หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

สังคมในฐานะตัวประกันถาวรของรัฐประหาร

สังคมในฐานะตัวประกันถาวรของรัฐประหาร


 
โดยประวิตร โรจนพฤกษ์


ในสังคมที่มีรัฐประหารที่ ‘ประสบความสำเร็จ’ 18 ครั้งในรอบแปดทศวรรษ คงเป็นการไม่ฉลาดนักที่ใครจะออกมาประกาศว่ารัฐประหารเป็นเรื่องของอดีตที่ ไม่มีวันเกิดขึ้นอีก แต่หากรัฐประหารก่อให้เกิดประชาธิปไตยได้จริง ป่านนี้ไทยคงเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดระดับต้นๆ ของโลกประเทศหนึ่งไปนานแล้วเพราะผ่านรัฐประหาร ‘เพื่อประชาธิปไตย’ มากว่า 18 ครั้งในรอบ 80 ปี

ในโอกาสวันคล้ายวันครบรอบ 6 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ผู้เขียนก็ไม่คิดว่าจะมีปัญญาชนสาธารณะผู้ใดจะกล้าฟันธงว่าเมืองไทยจะไม่มี รัฐประหารอีกแล้ว

หกปีหลังรัฐประหาร 19 กันยา ไม่มีนายพลคนใดต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไป ไม่มีแม้กระทั่งคำขอโทษหรือการแสดงความเสียใจต่อสาธารณะ หรือแม้แต่ต่อลุงนวมทอง ไพรวัลย์ แท็กซี่ผู้พลีชีพผูกคอตายต้านรัฐประหาร

ประชาชนคนไทยจำนวนมิน้อยยังคงยึดมั่นกับความเชื่อในเรื่อง ‘รัฐประหารที่ดี’ (‘good coup’) ว่าจะช่วยกำจัดการโกงกินของนักการเมืองให้หมดจากแผ่นดินไปได้ โดยที่พวกเขาอาจไม่ตระหนักว่าแท้จริงแล้วรัฐประหารคือส่วนหนึ่งของปัญหาการ เมืองไทยที่ทำให้ประเทศไม่สามารถเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงได้

หลายคนยังเชื่อว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่การก่อรัฐประหารแต่อยู่ที่ คมช. หรือคณะรัฐประหาร 19 กันยา ที่ไม่เด็ดขาดและปราศจากความสามารถที่จะกำจัด ‘ระบอบทักษิณ’ ให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย ทักษิณ ชินวัตร อาจเป็นนายกฯ ที่ลุแก่อำนาจ มีปัญหาซุกหุ้น ฆ่าตัดตอน ปราบปรามกรือเซะตากใบโดยไม่เคารพสิทธิในการมีชีวิตของผู้อื่น รวมถึงคุกคามสื่อที่เห็นต่างจากทักษิณในยุคที่เขาเป็นนายกฯ แต่รัฐประหารมิใช่ทางออก หากรัฐประหารได้นำสังคมไทยดิ่งลงสู่สภาพที่คนจำนวนมิน้อยได้ตัดสินใจว่าตน ไม่จำเป็นต้องยึดกติการ่วมใดๆ ในการต่อสู้ทางการเมืองอีกต่อไป


แม้คนเสื้อแดงจะเป็นผลพวงโดยไม่เจตนาของรัฐประหาร 19 กันยา 49 แต่คนที่เกลียดทักษิณจำนวนมิน้อยก็ยังคงถวิลหารัฐประหารที่ดีสมบูรณ์แบบ (perfect coup) ที่พวกเขาเชื่อว่าจะช่วยกวาดล้างการเมืองให้สะอาด อันเป็นความคิดมักง่ายและตื้นเขิน เพราะไม่มีการตั้งคำถามว่า อำนาจที่ไปกระจุกตัวอยู่กับคณะรัฐประหารนั้นตรวจสอบได้หรือไม่ และกองทัพบกและโดยเฉพาะคณะรัฐประหารมีปัญหาเรื่องคอรัปชั่นหรือใช้อำนาจไปใน ทางที่มิชอบด้วยหรือไม่?

