ทำไมพวกเราที่อังกฤษฉลองวันตายของทรราชแทชเชอร์
โดย อ.ใจ อึ๊งภากรณ์
พวก
เราชาวสหภาพแรงงานและฝ่ายซ้าย รวมถึงกรรมาชีพธรรมดาๆ ในอังกฤษ
รอวันตายของทรราช “แม่มดชั่วแทชเชอร์” อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษมานาน
ในวันตายของเขาและวันต่อๆ มา มีการจัดงานฉลองกันในเมืองต่างๆ
และในประเทศอื่นเช่นออสเตรเลีย และหลายประเทศของยุโรปเช่นไอร์แลนด์
ก็มีคนที่ดีใจจำนวนมาก นอกจากนี้เพลง “แม่มดชั่วตายแล้ว”
จากภาพยนต์เด็กสมัยก่อนขึ้นมาเป็นเพลงยอดนิยมอันดับหนึ่งในอังกฤษ ทำไม?
แทชเชอร์ช่วงชิงการนำในพรรคนายทุน(พรรคคอนเซอร์เวทิฟ)
หลังจากที่นายกรัฐบมนตรี เอดเวอร์ด ฮีธ
จากพรรคเดียวกันพ่ายแพ้การเผชิญหน้ากับสหภาพเหมืองถ่านหินในปี 1972 ก่อน
หน้านั้นแทชเชอร์ขึ้นชื่อว่าเป็น “แทชเชอร์ขโมยนมเด็ก”
ในขณะที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการศึกษา
เพราะไปตัดนมฟรีที่เด็กอังกฤษเคยได้ในโรงเรียนภายใต้รัฐสวัสดิการ
แทชเชอร์เป็นนักการเมืองขวาจัดที่คลั่งกลไกตลาดเสรี
เขามองว่าภารกิจอันยิ่งใหญ่ของเขาคือการทำลายอำนาจต่อรองของสหภาพแรงงาน
และการทำลายรัฐสวัสดิการ ก่อนที่จะชนะการเลือกตั้งในปี 1979 เขา
ออกมาปลุกกระแสเหยียดคนต่างชาติ
โดยพูดทำนองว่าคนอังกฤษรู้สึกถูกคลื่นคนต่างชาติท่วมบ้านเมือง
คำพูดแบบนี้จากนักการเมืองย่อมนำไปสู่การที่คนผิวดำโดนทำร้ายฆ่าตามถนน
และทำให้พวกฟาสซิสต์มั่นใจมากขึ้น ผมเองก็เป็น “คนต่างชาติ” ในอังกฤษ
เพราะพ่อเป็นคนไทยและผมเกิดที่กรุงเทพฯ
แทชเชอร์เป็นนักการเมืองที่คลั่งสงคราม คู่หูหลักของเขาคือประธานาธิบดี
รอนัลด์ เรแกน
ของสหรัฐที่พยายามสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งอย่างหนักกับรัสเซีย
โดยการเร่งสร้างอาวุธใหม่ๆ ซึ่งเสี่ยงกับการก่อสงครามนิวเคลียร์
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่สหรัฐนำอาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่มาไว้ในฐานทัพอเมริกาที่
อังกฤษ หลายคนจึงมองว่าอังกฤษกลายเป็นแค่เรือบรรทุกเครื่องบินรบของสหรัฐ
ผมก็เคยไปประท้วงมราฐานทัพทหารสหรัฐในยุคนั้น
ในปี 1982
เมื่อเผด็จการทหารอาเจนทีนา ส่งทหารไปบุกหมู่เกาะมัลวีนาส ใกล้ๆ อาเจนทีนา
เพื่อปลุกกระแสชาตินิยมและให้ความชอบธรรมกับเผด็จการ แทชเชอร์มองว่า
“ยอมไม่ได้” ทั้งๆ ที่อังกฤษขายอาวุธเป็นประจำให้เผด็จการทหารทั่วโลก
