หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

นักศึกษา มช. ค้านเซ็ตซีโร่ เรียกร้องวุฒิสภาใช้อำนาจยับยั้ง

นักศึกษา มช. ค้านเซ็ตซีโร่ เรียกร้องวุฒิสภาใช้อำนาจยับยั้ง


กลุ่ม "นักศึกษา มช. คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ค้านเหมาเข่ง เพราะผู้สั่งสลายชุมนุม-จนท.รัฐ-นักการเมืองคดีทุจริตได้ประโยชน์ และก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม เรียกร้องวุฒิสภาใช้อำนาจยับยั้ง แนะให้ยึดฉบับวรชัย เหมะ และเสนอนิรโทษกรรมผู้ถูกฟ้อง ม.112 ด้วย


5 พ.ย. 2556 - วันนี้ที่คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นักศึกษากลุ่ม "นักศึกษา มช. คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม" ได้ออกแถลงการณ์ "นักศึกษา มช. คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง-สุดซอย" โดยมีรายละเอียดของแถลงการณ์มีใจความดังนี้


"ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาร่างพระราช บัญญัตินิรโทษกรรมฯ และได้ลงมติผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ วาระที่ 3 จากจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 314 คน ลงคะแนนเสียงเห็นชอบ 310 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2556 แล้วนั้น ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ มีสาระสำคัญอยู่ว่า ให้นิรโทษกรรมแก่บุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดที่ เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 รวมตลอดถึงองค์กรหรือหน่วยงาน ที่ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ทั้งที่กระทำในฐานะตัวการ ผู้ใช้  ผู้สนับสนุน หรือผู้ถูกใช้ ไม่เป็นความผิดต่อไปและให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและ ความรับผิดโดยสิ้นเชิง แต่ไม่นิรโทษกรรมให้แก่บุคคลที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112


ซึ่งการผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯใน วาระที่ 3 นี้ กลุ่มนักศึกษา มช. คัดค้าน พรบ.นิรโทษกรรม ได้จัดให้มีการประชุมลงมติ และได้ออกแถลงการณ์ในเรื่องดังกล่าวดังต่อไปนี้



1. ขอคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ที่ผ่านการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 3 ที่ยกเว้นความผิดในทุกกรณี เนื่องจากทางกลุ่มมีความเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ นี้ ทำให้กลุ่มผู้ได้รับประโยชน์จากร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ครอบคลุมไปถึงผู้สั่งการ (ผู้ใช้ให้กระทำ) และเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ผู้ถูกใช้) จนนำไปสู่ความสูญเสียทางชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการขยายระยะเวลาของการนิรโทษกรรมออกไปจนทำให้นักการเมืองที่สมควรถูก พิจารณาภายใต้กระบวนการยุติธรรมในข้อหาทุจริตคอรัปชั่นได้รับประโยชน์ จากร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯฉบับดังกล่าว ดังนั้นการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งที่อาจทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในสังคม


2. สนับสนุนร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ วาระที่ 1 ของนายวรชัย เหมะ เมื่อพิจารณาจากร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ ของนายวรชัย เหมะ ที่เสนอให้สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติในวาระที่ 1 นั้น จากบทบัญญัติในมาตรา 3 ที่กล่าวว่า “บุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง หรือการแสดงออกทางการเมือง หรือบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง แต่การกระทำนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการ เมือง โดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใดเพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อ ต้านรัฐ การป้องกันตน การต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการชุมนุม การประท้วง หรือการแสดงออกด้วยวิธีการใด ๆ อันอาจเป็นการกระทบต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น” จะเห็นได้ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติรับหลักการโดยมุ่งนิรโทษกรรมเฉพาะ ประชาชน ผู้กระทำการตามที่กล่าวข้างต้นนั้น โดยมิได้นิรโทษกรรมให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม และทั้งไม่นิรโทษกรรมให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำ ความผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 แต่อย่างใด


