ถกหลังหน้ากากกับ ‘แดงสยิว’ ปฏิบัติการแจมมิ่งหน้ากากขาว กายฟอคซ์
ทำไมต้องมีหน้ากากแดง “ล้อเลียนนะไม่ใช่เลียนแบบ”
ปฏิบัติการป่วนความหมายหน้ากากขาวกายฟอคซ์ กับข้ออ้างขัดวัฒนธรรมและข้อความ
“ปกป้องสถาบัน”
พร้อมวิจารณ์การทำงานโซเชียลเน็ตเวิร์คของเพื่อไทยและก้าวต่อไปกับ
“วอร์รูมภาคประชาชน”
นี่ไม่เพียงการชุมนุมแจมมิ่งหรือการป่วนล้อเลียนเท่านั้น แต่ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายบนโซเชียลเน็ตเวิร์คด้วย ประชาไทมีโอกาสพูดคุยกับคนขายหมูผู้นี้ซึ่งอธิบายที่มานามแฝงตัวเอง “แดงสยิว” ว่า “ไม่มีอะไร มันกวนประสาทดี”
ประชาไท : อยากให้เล่าที่มาของ “อุลตร้าแดง แดงสยิว” ว่าเป็นมาอย่างไร เพราะสื่ออื่นลงว่านี่เป็นชื่อของกลุ่มเคลื่อนไหว
แดงสยิว : ไม่ได้เป็นกลุ่มอะไรเลย เป็นเพียงเพจ(เฟซบุ๊ก)ส่วนตัวของผม แต่วิจารณ์การเมืองทำให้คนสนใจเข้ามาอ่าน พอเห็นกลุ่มหน้ากากขาวออกมา จึงเขียนโจมตีฝ่ายนั้นว่าสัญลักษณ์ที่ใช้มันผิด คนที่ตามในเพจผมก็เห็นด้วยว่ามันไม่ควรนำมาใช้ แต่ไม่มีใครออกมาบอกคนกลุ่มนี้ว่าไม่ควรใช้สัญลักษณ์นั้น จึงเห็นว่าควรออกมาแสดงออกและบอกกับสังคมเสียเอง ทุกคนที่เห็นด้วยก็เลยออกมา
มองปรากฏการณ์ที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลนำหน้ากากกายฟอคซ์ มาเป็นสัญลักษณ์ในการประท้วงว่าอย่างไร ?
แดงสยิว : ถ้าเรียกร้องในทางการเมืองนั้นทุกคนมีสิทธิทำได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานหลักประชาธิปไตยและกฎหมาย ผมไม่ได้มีปัญหากับการที่เขาออกมาเรียกร้องโวยวายอะไรทั้งสิ้น แต่มีปัญหากับแค่สัญลักษณ์ที่เขาใช้ เพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของการล้มระบอบการปกครองในยุโรปซึ่งไม่เหมาะกับ วัฒนธรรมไทย โดยชนชั้นกลางในเมืองไทยจะทราบว่าสัญลักษณ์นี้มันคืออะไร แต่ระดับรากหญ้าเขาอาจจะยังไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงควรมีคนออกไปชี้กับสังคมว่าหน้ากากขาวอันนี้มันคืออะไร อยากให้เขาเลิกใช้สัญญาลักษณ์นี้ก็จบแล้ว
เขาอาจจะบอกว่าที่เขาต้องการล้มคือระบอบทักษิณ?
