หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

ถอดรหัส′โพล′ ตีกรอบ′การแข่งขัน′ ฤดูกาลใหม่′เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์

ถอดรหัส′โพล′ ตีกรอบ′การแข่งขัน′ ฤดูกาลใหม่′เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์




โพลล่าสุดของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 กันยายน มีตัวเลขเชิงเปรียบเทียบที่น่าสนใจ

ภายใต้ หัวข้อ 1 ปีรัฐบาล ประชัน 1 ปีฝ่ายค้าน

เป็น การเปรียบเทียบระหว่าง รัฐบาลที่นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฝ่ายค้าน ที่นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

หลังจากขับเคี่ยวกันมา 1 ปี จนเดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 2

ใครประสบความสำเร็จ ใครล้มเหลว ประชาชนเป็นผู้กดคะแนน ผ่านผลสำรวจ ครั้งนี้

ในคำถามถึงความพอใจต่อนโยบายสาธารณะ อาทิ นโยบายด้านสุขภาพ และการป้องกันภัยพิบัติ

ตัวเลขเทไปทางพรรคเพื่อไทย

นโยบายค่าครองชีพ และแก้ปัญหายาเสพติด คะแนนพอใจของพรรคเพื่อไทยสูงกว่า ก็จริง แต่ยังไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์

ส่วนนโยบายด้านการศึกษา พรรคประชา ธิปัตย์ชนะ ด้วยคะแนนพอใจ ร้อยละ 46.7

ขณะที่พอใจพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 40.2

นโยบายด้านสินค้าทางการเกษตร ตัวเลขไม่ต่างกันนัก ร้อยละ 34.5 พอใจต่อพรรค เพื่อไทย ร้อยละ 35.1 ต่อพรรคประชาธิปัตย์

เป็นตัวเลขที่เตือนให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งสปีดการทำงานทันที 


ในเรื่อง "จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส" ของ 2 พรรค


การ แข่งขันทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตย การเข้าถึงประชาชน เป็นรัฐบาลจากเลือกตั้ง ความชัดเจนในนโยบายสาธารณะ ร้อยละ 52.6 ระบุพรรคเพื่อไทยมีจุดแข็งมากกว่า ส่วนพรรคประชาธิปัตย์อยู่ ที่ร้อยละ 34.1

ถือว่าต่างกันมาก

ส่วน "จุดอ่อน" เช่น ไม่แข่งขันกันในเชิงนโยบายสาธารณะ เอาแต่เล่นการเมือง มุ่งแย่งชิงอำนาจกันเกินไป คอยแต่จับผิดแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ผิดจริยธรรมทางการเมือง ฯลฯ



พรรคประชาธิปัตย์ "กินขาด" ร้อยละ 50.5 ขณะที่พรรคเพื่อไทยมีเพียงร้อยละ 28.2
ตัวเลขนี้ไม่น่าจะต้องกังขา เพราะบทบาทของฝ่ายค้านในเรื่องนี้เห็นชัดมาตลอด

"โอกาส" ของทั้งสองพรรค เช่น มีอำนาจบริหารจัดการงบประมาณ และทรัพยากรของประเทศ มีอำนาจบริหารประเทศ

ตัวเลขพอๆ กัน 45.4 เป็นของพรรคเพื่อไทยและร้อยละ 45.9 เป็นของพรรคประชาธิปัตย์

ขณะ ที่ "ปัญหาอุปสรรค" เช่น การ ชุมนุมประท้วงหรือม็อบต่างๆ ความขัดแย้งภายในรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาล พบว่า ร้อยละ 44.6 เป็นของพรรคเพื่อไทย

และร้อยละ 49.6 เป็นของพรรคประชาธิปัตย์

เป็นตัวเลขที่เข้าใจได้เช่นกัน

ประเด็นที่ว่า ควรให้โอกาสนายกฯ

ยิ่งลักษณ์ทำงานต่อไปหรือไม่

ตัวเลขล้นหลาม ร้อยละ 83.6 ระบุควร ให้โอกาสทำงานต่อไป ในขณะที่ร้อยละ 16.4 ระบุไม่ควรให้โอกาสแล้ว

ยัง มีอีกประเด็น ร้อยละ 80.3 ระบุควรให้โอกาส พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทยเพื่อต่อสู้ในทุกคดี ในขณะที่ร้อยละ 19.7 ระบุไม่ควรให้โอกาส

ถามถึงผลงานของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ร้อยละ 74.3 ยังจำได้ ร้อยละ 25.7 จำไม่ได้แล้ว

สาเหตุ ที่จะทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่มั่นคง พบว่า ร้อยละ 90.2 ระบุปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น รองลงมาคือ ร้อยละ 81.7 ระบุความขัดแย้ง แย่งชิงผลประโยชน์ของคนในฝ่ายรัฐบาลเอง

ช่วงเวลาที่สนับสนุนให้ รัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรทำงานต่อไป พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 55.2 ระบุมากกว่า 2 ปีจนครบวาระ

แปลความว่าเสียงในโพลส่วนมาก สนับสนุนให้นายกฯยิ่งลักษณ์ทำงานตั้งแต่ 2 ปีจนครบเทอม
ตัวเลขของเอแบคโพลล์ นอกจากทำให้เห็นภาพรวมของอารมณ์ความรู้สึกของประชาชน

ยังเป็นการชี้ "ขุมทรัพย์" ให้พรรค การเมืองที่เกี่ยวข้อง

เว้นแต่อคติ ทิฐิมานะจะบดบัง จนมองไม่เห็นคุณค่าของขุมทรัพย์
โพลหน้า อาจจะหนักกว่านี้


(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1347344025&grpid=01&catid=&subcatid= 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น