3.ไม่สนับสนุนการนิรโทษกรรมให้แก่เจ้า หน้าที่ของรัฐระดับสั่งการ แกนนำผู้ชุมนุมทางการเมืองทุกกลุ่ม และผู้สั่งการ ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ยุยง หรือสั่งการ ในเหตุการณ์ทางการเมืองที่นำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชนเกินกว่าเหตุ โดยต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ตามกระบวนการยุติธรรม หากปล่อยให้ผู้สั่งการและเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสั่งการกระทำการละเมิดสิทธิ ในชีวิตและร่างกายรวมถึงสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนที่ พึงมีตามรัฐธรรมนูญนั้น รอดพ้นจากความรับผิดดังเช่นที่เคยปฏิบัติมาในอดีต นอกจากจะเป็นการตอกย้ำบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้อง แล้วยังขัดต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม นอกจากนี้ในส่วนของแกนนำผู้ชุมนุมทางการเมือง มีส่วนยุยง ส่งเสริม สนับสนุน และปลุกระดม ให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองในเบื้องต้น อันนำไปสู่ความสูญเสียต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงเช่นกัน


4. ไม่นิรโทษกรรมกรณีคดีความผิดที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตคอรัปชั่นของนักการ เมือง  และการปฏิบัติหน้าที่อันมิชอบในระหว่างการดำรงตำแหน่งทางการเมือง  จากการพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ วาระ3  ที่ได้แก้ไขและเพิ่มเติมเนื้อหาในส่วนของมาตรา 3  โดยขยายการนิรโทษกรรม  ครอบคลุมไปถึง “บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการ ชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้น ภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องต่อมา ที่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมาย ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง”  ซึ่งร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ นั้นมุ่งหมายนิรโทษกรรมให้แก่ผู้กระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง  การแสดงออกทางการเมือง  หรือความขัดแย้งทางการเมือง  ในร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ วาระ3นั้น  อาจมีการบิดเบือนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของการนิรโทษกรรมโดยการแก้ไขเพิ่มเติม เนื้อหาดังกล่าว  ที่สามารถตีความไปในทางมิชอบได้


5. ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ  ที่ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 3 นั้น  ซึ่งนิรโทษกรรมให้แก่บุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการ เมือง  การแสดงออกทางการเมือง  หรือความขัดแย้งทางการเมือง  ดังที่บัญญัติตามมาตรา 3  วรรคแรกนั้น ได้มีการกำหนดยกเว้นไม่นิรโทษกรรมให้แก่บุคคลซึ่งกระทำความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา112  ในมาตรา 3 วรรค 2 ถึงแม้ว่าการกระทำความผิดของบุคคลนั้นจะเป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับการ ชุมนุมทางการเมือง  การแสดงออกทางการเมือง  หรือความขัดแย้งทางการเมืองก็ตาม การบัญญัติกฎหมายในลักษณะเช่นนี้ย่อมขัดหรือแย้งกับหลักแห่งความเสมอภาคที่ รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 30  ดังนั้นควรนิรโทษกรรมให้แก่บุคคลซึ่งกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เช่นเดียวกับบุคคลหรือประชาชนทั่วไปด้วย


กลุ่มนักศึกษา มช.คัดค้านพรบ.นิรโทษกรรม ขอเรียกร้องให้วุฒิสภา ซึ่งต้องเป็นผู้พิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมได้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ยับยั้งร่างกฎหมาย ลงมติไม่ให้ความเห็นชอบต่อร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมดังกล่าว และส่งร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคืนไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาทบทวนใหม่ ทั้งนี้ทางกลุ่มนักศึกษา มช. คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ยังคงเชื่อมั่นต่อกระบวนการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน หวังว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา จะไม่ทำลายความหวังและศรัทธาของประชาชนที่มีต่อระบอบประชาธิปไตย สุดท้ายนี้ทางกลุ่มจะติดตามสถานการณ์และขอสนับสนุนการดำเนินการพิจารณา พรบ.นี้อย่างถี่ถ้วนในระบบรัฐสภาต่อไป


กลุ่มนักศึกษา มช.คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
5 พฤศจิกายน 2556"

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2013/11/49611

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น