แทชเชอร์จึงส่งกองทัพไป “กู้” หมู่เกาะที่ชนชั้นปกครองอังกฤษมองว่า
“เป็นของอังกฤษ” ทั้งๆ ที่อยู่คนละขั้วโลกกัน ในสงครามครั้งนั้น
แทชเชอร์ไม่ยอมเจรจาสันติภาพ และจงใจยิงเรือรบ “เบล์กรานโน” ร่มไปทั้งๆ
ที่เรือรบลำนั้นหันกลับ
ไม่ได้มุ่งหน้าไปสู่หมู่เกาะมัลวีนาสอย่างที่แทชเชอร์โกหกในรัฐสภา
เมื่อเรือลำนี้จม หนุ่มอาเจนทีนาวัย 17 ที่ถูกเกณฑ์เป็นทหาร จมน้ำตายเป็นร้อยๆ และแทชเชอร์ก็แสดงความดีใจ
ชนชั้นปกครองอังกฤษไม่เคยแคร์อะไรกับชาวบ้าน “อังกฤษ”
ที่อาศัยบนหมู่เกาะเหล่านั้น
เพราะทุกวันนี้เขาไม่มีสิทธิเป็นพลเมืองอังกฤษเต็มตัวและไม่มีสิทธิ์ย้าย
บ้านมาอยู่อังกฤษ สงครามนั้นทำเพื่อหนุนคะแนนเสียงของแทชเชอร์ และ
“พิสูจน์ความยิ่งใหญ่” ของชนชั้นปกครองอังกฤษเท่านั้น
เมื่อแทชเชอร์ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ
เขากับคณะรัฐมนตรีร่วมกันวางแผนเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับขบวนการแรงงาน
โดยมีความหวังว่าจะตัดค่าจ้างกรรมาชีพอังกฤษถึง 20% เพื่อ
เพิ่มอัตรากำไรของกลุ่มทุนอังกฤษ
มีการสร้างสถานการณ์เพื่อแบ่งแยกและจัดการกับสหภาพแรงงานทีละแห่ง
คือยอมบางส่วนไปก่อน และเลือกรบเมื่อมีโอกาส
สงครามทางชนชั้นครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นในปี 1984 เมื่อ
แทชเชอร์จงใจประกาศปิดเหมืองแร่ถ่านหินจำนวนมาก ทั้งๆ
ที่ยังมีถ่านหินใต้ดินมากมาย
ข้ออ้างที่ใช้คือเรื่องของการสร้างกำไรที่ไม่พอ
แต่เป้าหมายจริงคือการทำลายสหภาพแรงงานที่เข้มแข็งที่สุด
ในชุมชนเหมืองแร่ทางเหนือ
มีการส่งตำรวจเข้าไปยึดครองพื้นที่เสมือนภาวะสงคราม
และมีการใช้ตำรวจม้าทำลายการชุมนุมของคนงานด้วยความรุนแรงสุดขั้ว
สหภาพเหมืองแร่ต่อสู้ด้วยความอดทนถึงหนึ่งปี และมีนักสหภาพแรงงานอื่นๆ
สนับสนุนมากมายทั่วประเทศ
ผมเองซึ่งตอนนั้นเป็นผู้แทนสหภาพแรงงานของคนทำงานในห้องแลบวิทยาศาสตร์ก็มี
ส่วนร่วมมาแต่แรก
ทุกวันเสาร์เราจะไปถือถังพลาสติคเรี่ยรายเงินสำหรับสหภาพเหมืองแร่ในเมืองอ
อคซ์ฟอร์ด และในหมู่เพื่อนร่วมงาน
บางวันเราจะตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อไปชุมนุมหน้าโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินใกล้ๆ
ออคซ์ฟอร์ด และครั้งหนึ่งผมก็ไปเยี่ยมเพื่อนนักสหภาพถ่านหินที่เวลส์
พวกเขาโทรศัพท์ติดต่อกับผมแต่แรก เมื่อมีการนัดหยุดงาน