แดงสยิว : คำว่าล้มระบอบทักษิณมันคือการล้มระบอบประชาธิปไตยด้วยหรือเปล่า อย่างที่เรารู้กันว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาหากเลือกเพื่อไทยก็จะได้ทักษิณ มันจะเป็นการเล่นคำเพราะมันอาจจะถือว่ากำลังจะล้มรัฐบาลนี้ โดยใช้คำว่าล้มทักษิณ โดยการเล่นคำ ร่ายนวัตกรรมทางคำพูดใหม่ๆ แต่มีเจตนาแฝงด้วยสัญลักษณ์ของหน้ากากนั้นว่าคิดอะไร และมันสอดคล้องกับเมื่อสัปดาห์ก่อนที่มีคนใส่ชุดคอมมิวนิสต์มายืนกลางสนาม หลวง ทั้งคอมมิวนิสต์และหน้ากากขาวมันเป็นสัญลักษณ์ของอะไรก็ทราบกันอยู่ ดังนั้นจะมาบอกว่าล้มเพียงระบอบทักษิณ มันจึงฟังไม่ขึ้น
มีคนวิจารณ์ว่าหน้ากากกายฟอคซ์ม ได้กลายเป็นสัญลักษณ์นิรนาม แม้เริ่มต้นอาจมาจากกายฟอคซ์ที่ต้องการเปลี่ยนกษัตริย์ คือพระเจ้าเจมส์ที่ 1 ของอังกฤษ แต่เมื่อมีหนัง V For Vendetta ออกมาฉายในปี 2005 หลายๆ กลุ่มจึงเอาหน้ากากออกมาใช้ บางกรณีถึงกับมีผู้ชุมนุม 2 ฝ่ายที่คิดเห็นไม่เหมือนกันแต่ใช้หน้ากากนี้มาเผชิญหน้ากันเอง ความหมายของมันจึงค่อนข้างลื่นไหลไปแล้วไม่ใช่หรือ
แดงสยิว : หากมองว่ามันเป็นสัญลักษณ์ที่มีการลื่นไหลไปแล้ว ก็ถือว่าตามเกมส์กันไป หากมองในแง่ความเป็นจริงแล้วเขาคงไม่เลิกใช้สัญลักษณ์นี้ คงมีการใช้ต่อ แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกละอายใจและเลิกไป เช่นนั้นการเลือกใช้มันอยู่ก็เท่ากับว่าสัญลักษณ์นี้หมดพลังไปแล้ว เพราะหากยังมีพลังอยู่ทุกคนก็คงต้องใส่อยู่ หากใช้กันประปราย ใช้กันตามน้ำ ตามสถานการณ์ ก็เท่ากับว่ามันไม่มีพลังแล้ว ซึ่งหมายถึงแพ้ด้วย
กรณีเพจ Occupy Wall St. นำภาพผู้ชุมนุมหน้ากากขาวในไทยไปแชร์พร้อมสนับสนุนการต่อสู้ดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นการสมานฉันท์กับการเคลื่อนไหวที่ตุรกีด้วยนั้น คุณมองว่าอย่างไร
แดงสยิว : มองว่าผู้ชุมนุมในไทยพยายามโหนเหตุการณ์เหล่านั้น และที่สหรัฐอเมริกาก็ปกครองด้วยระบอบประธานาธิบดีแล้วซึ่งต่างจากไทย ดังนั้นการเอาหน้ากากนี้มาใช้จึงไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมการปกครองไทย รวมทั้งมีการนำภาพผู้ชุมนุมที่ใช้หน้ากากกายฟอคซ์ในต่างประเทศมาโพสต์ใน เฟซบุ๊กเพื่อบอกว่าเป็นการชุมนุมที่สีลมด้วย ทั้งๆ ที่ในรูปนั้นมีรถเมล์ 2 ชั้นซึ่งต่างจากประเทศไทย
สรุปแล้วหน้ากากแดงต้องการอะไร
แดงสยิว : ต้องการให้หน้ากากขาวยุติการใช้หน้ากากกายฟอคซ์เป็นสัญลักษณ์ของการเคลื่อน ไหว มันไม่เหมาะกับวัฒนธรรมไทย สัญลักษณ์อันนี้เขารู้กันทั่วโลกว่าล้มระบอบอะไร จะไปวางระเบิดรัฐสภาหรือลอบปลงพระชนม์ใครถึงใช้สัญญาลักษณ์แบบนี้
หากเขาถามกลับมาว่า กลุ่มหน้ากากแดงใช้หน้ากากแดงก็จริง แต่เป็นกายฟอคซ์เหมือนกัน จะตอบอย่างไร
แดงสยิว : หน้ากากที่ใช้ไม่ใช่หน้ากากกายฟอคซ์ แต่เป็นหน้ากากหน้าเหลี่ยมและเขียนสีกัน รวมทั้งมีหน้ากากอื่นด้วยไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอุลตร้าแมน หน้ากากไอรอนแมน ฯลฯ แต่เป็นสีแดง เพราะเป็นสีของประชาธิปไตย และไม่ได้ยึดติดกับสัญลักษณ์ ที่ทำหน้ากากมาก็เพื่อล้อหน้ากากขาวเฉยๆ
