หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

[คลิป] 'สมศักดิ์ เจียม' ดันปัญญาชนไทยคิดยาว-ทำใหญ่ "ปฏิรูปสถาบัน"



[คลิป] 'สมศักดิ์ เจียม' ดันปัญญาชนไทยคิดยาว-ทำใหญ่ "ปฏิรูปสถาบัน

 

 สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล - สถาบัน ϟ



สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อภิปรายในงาน “แขวนเสรีภาพ” เสนอการแก้ไขเฉพาะม. 112 อย่างเดียวไม่พอ เสนอตั้ง “เครือข่ายนักวิชาการเพื่อปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” เน้นรณรงค์ปฏิรูปสถาบันรอบด้าน ชี้ถ้าไม่ยกเลิกองค์ประกอบอย่างมาตรา 8 ไทยก็ไม่มีทางเป็นประชาธิปไตย

 18 มี.ค. 55 – ในงาน “แขวนเสรีภาพ” ซึ่งจัดโดยคณะนักเขียนแสงสำนึก ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว มีการจัดงานอภิปรายทางวิชาการในหัวข้อ Sovereign Community โดย สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ไทย คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้อภิปรายเรื่องสถาบันกษัตริย์ และการรณรงค์เพื่อแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 มีเนื้อหาสาระดังนี้

(คลิกฟัง)http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=8Oef-NivvH4

สมศักดิ์ เปิดการอภิปรายด้วยการกล่าวถึงการจัดงานเผาพระเมรุที่ท้องสนามหลวงเนื่องจาก การสิ้นพระชนม์ของเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ  ซึ่งมองว่าเป็นตัวดัชนีชิวัดความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยได้ จากการดูว่าประชาชนสามารถวิพากษ์วิจารณ์หรืออภิปรายเรื่องดังกล่าวในที่ สาธารณะได้หรือไม่ ถ้าหากว่าไม่ได้ ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นประชาธิปไตย เพราะหากใช้มาตรฐานเดียวกันกับนักการเมือง เช่น หากญาติของนักการเมืองเสียชีวิต แล้วมีการใช้เงินหลายพันล้านบาท เพื่อที่จะใช้จ่ายเป็นค่าจัดงานศพ แล้ว เหล่านักวิชาการหรือภาคส่วนอื่นๆ ก็จะคงจะทนไม่ได้ออกมาคัดค้านอย่างเป็นแน่แท้ หากแต่เมื่อเป็นเรื่องของสถาบันกษัตริย์ กลับไม่มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์

เช่นเดียวกับการนำเสนอข่าวพระราชสำนักใน เวลาสองทุ่ม ไม่มีการนำเสนอข่าวสารที่ใด ที่เป็นการนำเสนอด้านเดียวเช่นนี้ และยังไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้อีก จึงแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ในขณะนี้ประเทศไม่ได้เป็นประชาธิปไตย

เมื่อโยงเข้ามากับเรื่องการรณรงค์ของคณะกรรมการรณรงค์เพื่อแก้ไขมาตรา 112 (ครก. 112) ที่ เสนอให้แก้กฎหมายเพื่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯ ได้ แต่ยังยกข้อยกเว้นไว้ถึงการด่าทอเสียหาย มองว่า ในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าแปลก และตั้งคำถามว่า ทำไมเมื่อเราคิดถึงเรื่องสถาบัน จึงต้องคิดถึงบรรทัดฐานอีกแบบหนึ่ง แต่หากคิดถึงเรื่องนักการเมือง เราถึงด่าได้

ประเมินการรณรงค์ของครก. 112 ว่า หลังจากที่รวบรวมชื่อได้แล้ว 10,000 ชื่อ และยื่นต่อสภาสำเร็จ กระแสเรื่องกฎหมายหมิ่นฯ น่าจะลดลง โดยถ้าหากประธานสภาไม่ตีความเรื่องนี้ให้เข้าหมวดสิทธิเสรีภาพ ซึ่งจะทำให้การอภิปรายตกลงไป หรือไม่ก็อาจจะดองเรื่องนี้ไว้เป็นปีๆ จนลืม ประกอบกับเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง ก็อาจจะทำให้การกระแสเรื่องการแก้กฎหมายหมิ่นและเรื่องเกี่ยวกับสถาบันโดย รวมซาลงไปในที่สุด ทั้งนี้ สถานการณ์ในไทย ต่างจากประสบการณ์ในต่างประเทศ ที่ในการต่อสู้เรื่องประชาธิปไตย รัฐสภามักจะเป็นฝ่ายที่ต่อสู้กับอำนาจของสถาบันกษัตริย์ ในประเทศไทยกลับไม่มีใครในสภาไม่ว่าจากฝ่ายใดที่จะกล้าแตะต้องเรื่องนี้ ไม่มีแม้แต่การริเริ่มที่จะช่วยนักโทษที่ยังต้องติดคุกอยู่จากคดีการเมือง

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/03/39716

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น