เพื่อไปตั้งค่ายหน้าโรงไฟฟ้า เพื่อไม่ให้คนขับรถไฟขนถ่านหินเข้าโรงไฟฟ้า
ตลอดเวลาที่มีการนัดหยุดงานของสหภาพเหมืองแร่
สื่อกระแสหลักจะโกหกและโจมตีนักสหภาพแรงงานอย่างต่อเนื่อง
และพรรคแรงงานซึ่งตอนนั้นเป็นพรรคฝ่ายค้านก็ร่วมโจมตีเช่นกัน
เพราะพรรคแรงงานมองว่าต้องเลียก้นแทชเชอร์
เพื่อพิสูจน์ต่อชนชั้นนายทุนว่าพรรคแรงงานจะรับผิดชอบต่อผลประโยชน์กลุ่มทุน
เสมอ แทชเชอร์อาจมีชื่อว่าเป็น “สตรีเหล็ก” แต่เขาเกือบแพ้หลายครั้ง
และไม่มีวันชนะถ้าพรรคแรงงานกับผู้นำสหภาพแรงงาน “หมูอ้วน” ระดับชาติ
ไม่คอยหักหลังผู้ที่ต้องการสู้เพื่อปกป้องการทำงานหรือรัฐสวัสดิการ
ทุกวันนี้พรรคแรงงาน ตั้งแต่สมัย โทนี่ บแลร์ ก็ชื่นชมและเลียวก้น แทชเชอร์
เมื่อทรราชแทชเชอร์ตายหัวหน้าพรรค เอด มิลิแบน สั่งไม่ให้สส.คนไหนโจมตี
ผลของการทำลายสหภาพแรงงานเหมืองแร่คือชุมชนเหมืองแร่ในที่ต่างๆ
ที่ไม่มีงานอื่นทำ กลายเป็นชุมชนที่หมดความหวัง หมดงานทำ
นอกจากนี้มีการทำลายอุตสาหกรรมเหล็กกล้า
มีการปิดโรงงานประกอบรถยนต์รวมถึงที่ออคซ์ฟอร์ดด้วย
และในท่าเรือซึ่งเคยสู้กันมานานเพื่อให้มีงานถาวรที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรี
ก็มีการหมุนนาฬิกากลับสู่ยุคที่จ้างคนแบบรายวัน
สภาพการทำงานในอังกฤษทุกวันนี้ยากลำบากกว่าเดิม หลายคนกลัวที่จะลาป่วยเพราะอาจโดนไล่ออก คนรุ่นใหม่บางคนไม่รู้จักสหภาพแรงงาน
การพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกถึงการที่รัฐบาลต้อง “รักษาวินัยทางการคลัง”
เหมือนที่พรรคประชาธิปัตย์ในไทยชอบพูด เป็นนโยบายเสรีนิยมสุดขั้ว
ที่หวังบีบเศรษฐกิจอังกฤษเพื่อบังคับให้นายทุนบีบลูกจ้างอีกที
แทชเชอร์มองว่ากิจกรรมไหนไม่สร้างกำไรก็ควรฆ่าทิ้ง
ซึ่งแปลว่าคนต้องตกงานยากลำบาก อุตสาหกรรมอังกฤษถูกทำลายไปมาก
และเศรษฐกิจอังกฤษมีการหันมาพึ่งพาพวกธนาคารและกิจกรรมไฟแนนส์มากขึ้น
ซึ่งในที่สุดช่วยปูทางไปสู่วิกฤษเศรษฐกิจโลกปี 2008
แทชเชอร์เป็นหัวหอกของกระแสแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั่วโลก
ซึ่งได้แต่สร้างกำไรมหาศาลให้กลุ่มทุนท่ามกลางความยากจนและการขาดเสถียรภาพ
ในชีวิตของประชาชน วิสาหกิจก๊าซ ไฟฟ้า
และรถไฟอังกฤษในปัจจุบันเต็มไปด้วยเรื่องอื้อฉาว การกอบโกยกำไร
และความไร้ประสิทธิภาพในการบริการประชาชนธรรมดา
อย่างไรก็ตาม แทชเอชร์ ไม่สามารถทำลายสหภาพแรงงานไปหมด
