แรงกระเพื่อม"เพื่อไทย" โผ"รมต."สายตรง"ชินวัตร" ประนีประนอม"ชนชั้นนำ"

บัดนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.)
ยิ่งลักษณ์ 5Ž โดยมี เสนาบดีŽ
ชุดใหม่ได้เข้าบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มตัว
ภายหลังเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
แต่งตั้งรัฐมนตรี 18 คน เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน
โฉม หน้า 18 รัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะเข้ามา บริหารราชการแผ่นดินŽ นั้น หากสแกนลงลึกใน เบื้องหลังŽ ของการเข้าสู่ ครม.ยิ่งลักษณ์ 5Ž จะพบว่า เป็น รัฐมนตรีŽ ในสายตรง คนชินวัตรŽ ผนึกกับ บ้านจันทร์ส่องหล้าŽ เป็นส่วนใหญ่
ไม่ว่าจะเป็น วิเชษฐ์ เกษมทองศรี อดีตประธานบอร์ด ปตท. ไม่ว่าจะเป็น ชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) ไม่ว่าจะเป็น เบญจา หลุยเจริญ อดีตอธิบดีกรมศุลกากร
ขณะ ที่ เด็กŽ ใน คาถาŽ ของ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ เจ๊แดงŽ ถูกปรับพ้นจาก เสนาบดีŽ เป็นส่วนใหญ่ ทั้ง บุญทรง เตริยาภิรมย์ พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทั้ง วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แสดงให้เห็น ว่า อำนาจŽ ในการต่อรองของ เยาวภาŽ ที่มีต่อ ครม.ยิ่งลักษณ์ 5Ž อ่อนพลังลงจากเดิม ยิ่งหากสแกนไปดู อำนาจŽ ของ ยิ่งลักษณ์Ž ที่มีต่อการปรับ ครม.Ž ครั้งนี้ จะพบว่ายังสามารถรักษาคนใกล้ชิดให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปได้
โดยโยก นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล จากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ให้ขึ้น รองนายกฯŽ พร้อมควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์Ž ให้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่ง ขุนพลเศรษฐกิจŽ ต่อไปในเก้าอี้ รองนายกฯŽ ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังŽ เช่นเดิม
การปรับ จัดทัพŽ โผ เสนาบดีŽ ชุดใหม่ในครั้งนี้ ยังเกิดแรงกระเพื่อมเล็กๆ ภายใน พรรคเพื่อไทยŽ ที่มีต่อการจัดวางตัว ขุนพลŽ ในโหมดเข้าสู่ 2 ปีสุดท้ายของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์Ž
โฉม หน้า 18 รัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะเข้ามา บริหารราชการแผ่นดินŽ นั้น หากสแกนลงลึกใน เบื้องหลังŽ ของการเข้าสู่ ครม.ยิ่งลักษณ์ 5Ž จะพบว่า เป็น รัฐมนตรีŽ ในสายตรง คนชินวัตรŽ ผนึกกับ บ้านจันทร์ส่องหล้าŽ เป็นส่วนใหญ่
ไม่ว่าจะเป็น วิเชษฐ์ เกษมทองศรี อดีตประธานบอร์ด ปตท. ไม่ว่าจะเป็น ชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) ไม่ว่าจะเป็น เบญจา หลุยเจริญ อดีตอธิบดีกรมศุลกากร
ขณะ ที่ เด็กŽ ใน คาถาŽ ของ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ เจ๊แดงŽ ถูกปรับพ้นจาก เสนาบดีŽ เป็นส่วนใหญ่ ทั้ง บุญทรง เตริยาภิรมย์ พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทั้ง วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แสดงให้เห็น ว่า อำนาจŽ ในการต่อรองของ เยาวภาŽ ที่มีต่อ ครม.ยิ่งลักษณ์ 5Ž อ่อนพลังลงจากเดิม ยิ่งหากสแกนไปดู อำนาจŽ ของ ยิ่งลักษณ์Ž ที่มีต่อการปรับ ครม.Ž ครั้งนี้ จะพบว่ายังสามารถรักษาคนใกล้ชิดให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปได้
โดยโยก นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล จากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ให้ขึ้น รองนายกฯŽ พร้อมควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์Ž ให้ กิตติรัตน์ ณ ระนอง ยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่ง ขุนพลเศรษฐกิจŽ ต่อไปในเก้าอี้ รองนายกฯŽ ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังŽ เช่นเดิม
การปรับ จัดทัพŽ โผ เสนาบดีŽ ชุดใหม่ในครั้งนี้ ยังเกิดแรงกระเพื่อมเล็กๆ ภายใน พรรคเพื่อไทยŽ ที่มีต่อการจัดวางตัว ขุนพลŽ ในโหมดเข้าสู่ 2 ปีสุดท้ายของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์Ž
