มาศึกษาการปฏิวัตกันเถอะ
เกล็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ชวนให้อดขำไม่ได้คือ
การที่ชาวบ้านชาวช่องเกลียดชังกษัตริย์ฝรั่งเศสจนพร้อมที่จะเชื่อข่าวลือ
อะไรก็ได้ที่วาดภาพพวกนั้นให้เป็นปีศาจ น่าเกลียดน่ากลัว
ประชาชนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกำจัดพวกศักดินา
หรือในด้านตรงกันข้ามกษัตริย์ฝรั่งเศสพระเจ้าหลุยส์นั้นอ่อนแอมากไม่กล้าทำ
อะไรแต่มีความต้องการอยู่ในอำนาจ ส่วนเมียหรือพระนางมารีอองตอนเนส
นั้นก็โลภมาก ชอบเครื่องเพชรขึ้นชื่อว่าโง่และโหดเหี้ยม
โดย สมุดบันทึกสีแดง
สภาพการเมืองไทยปัจจุบันมันชวนให้เราหงุดหงิดได้ง่ายมาก เพราะอะไรหลายๆ
อย่าง มันย่ำอยู่กับที่แถมมีทีท่าว่าจะแย่ลงไปอีก
นักการเมืองเพื่อไทยก็ปล่อยและเปิดทางให้กลุ่มเพื่ออาชญากร
(คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ:คอป)
มาเสนอรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทหารเข่นฆ่าประชาชนผู้รักประชาธิปไตย
อย่างหน้าด้านๆ
หรือไม่ก็ออกมากล่อมเกลาให้คนเสื้อแดงเชื่อว่าเราต้านทานอำนาจข้างบนไม่ไหว
ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป,
ภารกิจของเราคือปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งส่วนคนที่ติดคุกก็ติด
คุกอยู่อย่างนั้น, เรื่อง 112 เฮ็งซวยอย่างไรก็จะยังคงเป็นอยู่ต่อไป
ซึ่งเป็นลักษณะจุดยืนของพรรคการเมืองที่ทรยศต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย และ
ยินยอมพร้อมใจที่เกี่ยวก้อยและปกป้องกับอำนาจเก่า
ซึ่งนักการเมืองแบบนี้ไม่มีคุณค่าอะไรให้ปกป้องเลย
เดือนตุลาคม ก็เวียนมาบรรจบอีกรอบ เหตุการณ์อัปยศอันสุดสยองที่ฝ่ายอำมาตย์กระทำย่ำยีกับนักศึกษาผู้รัก ประชาธิปไตย ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และเหตุการณ์อื่นอีกเช่นเดียวกัน ก็ยังคงไม่ถูกนำมาลงโทษ ยังเดินเชิดหน้าชูตาลอยเด่นเป็นกาฝากอยู่ในสังคม
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราก็คงต้องตั้งหน้าตั้งตาเถียงกับคนยังหลับหูหลับตาสนับสนุนพรรคเพื่อ ไทยแบบเป็นกองเชียร์ต่อไป พร้อมๆ กันนั้นผู้เขียนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่พวกเราต้องศึกษา ประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงสังคมจากที่ต่างๆ ดูว่าเขาทำกันอย่างไรเพื่อเพิ่มความแหลมคมให้กับการถกเถียง โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ที่เน้นบทบาทของคนธรรมดาที่สามารถพลิกคว่ำระบบเก่าได้ อย่างไร จากนั้นเขาสร้างสังคมใหม่ที่เขาฝันถึงได้อย่างไรบ้าง
ตอนนี้ผู้เขียนเริ่มอ่านการปฏิวัติฝรั่งเศส...ต้องออกตัวก่อนว่ายังไม่จบดี แต่มันก็มีหลายๆ ประเด็นหลายๆ เรื่องที่น่าสนใจมากซึ่งอยากจะเอามาแชร์กับผู้อ่านชาวเลี้ยวซ้าย[1]
เล่มแรกเป็นวรรณกรรมเล่มอ้วนๆ แต่เนื้อหาในเรื่องนั้นเร้าใจมาก... หลายฉากหลายซีนมันเหมือนกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ใครอ่านภาษาอังกฤษได้ขอแนะนำให้ซื้อมาอ่านเลย The great place of safety โดย Hilary Mantel เป็นวรรณกรรมการเมืองที่อิงประวัติศาสตร์จริงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ผู้เขียนอ่านมา ระดับการค้นคว้าของเธอนั้นไม่ต้องพูดถึง “ยกนิ้วโป้งสองนิ้วให้เลย” แต่ก็เตือนไว้ก่อนว่าถ้าไม่ค่อยรู้ประวัติศาสตร์การปฏิวัติฝรั่งเศสนั้น จะไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่