ฝ่ายหน้ากากขาวมีการวิจารณ์หน้ากากแดงว่าทำไมไม่คิดอะไรที่เป็นของตัวเอง เหมือนตีนตบก็เลียนแบบมือตบ
แดงสยิว : จะบอกว่าเลียนแบบไม่ได้ เพราะว่ากิจกรรมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นพวกผมเองนัดก่อนฝ่ายหน้ากากขาว รวมทั้งกิจกรรมที่มีการระดมคนไปยิง(รุมรีพอร์ต)ในเพจเฟซบุ๊กของพวกเสื้อแดง ก็เหมือนกัน เพราะทางฝ่ายนั้นเห็นทางผมระดมพวกเรดไซเบอร์ในเน็ตได้ ส่วนการใช้หน้ากากนั้นก็ไม่ได้เลียนแบบ แต่เป็นการล้อเลียน
หมายความว่าฝ่ายเสื้อแดงไปยิงเพจเฟซบุ๊ก(รุมรีพอร์ต) ของฝ่ายหน้ากากขาวก่อนหรือ
แดงสยิว : พวกเราไม่รู้มาก่อนว่าในพื้นที่ไซเบอร์มีฝ่ายเสื้อแดงหรือผู้รักประชาธิปไตย อยู่เท่าไร ที่ผ่านมาเราคิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่า อีกฝ่ายพูดอะไรแล้วเสียงดังกว่า จึงลองเช็คชื่อในเฟซบุ๊กโดยให้ทุกคนทำกิจกรรมร่วมกันอย่างหนึ่งคือ พวกผมจะเข้าไปที่เพจนักการเมืองฝ่ายประชาธิปัตย์และเข้าไปพูดคุยกันในนั้น เหมือนว่าพื้นที่นั้นเป็นบ้านของพวกผม เช่น เข้าไปโพสต์ว่าวันนี้มีข่าวนั้นนี้ หรือเข้าไปพูดว่ากินข้าวหรือยัง อากาศร้อน ฯลฯ เมื่อเริ่มทำก็มีแนวร่วมเข้ามาร่วมจำนวนมากจึงรู้ว่าเรามีฝ่ายประชาธิปไตยไซ เบอร์มาก เมื่อทางโน้นเห็นปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจึงรวมตัวกันแล้วมาล้างแค้นแสดงความ ไม่พอใจที่พวกผมไปป่วนในเพจฝ่ายเขาโดยการมาไล่ยิงไล่รีพอร์ตเพจเสื้อแดง
แต่ทางฝ่ายผมเพียงเข้าไปเยี่ยมเข้าไปพูดคุยในเพจเขาเท่านั้นโดยไม่ได้รี พอร์ตใคร แต่ทางนั้นเน้นรีพอร์ตอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ผลปรากฏว่าฝ่ายแดงไม่มีเพจไหนที่โดนยิงดับเลยเนื่องจากฝ่ายโน้นมีน้อยมาก มีเพียงหลักสิบ แต่ทางฝ่ายแดงเท่าที่ตามอยู่ยิงดับไปได้หลายเพจเหมือนกัน
สรุปว่าฝ่ายแดงก็มีการไปไล่ยิงรีพอร์ตเขาเหมือนกันใช่ไหม
แดงสยิว : มี แต่เป็นการทำหลังจากที่ฝ่ายโน้นตอบโต้ด้วยการไล่ยิงเพจฝ่ายแดงก่อน จึงมีเสื้อแดงบางส่วนแยกตัวออกไปต่างหากโดยไม่ร่วมกิจกรรมกับผมแล้ว แล้วไปใช้วิธีการไปไล่ยิง ซึ่งยอมรับว่ามีแต่ก็ยังเป็นจำนวนไม่มาก
แล้วมองปรากฏการณ์รีพอร์ตกันไปมาว่าอย่างไร เป็นทางออกหรือวิธีการที่ดีไหม
แดงสยิว : มองว่ามันไร้สาระมาก ผมจะบอกกับทุกคนว่าเราต้องยกระดับตัวเอง ด้วยการตั้งคำถามกับสังคมและชี้นำสังคม ไม่ใช่คอยรับแต่กระแสสังคมอย่างเดียว เคยพาพวกที่ร่วมกิจกรรมกับผมไปถามในเพจเฟซบุ๊กของ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” เพื่อไปโพสต์ตั้งคำถามว่า “ใครสั่งฆ่าประชาชน” “ใครสั่งยิงประชาชน” เป็นต้น น่าสนใจว่ากว่า 1,000 คอมเมนท์ไม่มีคำหยาบ เราต้องสร้างความเข้าใจกับสังคมและการใช้คำหยาบไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย รวมทั้งเจตนาของผมที่รวมคนกลุ่มนี้เข้ามานอกจากจะเช็คกำลังแล้วอยากจะทำ “วอร์รูมภาคประชาชน” จึงหากิจกรรมร่วมกันสร้างความสัมพันธ์กันไป ตอนนี้ได้อยู่ประมาณ 200 คน ที่สามารถไปบอกกับสังคมได้ว่าฝ่ายไหนจริงไม่จริง และทุกคนเป็นอาสาสมัครหมด เพราะเรามองว่าตั้งแต่ตั้งรัฐบาลมา ในพื้นที่ออนไลน์เราเป็นฝ่ายตั้งรับทางด้านการข่าวมาโดยตลอด
