันบ่อยขึ้นกว่าปกติ จึงทำให้โผโยกย้ายขณะนี้ยังไม่นิ่ง มีเวลาให้บรรดา "นักวิ่ง" ได้ใช้ความสามารถไปจนถึงวินาทีสุดท้าย
ขณะเดียวกันก็มี "โผ" เล็ดลอดออกมาจาก "เพื่อไทย" ว่า จังหวัดที่จะต้องปรับเปลี่ยนเบื้องต้นมี ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี นครพนม ร้อยเอ็ด
สำหรับ เก้าอี้อธิบดีนั้นต้องจับตาข้าราชการฝ่าย "เพื่อไทย" ที่จะกลับ มาผงาดอีกครั้ง มีชื่อของ "สุกิจ เจริญรัตนกุล" พี่ชายของ "น.พ.สุชัย เจริญรัตนกุล" อดีต รมว.สาธารณสุข ยุคไทยรักไทย กลับมานั่งเก้าอี้สำคัญในคลองหลอดอีกครั้ง
หลังยุครัฐบาลที่แล้วถูก เด้งจากอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมานั่งตบยุงในกรุ เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว "สุกิจ" จึงมีโอกาสลุ้นคุมกรมใหญ่อย่าง อธิบดีกรมการปกครอง จนถึงเก้าอี้ปลัดกระทรวง
ในไลน์ของอธิบดีสังกัด กระทรวงมหาดไทยอาจมีการปรับเปลี่ยนบางตำแหน่ง โดยเฉพาะอธิบดีในรายที่ถูกตีตราว่าเป็นเด็กของ "ภูมิใจไทย" และมีลักษณะโตขึ้นพรวดพราด เช่น "สุรชัย ขันอาสา" อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ที่ครองเก้าอี้ผู้ว่าฯเพียง 1 ปี อาจถูกลดชั้นกลับไปเป็นผู้ว่าฯตามเดิม เช่นเดียวกับ "ขวัญชัย วงศ์นิติกร" อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น คุมงบฯแสนล้านบาท
แม้ "ขวัญชัย" มีความอาวุโสของ อายุราชการ และยังเคยเกี่ยวดองกับ "ตระกูลชินวัตร" เพราะเติบโตในแถบภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่ครั้งเป็นนายอำเภอดอยสะเก็ด แต่ครั้นเมื่อหันมารับใช้ "ภูมิใจไทย" ในยุคที่แล้ว ก็อาจจะถึงคราวถูกโยก ลดชั้น ลดตำแหน่ง แล้วดึงคนที่ไว้ใจได้มารับช่วงต่อ เพื่อให้การกดปุ่มงบฯท้องถิ่นไหลลื่นลงไปสู่พื้นที่ของ "เพื่อไทย"
แต่ ยุคนี้เป็นยุค "สิงห์ขาว" ซึ่งเป็นสิงห์สีเดียวกับ "ยิ่งลักษณ์" จึงมีแนวโน้มว่า "อุดม พัวสกุล" อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อาจขยับขยายย้ายกรมมาคุมกรมที่ใหญ่ขึ้น
ขณะที่เก้าอี้ปลัดกระทรวงของ "วิเชียร ชวลิต" ยังไม่มีสัญญาณว่าได้รับผลอาฟเตอร์ช็อกจากแรงสั่นสะเทือนแต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะ "วิเชียร" ถูกแต่งตั้งในยุค "ภูมิใจไทย" ประกอบกับความอาวุโสยังน้อย อาจเข้าไลน์ถูกย้ายเพราะเหตุผล อำนาจ "ทีใคร ทีมัน"
ที่กระทรวงกลาโหม ในยุคที่ฝ่ายรัฐบาลอยู่คนละขั้วกับฟากกองทัพ
แต่หากแต่งตั้งนายทหารตามอำเภอใจ-ไฟเขียวอาจทำให้รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" ซ้ำรอยรัฐบาล "ทักษิณ" ในเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549
การ แต่งตั้งนายทหารระดับ "คุมกำลัง" ในกองทัพ จึงต้องจัดวางหาคนที่ไว้ใจได้ขึ้นมาสอดแทรกในโผของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ผบ.ทบ. ที่วางเพื่อน ตท.12 เต็มแผง
ความโชคดีของรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์" ที่เข้ารับอำนาจช่วงเดียวกับการถ่ายเลือดข้าราชการ อาจกลายเป็นความโชคร้าย หากเสียบ-ยัดตำแหน่งนายทหาร-ตำรวจ และขุนพลกระทรวงเศรษฐกิจ ผิดฝา-ผิดตัว
(ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่5-7กันยายน 2554)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น