เมื่อ 1 มีเสียงคัดค้านจาก วรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ส่งตรงไปยัง ผู้มีอำนาจŽ ในการจัดโผ ครม.Ž ในทำนอง ขุนพลŽ บางคนใน ครม.Ž ซึ่งถูกลดบทบาท ทั้งที่ในสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้กำลังเข้าสู่ โหมดแตกหักŽ จากการโหมกระแสของ ฝ่ายตรงข้ามŽ รัฐบาล ทำให้ โฉมหน้าŽ การปรับ ครม.Ž หนนี้ จึงเข้าลักษณะ ซูเอี๋ยŽ กับ ศัตรูŽ โดยไร้ซึ่ง ขุนพลŽ หรือ นักรบŽ จาก เสื้อแดงŽ
ในขณะที่ ขุนพลŽ ที่มีความเก๋าทางการเมืองอย่าง ร.ต.อ.เฉลิมŽ ก็ถูกลดบทบาทจาก รองนายกฯŽ เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานŽ
เมื่อ 1 มีเสียงคัดค้านจาก อนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส.อุดรธานี คนใกล้ชิด ร.ต.อ.เฉลิมŽ ต่อการลดบทบาท คนใหญ่Ž จาก บ้านริมคลองŽ ซึ่งจะไม่สามารถเป็น องครักษ์พิทักษ์Ž นายกฯในสภาได้อย่างเต็มที่เหมือนมีหัวโขนเป็น รองนายกฯŽ
จนเกิดเป็น ปฏิกิริยาŽ ความไม่พอใจจาก ร.ต.อ.เฉลิมŽ ผ่านการมอบนโยบายทิ้งทวนที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติŽ ในลักษณะถูกเลื่อยขาเก้าอี้ รองนายกฯŽ ที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงและตำรวจ
และกลายมาเป็น ปฏิกิริยาŽ ไม่ร่วมถ่ายภาพหมู่กับ รัฐมนตรีŽ ชุดใหม่ ของ ร.ต.อ.เฉลิมŽ
การ วางตัว ร.ต.อ.เฉลิมŽ ให้ดำรงตำแหน่งเพียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานŽ จึงถูกมองว่าเป็นการวางตัวในลักษณะที่ไม่เน้น เชิงตอบโต้Ž ทางการเมือง
เนื่อง ด้วย ยิ่งลักษณ์Ž เน้นจัดวาง เสนาบดีŽ ชุดใหม่ โดยใช้ภาพความเป็น อดีตข้าราชการประจำŽ และดึงภาพ นักการเมืองŽ ซึ่งมีประสบการณ์แต่มีภาพ ประนีประนอมŽ เข้าประคอง รัฐบาลŽ
เป็นการวาง งานการบริหารŽ ให้มีน้ำหนักมากกว่า งานทางการเมืองŽ ในช่วงเข้าสู่ โหมดครึ่งเทอมหลังของ รัฐบาลŽ
เป็น ภาพประนีประนอมกับ ฝ่ายข้าราชการประจำŽ อย่าง กองทัพŽ ซึ่งเห็นได้ชัดจากการที่ ยิ่งลักษณ์Ž ควบเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมŽ อีก 1 ตำแหน่ง
โดยปรับ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีภาพที่ยังคานอำนาจ เหล่าทัพŽ ในก่อนหน้านี้ และดึง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา มานั่งเก้าอี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมŽ ซึ่งมีภาพ นุ่มนวลŽ ต่อ น้องๆŽ ใน กองทัพŽ เข้ามาช่วยแบ่งเบา ยิ่งลักษณ์Ž
ไม่ เพียงจะมีเสียงจาก พรรคประชาธิปัตย์Ž ถึงการที่ ยิ่งลักษณ์Ž ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมŽ เป็นนัยยะในการเข้ามาจัดโผโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี แต่หากถึงขั้นต้องลงมติ ตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เมื่อเช็กเสียงใน สภากลาโหมŽ แม้จะมีเสียงจากฝ่ายการเมืองเพิ่มอีก 1 เสียงของ รัฐมนตรีช่วยŽ จากทั้งหมด 7 เสียง ก็ยังไม่สามารถทะลวง พลังอำนาจŽ ของ เหล่าทัพŽ ที่ผนึกเสียงกันได้อย่างเหนียวแน่นได้
กระทั่ง เป็น เสียงลือเสียงเล่าอ้างŽ ภายใน รัฐบาลŽ ว่า เป็นคำขอจาก กองทัพŽ ต้องการให้ ผู้ที่มีภาพนิ่มนวลŽ เข้ามากำกับ กระทรวงกลาโหมŽ สอดคล้องจากคำพูดล่าสุดของ ยิ่งลักษณ์Ž ภายหลังเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมŽ ว่า เหตุผลที่ต้องควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็เพื่อให้การทำงานร่วมกับกองทัพมีวิธีการในการตัดสินใจที่เร็วขึ้น และเผื่อรัฐบาลจะได้มีอะไรที่จะสนับสนุนได้ เพื่อให้กองทัพสามารถเดินหน้าทำงานได้อย่างเต็มที่Ž
แม้ในสถานการณ์ การเมืองŽ ขณะนี้ส่อเค้าจะรุนแรง ซึ่งไม่รู้ว่าจะ ออก หัวŽ หรือ ก้อยŽ ในอนาคต
ทว่าการจัดทัพ เสนาบดีปู 5Ž จึงเกิดเป็น ภาพประนีประนอมŽ กับ ฝ่ายข้าราชการŽ ซึ่งนัยหนึ่งคือ ชนชั้นนำŽ !
(ที่มา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น