พรรคเพื่อไทยตั้งใจหักหลังวีรชนตั้งแต่แรก
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
ตั้งแต่การเลือกตั้งในปี ๒๕๕๔ ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ และพรรคเพื่อไทย
ตั้งใจจะจับมือกับทหารมือเปื้อนเลือด และหักหลังวีรชนเสื้อแดงที่เสียชีวิต
พร้อมกับทอดทิ้งนักโทษการเมืองคดี 112 เป้าหมายคือการประนีประนอมกับทหาร
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอำนาจในสังคมไทยและพร้อมจะอ้างอิงสถาบันกษัตริย์ที่
อ่อนแอเพื่อความชอบธรรมของทหารเอง
ทักษิณและเพื่อไทยต้องการจะกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของ “สมาคมอำมาตย์”
และเลิกความขัดแย้งที่เกิดจากการทำรัฐประหาร ๑๙ กันยา
เรื่องนี้ผู้เขียนเตือนไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี ๒๕๕๔ หลังการเลือกตั้งแค่หนึ่งเดือน คือเขียนไว้ตอนนั้นว่า “เรา
เริ่มเห็นภาพของข้อตกลงระหว่างอำมาตย์กับพรรคเพื่อไทย
เพื่อให้พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้
และเพื่อให้แกนนำเพื่อไทยถูกกลืนกลับไปเป็นพรรคพวกของอำมาตย์เหมือนเดิม
เพราะพรรคไทยรักไทยในอดีตก็เคยเป็นพวกเดียวกับอำมาตย์ก่อนที่จะทะเลาะกัน”
สัญญาณสำคัญที่ยิ่งลักษณ์ส่งออกมาคือการไปคบค้าสมาคมยิ้มแย้มแจ่มใสกับ
ประยุทธ์และเปรม พร้อมกับการใช้ 112 ต่อไป
และสำหรับเสื้อแดงที่หมดปัญญาและได้แต่แก้ตัวให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาอย่าง
ต่อเนื่อง ผู้เขียนเคยเสนอในปีนั้นว่า “รัฐบาลนี้ไม่ได้อ่อนแอถ้ารู้จักทำแนวร่วมกับมวลชนเสื้อแดงที่ทำให้รัฐบาลนี้ชนะการเลือกตั้งแต่แรก”
แต่การอาศัยพลังมวลชนไม่ใช่วัตถุประสงค์ของรัฐบาลตั้งแต่ชนะการเลือกตั้ง
เพราะมันจะ “เสี่ยง”
กับการสร้างสังคมไทยที่ก้าวหน้าและมีประชาธิปไตยมากกว่านี้
ทักษิณพร้อมจะถุยน้ำลายใส่ไพร่เสื้อแดงที่ต่อสู้กับทหารและพรรคประชาธิปัตย์
เพื่อให้ตนเองได้กลับบ้าน แต่สมยศ ดา ตอร์บิโด และนักโทษ 112 คนอื่น
จะไม่ได้กลับบ้าน
คนที่ต้องไปอยู่ต่างแดนเพราะกฏหมายชั่วช้าเผด็จการนี้ก็ไม่ได้กลับบ้านเช่น
กัน
ที่เขียนแบบนี้ไม่ได้พยายามสื่อว่าคนเสื้อแดง “ตายฟรี” หรือ “ติดคุกฟรี”
แต่อย่างใด เพราะถ้าคนธรรมดาไม่สู้ เสรีภาพจะไม่มีวันเกิด
เราต้องรู้ทันพวกข้างบนว่าเขาย่อมหักหลังคนเล็กๆ เสมอ
ในขณะเดียวกันเราต้องไม่ลืมว่าคนเสื้อแดงจำนวนมากไม่ได้สู้เพื่อใครคนใดคน
หนึ่ง เพียงแต่ว่าเราปล่อยให้พวก “ผู้ใหญ่” กำหนดแนวทางการนำ
แทนที่เราจะนำตนเอง
แกนนำ นปช. ไม่เคยออกมาเสนอให้ยกเลิก 112 และไม่เคยเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษ
112 ยิ่งกว่านั้นไม่มีการเคลื่อนไหวต่อต้านการหักหลังของรัฐบาลเลย
สรุปแล้วแกนนำ นปช. ไม่ต้องการให้เสื้อแดง “ก้าวพ้น” การเป็นลูกน้องทักษิณ
นั้นคือสาเหตุที่คนก้าวหน้าเสนอให้เคลื่อนไหวอิสระจาก นปช. มานาน
ปัญหาคือคนที่ก้าวหน้าไม่ยอมจัดตั้งทางการเมือง
พร้อมจะมีแค่กลุ่มกระจัดกระจายที่แยกกันเคลื่อนไหวและมีคำแถลง “หางว่าว”
ที่มีหลายสิบองค์กร แต่เกือบไม่มีมวลชน องค์กรผีนั้นเอง
ส่วนคนที่อยากจัดตั้งองค์กรทางการเมืองอย่างจริงจังก็เล็กเกินไปในขณะนี้
ใครที่วิเคราะห์สังคมไทยจากมุมมองชนชั้น
และพร้อมจะเปิดหูเปิดตาถึงธาตุแท้ของทักษิณ ยิ่งลักษณ์
หรือพรรคไทยรักไทย-พรรคเพื่อไทย จะสามารถเข้าใจตรงนี้มาแต่แรก
ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง
