หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ทำไมกฎหมายหมิ่นฯเป็นสิ่งที่แย่และเลวทราม(ก.พ. ๒๕๕๒)

ทำไมกฎหมายหมิ่นฯเป็นสิ่งที่แย่และเลวทราม(ก.พ. ๒๕๕๒)

 

 

http://redthaisocialist.com/plugins/content/jw_allvideos/includes/download.php?file=images/stories/videos/112.wmv

โดย ใจ อึ๊งภากรณ์


การที่ไทยมีกฎหมายหมิ่น พระบรมเดชานุภาพ ถือว่ามีไว้เพื่อเป็นการเล่นงานข่มขู่สิทธิเสรีภาพในการพูด และสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการอย่างโหดร้าย ผลกระทบคือเรา ไม่มีประชาธิปไตยที่เต็มใบและไม่มีมาตราฐานทางวิชาการในมหาวิทยาลัยของเรา แบบที่นานาประเทศมีอยู่ บรรยากาศ ที่น่ากลัวแบบนี้จะทำให้คุณภาพทางวิชาการเลวลงเพราะทุกคนเลี่ยงเมื่อพูดถึง เรื่องจริง เสี่ยงที่จะวิเคราะห์และการโต้แย้งอย่างมีเหตุมีผล ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับแวดวงวิชาการ คุณภาพการศึกษาในประเทศเราจึงด้อยพัฒนา และสอนให้เด็กกลัวที่จะคิดเองเป็น

คุณภาพ การศึกษาแย่ๆแบบนี้เริ่มต้นมาจากชั้นประถมและเรื่อยมาจนถึงระบบการศึกษาขั้น สูง นักเรียนถูกสอนให้เรียนด้วยการท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองและให้เขียนเรียงความ ประเภทบรรยาย ที่มีแต่ความเห็นด้านเดียว นักวิชาการปฎิเสธที่จะถกเถียง และไม่อ่านงานเขียนของคนที่มีความเห็นแตกต่างจากตัวเองจนการโต้แย้งจากนัก วิชาการด้วยกันมาถือเป็นการทะเลาะส่วนตัว
 
ราชวงศ์ ไทยถูกกล่าวว่าเป็นสุดที่รักของชาวไทยทั้งปวง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง แต่เราต้องเข้าใจว่าในสังคมไทยมีบรรยากาศแห่งความกลัวอันเนื่องมาจากกฎหมาย หมิ่นฯ พร้อมกันกับการโปรโมทราชวงศ์อย่างบ้าคลั่ง จน กษัตริย์ถูกยกย่องให้เป็นอัจฉริยะในทุกด้าน แถลงการณ์ทุกฉบับที่ออกมาจากกษัตริย์จะถูกแถลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าเป็น คำสั่งสอนอันสูงสุดและกษัตริย์ได้ถูกอ้างว่าเป็น“บิดาของเรา” และ เมื่อไม่นานมานี้ลูกจ้างทั้งของเอกชนและของรัฐถูกสั่งให้ใส่เสื้อเหลืองทุก วันจันทร์หรือใส่ดำทั้งปีเพื่อไว้ทุกข์ หลายๆคนมองว่าเปรียบเหมือนกับประเทศเกาหลีเหนือ รัฐแทรกแซงในชีวิตคนถึงขนาดที่กำหนดว่าเราต้องใส่เสื้อสีอะไร

อีกหนึ่งตัวอย่างคือนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง เมื่อ กษัตริย์กล่าวถึงเศรษฐกิจพอเพียง เราทั้งหมดจะต้องยอมรับและชื่นชมโดยไม่มีคำถามใดๆ แต่เศรษฐกิจพอเพียงเป็นลัทธิทางการเมืองซึ่งสอนให้คนพึงพอใจกับสถานะความยาก จนของตัวเองและให้เลิกนึกถึงความเสมอภาค โชคดีที่ว่ามุมมองแบบล้างสมองเช่นนี้ไม่ได้ผลนักในสังคมไทย เพราะสังคมซึ่งไม่มีการโต้แย้งทั้งด้านนโยบายเศรษฐกิจและการเมืองอย่างเปิด เผยด้วยเหตุผล จะเป็นสังคมแห่งคนปัญญาอ่อนที่ด้อยพัฒนา แต่ในไทยแค่การวิจารณ์เศรษฐกิจพอเพียงนิดหน่อยถึงกับต้องโดนข้อกล่าวหาจาก กฎหมายหมิ่นฯ

