ข้อเสนอรูปธรรม ในการรณรงค์ให้ยกเลิก 112
ปัญหาที่เราต้องมาร่วมกันคิดคือ เราจะรณรงค์ให้ยกเลิกกฏหมายนี้อย่างไร
กฏหมายมาตรา 112
เป็นกฏหมายที่ขัดกับประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกในทุกรูปแบบและ
เป็นกฏหมายที่เป็นอุปสรรค์ในการสร้างความโปรงใสและการตรวจสอบอำนาจรัฐ
ตรงนี้ผู้รักประชาธิปไตยจำนวนมากเข้าใจดี
และถ้าเราดูประเทศที่เป็นประชาธิปไตยจริง ที่มีกษัตริย์เป็นประมุข
โดยเฉพาะในยุโรป เราจะพบว่าหลายประเทศยกเลิกกฏหมายนี้นานแล้ว
หรือประเทศที่ยังมี ไม่มีการใช้กฏหมายในรูปธรรมในปัจจุบัน
และที่สำคัญคือไม่มีการใช้เพื่อปิดปากคนที่มีความเห็นต่างทางการเมือง
อันนี้คือความจริงไม่ว่านักวิชาการเสื้อเหลืองจะแอบอ้างมาอย่างไร
ดังนั้นการรณรงค์ให้ยกเลิกกฏหมาย 112 เป็นสิ่งที่หลายฝ่ายทำได้ ทั้งคนที่สนับสนุนให้มีประมุขเป็นกษัตริย์ หรือคนที่ต้องการระบบสาธารณรัฐ
ปัญหาที่เราต้องมาร่วมกันคิดคือ เราจะรณรงค์ให้ยกเลิกกฏหมายนี้อย่างไร ผมในฐานะผู้หนึ่งที่โดนกฏหมาย 112 ในปี 2551 มีข้อเสนอดังนี้
กฏหมาย 112 เป็นกฏหมายที่ใช้ปกป้องเผด็จการ โดยเฉพาะทหาร และลูกน้องของทหารเช่นนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ หรือศาลเป็นต้น การรณรงค์ให้ยกเลิก 112 จึงแยกไม่ออกจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
ในเมื่อการยกเลิกกฏหมาย 112 เป็น
เรื่องเดียวกับการสร้างประชาธิปไตย
เราควรจะมองเห็นชัดเจนว่าผู้ที่กำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
มวลชนคนเสื้อแดงนั้นเอง เป็นผู้ที่สามารถรณรงค์ให้ยกเลิก 112 ได้ ถ้าเขาตัดสินใจร่วมกันที่จะสู้ตรงนี้ ซึ่งแปลว่าถ้าเราต้องการรณรงค์ให้ยกเลิกกฏหมาย 112
เป้าหมายหลักคือการชักชวนมวลชนเสื้อแดงของ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน
ให้หันมาร่วมรณรงค์กับเรา เราไม่ต้องไปหวังพึ่งนักวิชาการที่ไม่ใช่เสื้อแดง
เพราะพวกนี้ประกาศนานแล้วในงานเสวนาต่างๆ ว่าไม่อยากให้ยกเลิก 112 ไปหมด อย่างมากก็พูดว่าควร “ปฏิรูป” หรือ “ลดโทษ” ซึ่งเท่ากับปกป้องคงไว้กฏหมายที่กีดกันสิทธิเสรีภาพ
แต่ในขณะเดียวกัน เราต้อง “เข้าใจ” มวลชนเสื้อแดงส่วนใหญ่ เพราะเรื่อง 112
ล้อมรอบด้วยความกลัว
หลายคนอาจคิดว่าเป็นการยกระดับการต่อสู้และเขาอาจไม่แน่ใจว่าเขาพร้อมหรือ
ไม่ ส่วนแกนนำ นปช. แดงทั้งแผ่นดิน
ซึ่งประกาศตัวอย่างซื่อสัตย์ว่าเป็นแนวปฏิรูปในโครงสร้าง
อาจยังไม่พร้อมและอาจกลัวว่าจะโดนป้ายสีว่าเป็นพวก “ล้มเจ้า”
ซึ่งเป็นข้ออ้างของอำมาตย์ไทยเพื่อเข่นฆ่าปราบปรามประชาชนมาตั้งแต่ ๖
ตุลาจนถึงวันนี้
สรุปแล้วเวลาเรารณรงค์เพื่อให้ยกเลิก 112
ในขบวนการเสื้อแดง เราต้องเป็นมิตรกับมวลชนที่อาจยังไม่เห็นด้วยกับเรา
เราต้องใจเย็นในการอธิบายและชักชวน
แต่เราต้องชักชวนอย่างต่อเนื่องให้มวลชนรากหญ้าของ นปช.
แดงทั้งแผ่นดินหันมาต่อต้านกฏหมาย 112 ซึ่งเป็นวิธี
สำคัญที่จะกดดันแกนนำให้เปลี่ยนใจด้วย และไม่แน่...