ถ้าอ่านประวัติศาสตร์ยุโรปไปพร้อมๆ กันก็จะทำให้ได้อรรถรสมากขึ้น ซึ่งสมัยนั้นได้เข้าสู่ระบบทุนนิยมแล้ว มันจะมีประเด็นพวกเก็งกำไร กักสินค้าเพื่อปั่นราคา การปล่อยกู้ของนายธนาคาร การแข่งกันเพื่อล่าอาณานิคม การเปิดตลาดใหม่ๆ การเกิดขึ้นมาของชนชั้นกฎุมพีและนายทุนซึ่งต้องการมีบทบาทและแชร์อำนาจกับชน ชั้นปกครองเดิม สิ่งเหล่านี้มันไปกันไม่ได้กับโครงสร้างเก่าเพราะมันเทอะทะไม่สอดคล้องและ เป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจแบบทุนนิยม การเปลี่ยนแปลงที่มันเกิดขึ้นในฝรั่งเศสมันสะเทือนทั้งทวีป ซึ่งมีหลายประเทศปกครองโดยใช้ระบบกษัตริย์และพวกนั้นมีพยายามที่จะทำลายการ ปฏิวัติฝรั่งเศสและต้องการดึงระเบียบเก่าเข้ามาแทนที่
เกล็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ชวนให้อดขำไม่ได้คือ การที่ชาวบ้านชาวช่องเกลียดชังกษัตริย์ฝรั่งเศสจนพร้อมที่จะเชื่อข่าวลือ อะไรก็ได้ที่วาดภาพพวกนั้นให้เป็นปีศาจ น่าเกลียดน่ากลัว ประชาชนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกำจัดพวกศักดินา หรือในด้านตรงกันข้ามกษัตริย์ฝรั่งเศสพระเจ้าหลุยส์นั้นอ่อนแอมากไม่กล้าทำ อะไรแต่มีความต้องการอยู่ในอำนาจ ส่วนเมียหรือพระนางมารีอองตอนเนส นั้นก็โลภมาก ชอบเครื่องเพชรขึ้นชื่อว่าโง่และโหดเหี้ยม
หลังจากครอบครัวหลุยส์ถูกตัดหัวจากนั้นก็ถึงคิวพวกอำนาจเก่า ซึ่งเพชฌฆาตมืออาชีพที่มีความรู้เกี่ยวกับสรีระร่างกายมีอยู่น้อยและไม่ เพียงพอต่อความต้องการ การถูกตัดหัวโดยเพชฌฆาตมือใหม่นั้นไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ บ่อยครั้งมันเต็มไปด้วยความสยดสยองเพราะต้องฟันหลายรอบ ดังนั้นคุณหมอกิโยตินจึงได้ประดิษฐ์เครื่องกิโยตินขึ้นมาเพื่อการประหาร ชีวิตเป็นไปด้วยความรวดเร็วและผู้ถูกประหารชีวิตไม่เจ็บปวดมากเกินไป
ส่วนฮีโร่นั้น นี่เลย M.M. J. Roberspierre(โรบสเปียร์) ในไทยคนแปลชอบบอกว่าเขาเป็นสายหัวรุนแรง(เป็นแง่ลบ) แต่ในความเป็นจริงนั้น โรสเปียร์ เป็นซีกที่ก้าวหน้ามากที่สุดของการปฏิวัติฝรั่งเศส เป็นผู้ที่ได้รับความนิยมสูงมากจากชาวปารีส เขาเป็นคนเสนอให้พระนิกายคาทอริกมีเมียได้ เรียกร้องให้ยกเลิกโทษประหารชีวิต แต่ไม่สำเร็จ สนับสนุนสิทธิของชายรักชาย ปฏิรูประบบการถือครองที่ดิน ยกเลิกระบบทาสในอาณานิคม และเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงว่า “เป็นผู้ที่ซื้อไม่ได้ ซื่อสัตย์ ซื่อตรงมากที่สุด”
ประเด็นที่ตราตรึงใจผู้เขียนมากที่สุดคือ การจัดตั้งจากข้างล่างอย่างเข้มแข็งและการใช้ประชาธิปไตยทางตรงเพื่อควบคุม ผู้นำ หลังจากคุกบาสตีย์ถูกทำลายมีหนังสือพิมพ์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั้งๆ ที่ประชากรโดยส่วนใหญ่ของฝรั่งเศสขณะนั้นอ่านหนังสือกันได้น้อย
ลักษณะการรุกสู้ผลักการปฏิวัติให้ก้าวไปข้างหน้าโดยนักปฏิวัติ ผ่านประเด็นสำคัญๆ ซึ่งบางครั้งฝ่ายก้าวหน้าแพ้ข้อถกเถียงทางการเมือง เช่น การปฏิรูปการเมือง การสถาปนาการเป็นพลเมือง การทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน การควบคุมราคาอาหาร การจลาจรของคนงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตในการทำงานเฉพาะหน้า จนนำมาสู่ข้อเรียกร้องทางการเมือง ฯลฯ