และรัฐสวัสดิการยังอยู่ สหภาพครู ไปรษณีย์ ข้าราชการ
และสหภาพช่างไฟในสถานที่ก่อสร้าง ขึ้นมาเป็นหัวหอกในการต่อสู้ในยุคนี้
และความหวังของแทชเอชร์ที่จะตัดค่าจ้างคนงานอังกฤษถึง 20% เขา
ทำไม่ได้
ยิ่งกว่านั้นงบประมาณรัฐและหนี้สาธารณะก็เพิ่มขึ้นจากการทำลายการทำงานและ
อุตสาหกรรมหลักๆ ซึ่งตรงข้ามกับเป้าหมายของพวกเสรีนิยมกลไกตลาดสุดขั้ว
ในปี 1989 แทชเชอร์
มั่นใจในตนเองมากเกินไปและเสนอให้มี “ภาษีหัว”
ที่เก็บจากประชาชนอังกฤษทุกคนในอัตราเดียวกันหมด
ภาษีนี้เข้ามาแทนที่ภาษีบ้านที่เคยเก็บในอัตราก้าวหน้า
คือใครมีบ้านแพงเคยต้องจ่ายมาก ใครยากจนก็จ่ายน้อย
ภาษีปฏิกิริยาใหม่ของแทชเชอร์ก่อให้เกิดความไม่พอใจทั่วประเทศ
มีการประท้วงใหญ่ในลอนดอน และคนจำนวนมากไม่ยอมจ่าย
ในที่สุดพรรคคอนเซอร์เวทิฟตัดสินใจผลักแทชเชอร์ออกไป
เพราะกลัวว่าถ้าเขาอยู่ต่อพรรคจะไม่มีวันชนะการเลือกตั้งอีก
ในความเป็นจริง ทั้งๆ ที่แทชเชอร์ชนะการเลือกตั้งมาหลายรอบ
เขาไม่เคยได้เสียงสนับสนุนของประชาชนส่วนใหญ่
คะแนนสูงสุดของเขาอยู่ในระดับสามสิบกว่าเปอร์เซนเท่านั้น
เพียงแต่แต่พรรคอื่นน้อยกว่าเท่านั้น
แทชเชอร์เป็นนายกรัฐมนตรีสตรีคนแรกของอังกฤษ
แต่ผลงานของเขาคือการที่ค่าจ้างชายกับหญิงมีความเหลื่อมล้ำมากขึ้น
และแน่นอนสำหรับผู้หญิงคนทำงานส่วนใหญ่
นโยบายของเขาตรงข้ามกับผลประโยชน์คนธรรมดา
นอกจากนี้แทชเชอร์เป็นคนที่เกลียดคนรักเพศเดียวกันและรัฐบาลเขานำกฏหมายใหม่
เข้ามาเพื่อปราบเกย์
แทชเชอร์เป็นเพื่อนสนิทกับเผด็จการป่าเถื่อน พิโนเช ของชิลี และเขามองว่า
เนลสัน แมนเดลา เป็น”ผู้ก่อการร้าย” ในกรณีไอร์แลนด์
แทชเชอร์ปล่อยให้นักโทษการเมือง “ไออาร์เอ”
อดอาหารตายไปหลายคนด้วยหัวใจเย็นชา หนึ่งในนั้นเป็น สส.
ที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน
ทั้งหมดที่ผมเล่าไปครั้งนี้เป็นสาเหตุที่ผมและคนจำนวนมากในอังกฤษ
ดีใจฉลองวันตายของทรราชแทชเชอร์ งานศพของเขาเป็นสมรภูมิทางชนชั้น
มันเป็นการช่วงชิงประวัติศาสตร์ เพื่อช่วงชิงรูปแบบสังคมในอนาคต
เพราะพวกประจบสอพลอที่ไปร่วมงานศพ และชื่นชมแทชเชอร์
เป็นศัตรูทางชนชั้นของพวกเราทั่วโลก
ส่วนคนไทยบางคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เกี่ยวกับการเมืองอังกฤษ
และคล้อยตามคำชื่นชมของพวกประจบสอพลอ ผมมองด้วยความสมเพชเท่านั้น
(ที่มา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น