เล่าเรื่องประวัติศาสตร์อเมริกา
เมื่อสามร้อยกว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นประเทศสหรัฐอเมริกายังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอยู่ (ตรงกับสมัยพระเพทราชาแห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง กรุงศรีอยุธยา) ที่เมืองเซเล็มอาณานิคม (มลรัฐ) แมสซาชูเซตส์เกิดมีเด็กหญิงเล็กๆ ที่มีอายุระหว่าง 9-12 ขวบ หลายคนที่เป็นลูกหลานของครอบครัวผู้นำของเมืองเกิดอาการเป็นลมหน้ามืด และมีอาการผิดปกติหลายอย่าง เช่น หวีดร้องโหยหวน สักพักก็ล้มชักดิ้นชักงอ หน้าตาบิดเบี้ยว อยู่ในสภาวะไม่รู้สึกตัว กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นพระเจ้าในศาสนาคริสต์
คำเพ้อบางตอนก็ฟังดูประหลาด ลึกลับคล้ายกับภาษาโบราณที่ฟังไม่รู้เรื่อง จากนั้นชั่วเวลาไม่นานนัก เด็กสาวอีกหลายคนก็แสดงอาการพฤติกรรมประหลาดที่ว่าเช่นนี้โดยไม่รู้สาเหตุ ของอาการและพฤติกรรมที่น่าขนพองสยองเกล้านี้ได้เลย
ในสมัยนั้นที่ อเมริกายังมีความเชื่อเกี่ยวกับภูตผีปีศาจ เนื่องจากยังมีโรคระบาดเกิดขึ้นบ่อย คนตายเยอะ และยังมีการแตกแยกแบบถือเขาถือเรา
ในเมืองเซเล็มนี้เองมักมีคู่อริ ที่เปิดศึกปะทะกันระหว่างชุมชนเสมอ ในที่สุดหมอประจำเมืองก็จนปัญญาที่จะรักษาเด็กหญิงกลุ่มนี้ได้ จึงสรุปแบบเอาตัวรอดว่าบรรดาเด็กเหล่านี้โดนเวทมนตร์คาถาและตกอยู่ภายใต้ อิทธิพลของซาตาน (เหมือนพวกผีปอบ ผีกระสือบ้านเรานั่นแหละ) แบบว่าไม่รู้จะรักษายังไง ก็โทษผี โทษซาตานไปเสียเลย
ทีนี้ก็เป็นเรื่อง พวกชาวบ้านและนักบวชพากันวิ่งวุ่น หาวิธีต่างๆ เพื่อเปิดโปงว่าใครคือ แม่มดผู้เป็นต้นเหตุของภัยร้าย
จู่ๆ บรรดาเด็กสาวได้อ้างชื่อผู้หญิงออกมาสามคนคือนางทิทูบา ทาสผิวดำของนักบวชที่เป็นบิดาของเด็กหญิงในกลุ่มคนหนึ่ง, นางเซราห์ ออสบอร์น แม่ม่ายที่ไม่ไปโบสถ์ตลอดเวลา 3 ปี (พวกชาวบ้านที่นิยมไปโบสถ์ไม่ชอบอยู่แล้ว) และนางเซราห์ กู๊ด คนไร้บ้าน ปากร้ายว่าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ จึงถูกจับกุมไปพิจารณาโทษ
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1325050931&grpid=&catid=02&subcatid=0207
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น