ในขณะที่ทหารบางส่วน นักการเมืองและขุนนาง พระ ต้องการประนีประนอมกับระบบเดิม เมื่อมาถึงจุดๆ หนึ่ง การประนีประนอมมันใช้ไม่ได้ พวกกฎุมพีถูกกดดันโดยมวลชนให้ออกเสียงต่อหน้ามวลชนเพื่อตัดหัวกษัตริย์และ ล้มเลิกระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ถึงแม้ว่าการปฏิวัติมีอายุอยู่ได้ไม่นานแต่ความยิ่งใหญ่และบทเรียนอันสำคัญๆ ในการปฏิวัติฝรั่งเศสไม่เคยเสื่อมคุณค่าเลย
เดือนตุลาคม ก็เวียนมาบรรจบอีกรอบ เหตุการณ์อัปยศอันสุดสยองที่ฝ่ายอำมาตย์กระทำย่ำยีกับนักศึกษาผู้รัก ประชาธิปไตย ในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และเหตุการณ์อื่นอีกเช่นเดียวกัน ก็ยังคงไม่ถูกนำมาลงโทษ ยังเดินเชิดหน้าชูตาลอยเด่นเป็นกาฝากอยู่ในสังคม
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราก็คงต้องตั้งหน้าตั้งตาเถียงกับคนยังหลับหูหลับตาสนับสนุนพรรคเพื่อ ไทยแบบเป็นกองเชียร์ต่อไป พร้อมๆ กันนั้นผู้เขียนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากที่พวกเราต้องศึกษา ประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงสังคมจากที่ต่างๆ ดูว่าเขาทำกันอย่างไรเพื่อเพิ่มความแหลมคมให้กับการถกเถียง โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ที่เน้นบทบาทของคนธรรมดาที่สามารถพลิกคว่ำระบบเก่าได้ อย่างไร จากนั้นเขาสร้างสังคมใหม่ที่เขาฝันถึงได้อย่างไรบ้าง
ตอนนี้ผู้เขียนเริ่มอ่านการปฏิวัติฝรั่งเศส...ต้องออกตัวก่อนว่ายังไม่จบดี แต่มันก็มีหลายๆ ประเด็นหลายๆ เรื่องที่น่าสนใจมากซึ่งอยากจะเอามาแชร์กับผู้อ่านชาวเลี้ยวซ้าย[1]
เล่มแรกเป็นวรรณกรรมเล่มอ้วนๆ แต่เนื้อหาในเรื่องนั้นเร้าใจมาก... หลายฉากหลายซีนมันเหมือนกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ใครอ่านภาษาอังกฤษได้ขอแนะนำให้ซื้อมาอ่านเลย The great place of safety โดย Hilary Mantel เป็นวรรณกรรมการเมืองที่อิงประวัติศาสตร์จริงที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ผู้เขียนอ่านมา ระดับการค้นคว้าของเธอนั้นไม่ต้องพูดถึง “ยกนิ้วโป้งสองนิ้วให้เลย” แต่ก็เตือนไว้ก่อนว่าถ้าไม่ค่อยรู้ประวัติศาสตร์การปฏิวัติฝรั่งเศสนั้น จะไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่
ถ้าอ่านประวัติศาสตร์ยุโรปไปพร้อมๆ กันก็จะทำให้ได้อรรถรสมากขึ้น ซึ่งสมัยนั้นได้เข้าสู่ระบบทุนนิยมแล้ว มันจะมีประเด็นพวกเก็งกำไร กักสินค้าเพื่อปั่นราคา การปล่อยกู้ของนายธนาคาร การแข่งกันเพื่อล่าอาณานิคม การเปิดตลาดใหม่ๆ การเกิดขึ้นมาของชนชั้นกฎุมพีและนายทุนซึ่งต้องการมีบทบาทและแชร์อำนาจกับชน ชั้นปกครองเดิม สิ่งเหล่านี้มันไปกันไม่ได้กับโครงสร้างเก่าเพราะมันเทอะทะไม่สอดคล้องและ เป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจแบบทุนนิยม การเปลี่ยนแปลงที่มันเกิดขึ้นในฝรั่งเศสมันสะเทือนทั้งทวีป ซึ่งมีหลายประเทศปกครองโดยใช้ระบบกษัตริย์และพวกนั้นมีพยายามที่จะทำลายการ ปฏิวัติฝรั่งเศสและต้องการดึงระเบียบเก่าเข้ามาแทนที่