มีคนวิจารณ์ว่ากิจกรรมของคุณทำให้ จากเดิมที่หน้ากากขาวเหมือนจะจุดกระแสไม่ติด แต่เมื่อมีหน้ากากแดงโผล่มา ทำให้ดูน่าสนใจมากขึ้นและจุดติดหรือไม่
แดงสยิว : ฝ่ายโน้นเขามีสื่อในมือและมีสื่อลูกข่ายนักการเมืองที่คอยเชียร์มากและตลอด เวลา ยังไงกระแสก็ไม่ดับ 24 ชม. ถ้าคุณเปิดเคเบิลทีวีจะได้ยินแต่เรื่องของหน้ากากขาว ดังนั้นจึงต้องมีอะไรบางอย่างออกไปติง ออกไปจิ้ม ให้เห็นว่าไม่ชอบธรรม ทุกวันนี้ออกไปถนนถามถึงความหมายของหน้ากากขาวคืออะไรเขาก็อาจจะบอกว่า “ล้มเจ้า” ก็ได้ คิดว่าการที่สังคมโดยรวมพูดถึงหน้ากากขาวในแง่นี้กับการปล่อยให้หน้ากากขาว เงียบไปเองแบบไหนมันเจ็บปวดกว่ากันสำหรับคนใส่หน้ากากขาว
สัญญาลักษณ์นี้ถ้ากลับกันเป็นฝ่ายแดงหยิบเอามาใช้คิดว่าโดนโจมตีหนักแน่ นอน หน้ากากขาวมันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของฝ่ายโน้น เป็นความผิดพลาดของคนคุมเกมส์เขา แต่ทางฝั่งนี้กลับไม่เล่นสวนกลับ ในขณะที่ความผิดเล็กๆ น้อยๆ ของฝ่ายแดง อย่างนายกฯ พูดผิด ฝ่ายนั้นกลับหยิบเอามาโจมตีเป็นเรื่องเป็นราว
คุณและกลุ่มที่ร่วมกิจกรรมหน้ากากแดงเมื่อวันอาทิตย์ จะมีกิจกรรมต่อเนื่องหรือจะเคลื่อนต่อไปหรือไม่ อย่างไร
แดงสยิว : คิดว่าจะไม่ไปแจมมิ่งกลุ่มหน้ากากขาวแล้ว เนื่องจากสังคมพิพากษาเขาไปแล้วว่าไม่มีความชอบธรรมในการเอาหน้ากากดังกล่าว มาใช้ ส่วนการเคลื่อนไหวในโลกไซเบอร์ต่อไปนั้นจะมีการตั้งกลุ่มแดงวิชาการขึ้นมา รวมประชาชนในหลายสาขาวิชาทั้ง หมอ สถาปนิก วิศวะ พ่อค้าแม่ค้า ฯลฯ ทุกสาขาอาชีพ มารวมอยู่ด้วยกันคุยกันในกลุ่มในเฟซบุ๊ก แล้วจะแยกเป็นห้องย่อยตามสาขาวิชาเพื่อนำเสนอข้อมูลความเห็นในโซเชียลเน็ต เวิร์ค เพราะทางพรรคเพื่อไทยไม่ทำเรื่องนี้ ไม่ให้ราคากับการตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทำให้เขาโดนอยู่เรื่อยๆ เพราะเขามั่นใจในฐานเสียงของเขา แต่กับคนกลางๆ ที่รอเสพข่าวเขาไม่สนใจ แต่พวกผมเองสนใจคนกลุ่มนี้จึงตั้งกลุ่มขึ้นมา
เพื่อไทยไม่ให้ความสำคัญกับโซเชียลเน็ตเวิร์คไม่เหมือนประชาธิปัตย์ที่ แม้แต่ ส.ส.ตัวเล็กๆ ของเขา คนมากดไลค์เพจกันเป็นแสน ดังนั้นจึงต้องมีคนทำ
ทำไมคุณถึงมองว่าพื้นที่โซเชียลเน็ตเวิร์คจึงมีความสำคัญ
แดงสยิว : จุดเริ่มต้นทุกอย่างในโลกนี้มันมาจากข่าวลือ ถ้าไม่มีใครไปจัดการข่าวลือมันก็จะลุกลาม อย่างจุดเริ่มต้นกรณีคุณทักษิณล้มก็เพราะ Forward mail ทำไมไม่มีใครให้ความสำคัญกับตรงนี้ ดังนั้นพวกผมจึงตั้งกลุ่มนึ้ขึ้นมาเพื่อตรวจสอบถ่วงดุลข้อมูลข่าวสารให้สื่อ โซเชียลเน็ตเวิร์ค
(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2013/06/47118
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น