อย่าลืมว่าทักษิณเป็นนายทุนใหญ่ที่มีส่วนในการเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าในปา
ตานี หรือในสงครามต้านยาเสพติด และอย่าลืมว่าทักษิณก็เป็นคนที่ใช้
“เสื้อเหลือง”ก่อนพันธมิตรฯ ทักษิณและเพื่อไทยก็พร้อมจะใช้ 112 ต่อไป
ไม่ใช่แค่ไม่ยกเลิกเท่านั้น
คนที่ตอนนี้มีจุดยืนเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพ
โดยการต่อต้านกฏหมายนิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” ของรัฐบาลเพื่อไทย มีสองประเภท
ประเภทแรกเป็นคนที่มีการจัดตั้งทางการเมือง
คืออยู่ในกลุ่มฝ่ายซ้ายที่มีการร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองจากจุด
ยืนชนชั้น องค์กร “เลี้ยวซ้าย” เป็นตัวอย่างที่ดี
ประเภทที่สองเป็นปัจเจกชนที่กระตือรือร้นที่จะรักษาอุดมการณ์ท่ามกลางการถูก
ชักชวนให้ “หมอบคลานหรือเลิก” จากพวกที่หันหลังให้วีรชน
ปัจเจกชนแบบนี้น่าเคารพ
แต่เขามีจุดอ่อนเพราะส่วนใหญ่ขาดการวิเคราะห์แบบรวมหมู่ของคนที่เป็นสมาชิก
องค์กร ปัจเจกชนแบบนี้หลายคนจึงเสียจุดยืนไปแล้ว
หมดบทบาทก้าวหน้าทางการเมืองโดยสิ้นเชิง
อาจารย์ สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ ยังคงอุดมการณ์ แต่ล่าสุดเขียนถึง
“แนวร่วมของคนก้าวหน้ากับพรรคเพื่อไทย” ที่อาจถึงจุดจบแล้ว
การมองแนวร่วมแบบนั้นมีปัญหา เพราะเคยพาคนไปตั้งความหวังเท็จกับยิ่งลักษณ์
ทักษิณ หรือแม้แต่แกนนำ นปช. ผู้เขียนและ “เลี้ยวซ้าย”
เตือนว่าเราต้องไม่ทำแนวร่วมกับพรรคนายทุนมาตั้งแต่แรกเริ่มการก่อตั้งของ
เสื้อแดง เราเสนอแทนว่าควรทำแนวร่วมกับ “มวลชน” เสื้อแดง
ไม่ใช่กับพรรคเพื่อไทยหรือแกนนำ นปช.
และแนวร่วมนี้เรายังทำได้กับเสื้อแดงที่ปฏิเสธกฏหมายเหมาเข่ง
การที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยรวมทักษิณเข้าไปในการนิรโทษกรรม
มีปัญหาอีกแง่หนึ่งด้วยคือ
เปิดช่องทางให้พวกสลิ่มปฏิกิริยาที่สนับสนุนรัฐประหาร
สามารถออกมาสร้างภาพด้วยการปฏิเสธกฏหมายเหมาเข่ง สรุปแล้วมันไม่มีอะไรดีเลย
เลือกตั้งครั้งต่อไป
คนเสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยไม่ควรลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทยเป็นอันขาด
และแน่นอนไม่ควรเลือกพรรคประชาธิปัตย์ บางคนอาจสงสัยว่าจะทำอะไรดี
คำตอบง่ายๆ คือ “กาช่องไม่เลือกใคร” การเลือกตั้งสำคัญ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของ
“การเมือง”
เวลาคัดค้านการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง
เราต้องยืนยันว่ามันจะไม่นำไปสู่สันติภาพแต่อย่างใด
เพราะมันเป็นการประกาศอนุญาตให้ทหารและนักการเมืองเข่นฆ่าประชาชนอีกในอนาคต
เพราะฆาตกรของรัฐลอยนวลเสมอ ๑๔ ตุลา, ๖ ตุลา, พฤษภา ๓๕, ตากใบ
และราชประสงค์ คือหลักฐาน
เวลาคัดค้านการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง
เราต้องยืนยันอีกด้วยว่าปัญหาสำคัญคือการปล่อยให้นักโทษ 112 ติดคุกต่อไป
โดยไม่มีการยกเลิกกฏหมายนี้ อย่าลืมว่านักโทษ 112 เป็นนักโทษทางความคิด
ไม่เหมือนพวกเสื้อเหลืองที่ใช้ความรุนแรงในการปิดสนามบินแต่ไม่เคยติดคุก
ทุกวันนี้ผู้ที่น้อมรับหรือสนับสนุนกฏหมายนิรโทษกรรมฆาตกร
ไม่ว่าจะด้วยข้อแก้ตัวอะไร ล้วนแต่เป็นศัตรูทางการเมืองกับฝ่ายประชาธิปไตย
และเป็นศัตรูทางการเมืองกับผมด้วย
(ที่มา)
TurnleftThailand เลี้ยวซ้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น