เกล็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ชวนให้อดขำไม่ได้คือ การที่ชาวบ้านชาวช่องเกลียดชังกษัตริย์ฝรั่งเศสจนพร้อมที่จะเชื่อข่าวลือ อะไรก็ได้ที่วาดภาพพวกนั้นให้เป็นปีศาจ น่าเกลียดน่ากลัว ประชาชนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกำจัดพวกศักดินา หรือในด้านตรงกันข้ามกษัตริย์ฝรั่งเศสพระเจ้าหลุยส์นั้นอ่อนแอมากไม่กล้าทำ อะไรแต่มีความต้องการอยู่ในอำนาจ ส่วนเมียหรือพระนางมารีอองตอนเนส นั้นก็โลภมาก ชอบเครื่องเพชรขึ้นชื่อว่าโง่และโหดเหี้ยม
หลังจากครอบครัวหลุยส์ถูกตัดหัวจากนั้นก็ถึงคิวพวกอำนาจเก่า ซึ่งเพชฌฆาตมืออาชีพที่มีความรู้เกี่ยวกับสรีระร่างกายมีอยู่น้อยและไม่ เพียงพอต่อความต้องการ การถูกตัดหัวโดยเพชฌฆาตมือใหม่นั้นไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ บ่อยครั้งมันเต็มไปด้วยความสยดสยองเพราะต้องฟันหลายรอบ ดังนั้นคุณหมอกิโยตินจึงได้ประดิษฐ์เครื่องกิโยตินขึ้นมาเพื่อการประหาร ชีวิตเป็นไปด้วยความรวดเร็วและผู้ถูกประหารชีวิตไม่เจ็บปวดมากเกินไป
ส่วนฮีโร่นั้น นี่เลย M.M. J. Roberspierre(โรบสเปียร์) ในไทยคนแปลชอบบอกว่าเขาเป็นสายหัวรุนแรง(เป็นแง่ลบ) แต่ในความเป็นจริงนั้น โรสเปียร์ เป็นซีกที่ก้าวหน้ามากที่สุดของการปฏิวัติฝรั่งเศส เป็นผู้ที่ได้รับความนิยมสูงมากจากชาวปารีส เขาเป็นคนเสนอให้พระนิกายคาทอริกมีเมียได้ เรียกร้องให้ยกเลิกโทษประหารชีวิต แต่ไม่สำเร็จ สนับสนุนสิทธิของชายรักชาย ปฏิรูประบบการถือครองที่ดิน ยกเลิกระบบทาสในอาณานิคม และเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงว่า “เป็นผู้ที่ซื้อไม่ได้ ซื่อสัตย์ ซื่อตรงมากที่สุด”
ประเด็นที่ตราตรึงใจผู้เขียนมากที่สุดคือ การจัดตั้งจากข้างล่างอย่างเข้มแข็งและการใช้ประชาธิปไตยทางตรงเพื่อควบคุม ผู้นำ หลังจากคุกบาสตีย์ถูกทำลายมีหนังสือพิมพ์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั้งๆ ที่ประชากรโดยส่วนใหญ่ของฝรั่งเศสขณะนั้นอ่านหนังสือกันได้น้อย
ลักษณะการรุกสู้ผลักการปฏิวัติให้ก้าวไปข้างหน้าโดยนักปฏิวัติ ผ่านประเด็นสำคัญๆ ซึ่งบางครั้งฝ่ายก้าวหน้าแพ้ข้อถกเถียงทางการเมือง เช่น การปฏิรูปการเมือง การสถาปนาการเป็นพลเมือง การทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน การควบคุมราคาอาหาร การจลาจรของคนงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตในการทำงานเฉพาะหน้า จนนำมาสู่ข้อเรียกร้องทางการเมือง ฯลฯ
ในขณะที่ทหารบางส่วน นักการเมืองและขุนนาง พระ ต้องการประนีประนอมกับระบบเดิม เมื่อมาถึงจุดๆ หนึ่ง การประนีประนอมมันใช้ไม่ได้ พวกกฎุมพีถูกกดดันโดยมวลชนให้ออกเสียงต่อหน้ามวลชนเพื่อตัดหัวกษัตริย์และ ล้มเลิกระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ถึงแม้ว่าการปฏิวัติมีอายุอยู่ได้ไม่นานแต่ความยิ่งใหญ่และบทเรียนอันสำคัญๆ ในการปฏิวัติฝรั่งเศสไม่เคยเสื่อมคุณค่าเลย
เชิงอรรถ
[1]ดูเหมือนว่าในไทยมีแปลออกมาบ้างทั้งเป็นบทความและเป็นหนังสือ เช่น
งานของ จรัล ดิษฐาอภิชัย(การปฏิวัติฝรั่งเศส 1-2)
ซึ่งบอกเล่าลำดับเหตุการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง....อย่างไรก็ตามการ
ปฏิวัติฝรั่งเศสนั้นมีการตีความระหว่างซีกซ้ายกับซีกขวาตลอดเวลา
(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/11/blog-post_14.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น