ทัศนคติเช่นนี้สะท้อนความเชื่อที่ว่าหากคุณเชื่อว่าใครเป็น ‘คนดี’ เขาย่อมทำอะไรดีและถูกต้องโดยไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ เวลาบรรดา ‘คนดี’ ก่อรัฐประหาร พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องถูกตรวจสอบหรือถ่วงดุลอำนาจเหมือนกับผู้อื่น เหมือนกับ ‘คนชั่ว’

พูดง่ายๆ คือ คนไทยจำนวนมิน้อยยังคงเชื่อใน ‘ความดี’ และ ‘คนดี’ ที่ไม่จำเป็นต้องถูกตรวจสอบวิพากษ์หรือถ่วงดุลอำนาจใดๆ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แม้รัฐประหารจะขัดรัฐธรรมนูญ ขัดหลักประชาธิปไตย ก็ไม่เป็นไร เพราะผู้ที่สนับสนุนรัฐประหาร เชื่อใน ‘ความดี’ ของคณะรัฐประหาร 19 กันยา 2549 – ไม่เพียงแต่ไม่เป็นไร หากรัฐประหารยังเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมสรรเสริญดังที่มีประชาชนจำนวนหนึ่งนำ ดอกไม้ไปมอบให้ทหารเมื่อหกปีที่แล้ว และดังที่สื่อกระแสหลักส่วนใหญ่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนและไม่ละอายตนเองในบท บรรณาธิการและบททรรศนะว่า ‘รับได้’

หลายคนยังได้สรุปอีกว่า ในเมื่อคนเหล่านี้ชอบเลือกทักษิณนัก พวกเขาก็คงเลวเหมือนทักษิณ หรือมิเช่นนั้นก็โง่เสียจนถูกทักษิณหลอกและซื้อได้ หรือไม่ก็ทั้งเลวและโง่

ผลที่ตามมาคือความโกรธแค้นเจ็บปวดของประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งเลือก ตั้งส่วนใหญ่ที่เลือกทักษิณและพรรคไทยรักไทย ที่รู้สึกว่าพวกเขาเหมือนประชาชนชั้นสอง ที่มีคนที่อ้างตนว่ารู้ดีมีการศึกษามีคุณธรรมตัดสินแทนพวกเขาผ่านลำกระบอก ปืนและรถถัง จนในที่สุดนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดเดือนเมษาพฤษภาปี 2553 ที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครต้องออกมารับผิดชอบกับความตายกว่าเก้าสิบศพ

หกปีหลังรัฐประหาร 19 กันยา ไม่มีความพยายามอันใดในการปฏิรูปกองทัพ เพื่อที่จะให้กองทัพมีวินัยและอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลพลเรือนอย่างแท้จริง และไม่ไปจุ้นจ้านแทรกแทรงการเมืองอีกต่อไป ทุกวันนี้กองทัพบกยังคงเป็นเจ้าของฟรีทีวีสองในหกสถานี เป็นเจ้าของคลื่นวิทยุกว่า 60 เปอร์เซนต์ของทั้งประเทศ มีหุ้นจำนวนมหาศาลในธนาคารทหารไทย ผบ.ทบ. มักให้สัมภาษณ์เรื่องการเมืองเป็นนิจ แถมนักข่าวมักถาม ผบ.ทบ. เป็นระยะๆ ว่า: ‘ท่านคะๆ จะมีรัฐประหารเร็วๆ อีกหรือเปล่าคะ?’ – คำถามคือ มีประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงกี่ประเทศ ที่กองทัพบกมีอำนาจและอิทธิพลมากขนาดนี้?

ในสถานการณ์เช่นนี้ จำเป็นยิ่งที่สังคมไทยจะต้องปฏิรูปกองทัพ โดยเฉพาะกองทัพบก และควรมีขบวนการประชาชนที่จะผลักดันแคมเปญให้เกิดการปฏิรูป ความเชื่อเรื่องรัฐประหารที่ ‘ดี’ จะต้องถูกท้าทายอย่างตรงไปตรงมาและกว้างขวางเช่นกัน หากไม่สำเร็จ สังคมไทยก็จักยังคงต้องตกเป็นตัวประกันถาวรของการรัฐประหารต่อไป

ตำแหน่งที่หนึ่งในประเทศที่เสพติดรัฐประหารมากที่สุดในโลก มิใช่ตำแหน่งที่สังคมไทยควรภาคภูมิใจ นอกจากเสียแต่ว่าคนจำนวนมากติดรัฐประหารกันงอมแงมจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว


ป.ล. มีผู้ที่สนับสนุนรัฐประหารคนหนึ่งในทวีตภพบอกผมว่า รัฐประหารคราวหน้า ทหารมิควรยึดแต่สถานีโทรทัศน์ หากควรปิดอินเทอร์เน็ตด้วย – ทั้งนี้คงเป็นเพราะทุกวันนี้ การถกเถียงเชิงวิพากษ์เกี่ยวกับการเมือง ขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้งในโลกไซเบอร์


(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/09/42706

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น