อะไรคือเป้าหมายของความพยายามทั้งหมดในการบังคับเรื่องโง่ๆกับประชาชน? มัน เป็นการพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะควบคุมคนไทยส่วนใหญ่ไม่ให้แตกแถวคิดเองและ เป็นมนุษย์ เราถูกชักชวนให้เชื่อว่ากษัตริย์มีอำนาจล้นฟ้า ในความเป็นจริงแล้วตามรัฐธรรมนูญ กษัตริย์ไทยเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่คนไทยถูกสอนให้เชื่อว่าเราอาศัยอยู่ภายใต้“ระบบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแบบสมัยก่อน” เป็น การผสมระหว่างระบบศักดินาสมบูรณาญาสิทธิราชย์และกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญเอง ประชาชนต้องคลานกับพื้นเมื่ออยู่ต่อหน้ากษัตริย์ แต่ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้คือกองทัพ ข้าราชการหัวเก่า และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่กษัตริย์ อย่างไรก็ตามกษัตริย์ก็ไม่ออกมาพูดอะไร

กองทัพได้ประกาศเสมอว่ากองทัพคือ“ผู้พิทักษ์กษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ”แต่ กองทัพไทยมีประวัติอันยาวนานในการก่อรัฐประหารและทำลายระบบประชาธิปไตยอันมี กษัตริย์เป็นประมุข ตัวอย่างที่เห็นได้ดีคือการทำรัฐประหาร 19 กันยายน กองทัพได้หาวิธีที่จะให้การทำรัฐประหารมีความชอบธรรมด้วยการนำกษัตริย์มา อ้าง พันธมิตรฯ ก็เช่นกัน ใช้กษัตริย์อ้างความชอบธรรมในการก่ออาชญากรรม ศาลก็อ้างกษัตริย์ในการปิดปากประชาชนเพื่อทำอะไรโดยไม่มีความโปร่งใส

กฎหมาย หมิ่นฯถูกใช้เป็นเครื่องมือของกองทัพและพวกอื่นๆ เช่นข้าราชการชั้นสูง ศาล และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคที่ไม่เคยชนะเสียงข้างมาก เพื่อจะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองแทนที่จะปกป้องกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ขณะนี้กฎหมายหมิ่นฯได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำหรับปราบคนที่วิจารณ์รัฐ ประหารและอำมาตย์ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นฝ่ายนิยมระบบกษัตริย์หรือฝ่ายนิยมสาธารณรัฐ

สรุปแล้วกฎหมายหมิ่นฯ ทำให้เราไม่มีสิทธิเสรีภาพ ไม่มีคุณภาพทางปัญญาในสถานที่ศึกษา ไม่มีความยุติธรรมในศาล 

แต่ การรณรงค์ล้างสมองแบบนี้เริ่มล้มเหลว ประชาชนหูตาสว่างขึ้น และกระบวนการนี้เกิดในช่วงที่กษัตริย์ชรา และอีกไม่นานก็จะสิ้นชีวิต คงไม่มีใครสามารถอ้างว่าพระราชโอรสได้รับความเคารพรัก นี่คือสิ่งที่พวกทหาร พันธมารและประชาธิปัตย์กลัว คือเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมของเขากำลังอ่อนตัวลง การวิจารณ์กษัตริย์ได้หนาหูขี้นมาก ความชอบธรรมของสถาบันเข้าสู่วิกฤติแล้ว เนื่องจากการกระทำของกองทัพและฝ่ายอื่นที่ร่วมกัน แต่เขายังมีความพยายามต่อไป เช่นการรณรงค์แบบรัฐตำรวจให้ไทยกลายเป็นชาติของเด็กขี้ฟ้อง 

กษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญในประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างยุโรปตะวันตก ส่วนมากจะมีเสถียรภาพและถูกตรวจสอบได้จากสาธารณะ ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่ากฎหมายหมิ่นฯของไทยไม่ใช่เป็นการนำเสถียรภาพมาสู่ สถาบัน แต่เป็นการนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์อย่างอื่น

น่า เสียดายที่บรรยากาศแห่งความกลัวที่เกิดขึ้น และการเลือกข้างผิด เลือกข้างเผด็จการ ทำให้ภาคประชาชนเก่า เอ็นจีโอ และนักวิชาการส่วนใหญ่ หมดสภาพในการเป็นส่วนหนึ่งของประชาสังคมที่ขยายพื้นที่ประชาธิปไตย นักวิชาการหลายๆฝ่ายพิสูจน์ว่าหมดสภาพในการวิเคราะห์ความจริงอีกด้วย นี่คือยุคแห่งความโง่เขลาป่าเถื่อนของระเบียบใหม่อำมาตย์ แต่พลเมืองเสื้อแดงและผู้รักประชาธิปไตยจะเดินหน้าสร้างสังคมใหม่ที่มี เสรีภาพ

(ที่มา) http://redthaisocialist.com/2011-01-20-12-41-04/107-2011-02-27-15-41-32.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น