หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

ปัทมา มูลนิล เชลยศึกที่ถูกลืม

ปัทมา มูลนิล เชลยศึกที่ถูกลืม

 

"ในขณะที่ชนชั้นปกครองกำลังเสวยสุขจาก การ “เกี้ยเซี้ยะ” บนความทุกข์ของเหยื่อของความขัดแย้งและกำลังถกกันอย่างเอาเป็นเอาตายหลังจาก ที่ “ติดกับ” กับคำว่า “การปรองดอง” ที่หาคำนิยามที่ชัดเจนไม่ได้ จนบานปลายเป็นความขัดแย้งใหม่ แต่ปัทมาต้องตกนรกทั้งเป็นในสถานะ “เชลยศึก” ที่ถูกลืมจากคู่สงคราม



ผมไม่รู้ว่าหัวจิตหัวใจของผู้ มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองทั้งสองขั้วหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทุกระดับใน กระบวนการยุติธรรมทำด้วยอะไร อย่าลืมนะครับว่าถ้าคนตัวเล็กตัวน้อยเช่นปัทมาอยู่ไม่ได้แล้ว ก็อย่าหวังว่าคนตัวใหญ่ๆทั้งหลายจะอยู่เย็นเป็นสุขเลยครับ"


โดยชำนาญ จันทร์เรือง


ในขณะที่ชนชาวไทยกำลังเริงสราญถ้วน หน้ามหาสงกรานต์กันอยู่ในเดือนเมษายนนี้ ยังมีนักโทษการเมืองที่ยังถูกจองจำอยู่ที่เรือนจำพิเศษหลักสี่จำนวนเป็นร้อย นักโทษหญิงเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งถูกจับในขณะอายุเพียง 23 ปี 

ในขณะที่ชนชาวไทยกำลังเริงสราญถ้วนหน้ามหาสงกรานต์กัน อยู่ในเดือนเมษายนนี้ ยังมีนักโทษการเมืองที่ยังถูกจองจำอยู่ที่เรือนจำพิเศษหลักสี่จำนวนเป็นร้อย นักโทษหญิงเพียงหนึ่งเดียวในจำนวนนั้นคือ ปัทมา มูลนิล ซึ่งถูกจับในขณะอายุเพียง 23 ปี เธอเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัวแม่ค้าขายอาหารตามสั่งและกำลังเรียน กศน.ในระดับมัธยมต้น

ปัทมาเคยร่วมอุดมการณ์กับกลุ่ม ‘คนเสื้อเหลือง’ และติดตามข่าวสารผ่านช่องเอเอสทีวีมาโดยตลอด จนกระทั่งมีการยุบพรรคและเลือกตั้งใหม่ เธอเริ่มตั้งคำถาม จากนั้นเธอจึงติดจานดาวเทียมที่มี ‘ช่องเสื้อแดง’ ก่อนที่ความคิดจะค่อยๆ เปลี่ยนไป


ก่อน ถูกจับแม่ของเธอได้โทรไปบอกว่ามีหมายจับมา ให้ไปมอบตัว เธอบอกกับแม่ว่า เธอไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่ได้เผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เธอเข้าไปอย่างเดียว ไม่ได้ทำอะไร แม่ก็บอกว่า “ถ้าไม่ได้ทำอะไร ลูกก็กลับมามอบตัวสู้คดีซะลูก ให้โทรมาบอกอาให้อาพาไปมอบตัว” แต่ในที่สุดเธอก็ถูกตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 ที่สถานีขนส่ง จ.สุรินทร์

โดย เธอถูกล็อกตัวใส่กุญแจมือโดยถูกจับกดคอลงกับพื้นท่ามกลางสาธารณชน พร้อมทั้งมีปืนจ่อหัว และจับคอเสื้อลากขึ้นรถไปยัง สภ.เมืองสุรินทร์ เพื่อนที่ไปด้วยก็ร้องไห้และถูกบังคับให้เธอรับสารภาพเสีย จะได้ปล่อยเพื่อนไป และขู่จะยัดยาบ้าให้อีกหลายเม็ด และให้เซ็นรับสารภาพแต่โดยดีว่าเผาศาลากลาง เซ็นแล้วก็จะปล่อยตัวเพื่อนไป สุดท้ายเธอจึงยอมเซ็น


(อ่านต่อ)  
http://www.prachatai.com/journal/2012/04/40109

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น