เราอาจกดดันต่อไปสู่พรรคเพื่อไทยในอนาคตก็ได้
แต่เราหวังพึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ได้อยู่ดี
ผู้
ที่สนใจแต่จะชี้หน้าด่าคนที่คิดต่างในแกนนำ นปช. หรือกล่าวหาคนเหล่านั้นว่า
“ไม่แน่จริง (เหมือนกู)” หรือป้ายร้ายว่า “ถูกซื้อตัว” หรือ
“มีสัญญาลับเรื่องการปรองดอง”
เป็นผู้ที่สนใจแต่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
และสนใจแต่จะแยกตัวปลีกตัวออกจากมวลชนผู้มีพลังจริงในการสร้างประชาธิปไตย
เพื่อไปสร้าง “กองกำลังปฏิวัติแท้” ซึ่งไม่มีวันบรรลุอะไรได้
นักปฏิวัติอย่างเลนินกับมาร์คซ์ พูดเสมอว่าต้องทำงานกับมวลชนที่ยังไม่พร้อม
เพื่อถกเถียงชักชวนให้เขาขยายความคิดและเปลี่ยนความคิด
และเขาพูดอีกว่าเราไม่ควรโกหกมวลชนด้วยนิยายเท็จ
หลายคนทราบดีว่าเมื่อวันที่ 12
มีนาคมที่ผ่านมา มีการ์ด นปช. จับสาวคนหนึ่งที่แจกใบปลิว
แล้วส่งคนนี้ให้ตำรวจ
ในด้านหนึ่งเราเข้าใจความหวาดกลัวของการ์ดหรือคนบนเวที
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และไม่ควรเกิดขึ้นอีก
แต่มีใครสักกี่คนในแวดวงไซเบอร์ที่ยอมรับว่า ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ออกมาพูดตรงๆ
ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น?
นอกจากการรณรงค์ให้ยกเลิก 112
จะแยกไม่ออกจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแล้ว
เราควรเข้าใจอีกเรื่องหนึ่งคือ ผู้ที่ใช้และปกป้องกฏหมายนี้สุดหัวใจคือทหาร
ทหารต้องการปกป้องกฏหมายนี้เพราะมันให้ความชอบธรรมในการแทรกแซงทางการเมือง
ซึ่งปกติแล้วทหารไม่มีความชอบธรรมตรงนี้ การที่คดี 112 เพิ่ม
ขึ้นอย่างรวดเร็วหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา เป็นเพราะนายทหารชั้นผู้ใหญ่สั่งมา
และสั่งลูกน้องอย่างอภิสิทธิ์หรือนักการเมืองประชาธิปัตย์อื่นๆ อีกด้วย
ลองย้อนกลับไปพิจารณาพระราชดำรัสเดือนธันวาคมปี 2548 มีการตรัสว่าการที่คนบอกว่า... “กษัตริย์ทำอะไรไม่ผิดนั้นเป็นการดูถูกกษัตริย์ เพราะทำไมกษัตริย์จึงจะทำผิดไม่ได้ เพราะแสดงให้เห็นว่าพวกเขามองกษัตริย์ไม่ใช่มนุษย์” .... “สมมติ
ว่าเราพูดอะไรผิด เพราะไม่ตระหนัก นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ทำผิดโดยไม่ตระหนัก และมาตระหนักว่ามันผิด
มันไม่ดีที่จะทำผิดโดยตระหนักว่าทำผิด แต่บางครั้งก็ไม่ได้ตระหนัก
ก็ต้องขอโทษ ถ้าพูดโดยไม่ตระหนัก การไม่ตระหนักคือการไม่ระวัง
ภายหลังก็จะเสียใจ” ... “ถ้าถือคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมดว่าเป็นการหมิ่น พระเจ้าอยู่หัวก็จะเสียหาย”
เราอาจตีความพระราชดำรัสนี้ได้หลายด้าน แต่สำหรับผม พออ่านแล้วชวนให้ผมเชื่อว่าคนที่ยังผลักดันการใช้กฏหมาย 112 คือทหาร เพื่อปกป้องทหารและพรรคพวกเอง
ด้วยเหตุนี้เราควรมองว่าอุปสรรค์สำคัญในการยกเลิกกฏหมาย 112
และการสร้างประชาธิปไตย คือกองทัพ
ซึ่งแปลว่าเราต้องมีข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปกองทัพอย่างถอนรากถอนโคนด้วย
และเราต้องชักชวนให้มวลชนเสื้อแดงมาร่วมรณรงค์เรื่องกองทัพกับเรา
ในระยะสั้น
1.เราควรแจกใบปลิว และเก็บลายเซ็นในจดหมายเปิดผนึกเพื่อยกเลิกกฏหมาย 112 ในมวลชนเสื้อแดง นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ในทุกโอกาส ทุกชุมชน
2. เราควรเปิดโปงและกดดันองค์กรต่างๆ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ Amnesty International ที่เผิกเฉยกับนักโทษ 112 หรือถึงกับสนับสนุนการใช้กฏหมายนี้ เราควรไปยื่นหนังสือและยืนประท้วง
3. เราควรรณรงค์สนับสนุนและไม่ลืมนักโทษ 112 ทุกคน อย่างที่มีการทำมาหลายปีแล้วแต่ควรขยายไปสู่มวลชนจำนวนมากกว่านี้
(ที่มา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น