"ธงชัย วินิจจะกูล" ชี้ไทยอยู่บนปากเหวสู่สงครามกลางเมือง เลือกตั้งคือหนทางแก้ปัญหาเดียว
นายธงชัย
วินิจจะกูล ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประจำมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เขียนบทความหัวข้อ Thailand on the Brink of Civil War (ประเทศไทยบนปากเหวสู่ภาวะสงครามกลางเมือง)
เผยแพร่ลงในเว็บไซต์ http://america.aljazeera.com/ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม
ที่ผ่านมา
นายธงชัยระบุว่า วุฒิสภาไทย
ซึ่งเป็นองค์กรนิติบัญญัติองค์กรเดียวที่ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ในปัจจุบัน
ได้จัดการประชุมนอกรอบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อแสวงหาหนทางยุติทางตันทางการเมืองในประเทศไทย
ที่ดำเนินมานาน 6 เดือน ก่อนหน้านั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีคำวินิจฉัยให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และสมาชิกคณะรัฐมนตรีจำนวนหนึ่ง ต้องพ้นจากตำแหน่ง กระบวนการ "รัฐประหารโดยตุลาการ" ดังกล่าว ตามติดมาด้วย
การตัดสินของ ป.ป.ช. ที่ออกมาชี้มูลความผิด ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์
ในกรณีนโยบายจำนำข้าว
นักวิชาการผู้นี้ ตั้งข้อสังเกตว่า
แม้ปฏิบัติการของทั้งศาลรัฐธรรมนูญและ ป.ป.ช. จะมีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายการดำเนินการทางกฎหมาย แต่จริงๆ
แล้ว คำวินิจฉัยทั้งคู่กลับถูกประกาศออกมา โดยปราศจากกระบวนการทางกฎหมายอันถูกต้องเหมาะสม
ส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยถูกตั้งคำถามในประเด็นเรื่องความน่าเชื่อถือและความเป็นกลาง
ในสายตาของสาธารณชนชาวไทยส่วนใหญ่
ตามความเห็นของนายธงชัย
กลุ่มชนชั้นนำที่เขาเรียกว่า "กลุ่มอนุรักษ์นิยมรอยัลลิสต์" ได้รู้สึกปีติยินดีกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและ
ป.ป.ช. แต่ขณะเดียวกัน ลักษณะแบ่งขั้วเลือกข้างชนิดลงรากลึกที่เปิดเผยผ่านคำตัดสินทั้งสอง
ก็แสดงให้เห็นถึงความอ่อนกำลังลงของกลุ่มอนุรักษ์ฯ
เอง
ทั้งศาลรัฐธรรมนญและป.ป.ช. เป็นองค์กรที่ถูกสร้างขึ้นมาในปี
พ.ศ.2550 โดยรัฐบาลของคณะรัฐประหาร 2549 จากนั้น
ศาลรัฐธรรมนูญก็เพิกถอนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไปแล้ว 3 ชุด ตัดสินยุบพรรคการเมืองไปแล้วเกินกว่า 10
พรรค
อีกทั้งยังประกาศให้การเลือกตั้งที่ได้รับการรับรองว่าถูกจัดขึ้นอย่างบริสุทธิ์และยุติธรรมกลายเป็นโมฆะ
นอกจากนั้น ทั้งวุฒิสภาและศาลรัฐธรรมนูญ
ต่างพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าในการขัดขวางไม่ให้กลุ่มสมาชิกรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี2550
ณปัจจุบัน
นายธงชัยเห็นว่าป.ป.ช. กำลังร่วมมือกับวุฒิสภา ในการนำพาประเทศออกจากทางตัน อย่างไรก็ดี แผนการของกลุ่มอนุรักษ์ฯ
ที่พยายามฉวยชิงอำนาจมาอยู่ในมือของตนเองอย่างมิหยุดหย่อน ด้วยการทำลายหลักนิติธรรม
กลับกำลังส่งผลให้ประเทศไทยต้องเสื่อมทรุดลงไปสู่ภาวะสงครามกลางเมืองมากกว่า
ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสันย้อนข้อมูลว่า
วิกฤตการณ์ปัจจุบันของประเทศไทยเริ่มต้นขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน เมื่อกลุ่มอนุรักษ์ฯในกทม.
เริ่มก่อการยึดสถานที่สาธารณะหลายแห่ง
เพื่อขับไล่รัฐบาลที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาตามกระบวนการประชาธิปไตยของ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ หลังจากนั้น
ประชาชนมากกว่า 25 ราย ได้ถูกสังหาร อีกหลายร้อยรายได้รับบาดเจ็บ จากการประท้วงบนท้องถนน
ระบบประชาธิปไตยแบบเลือกตั้งของไทยที่ครั้งหนึ่งเคยผลิดอกออกผลกำลังถูกกลุ้มรุมมากยิ่งขึ้น
นับจากนี้รัฐบาลของกลุ่มอนุรักษ์ฯที่อาจถูกจัดตั้งขึ้นอาจจะพยายามปิดปากกลุ่มสาธารณชนผู้มีความเห็นต่างผ่านการใช้กำลัง,
การสร้างความหวาดกลัว และการบีบบังคับขู่เข็ญ อย่างไรก็ตาม น่าเชื่อเช่นกันว่า
กลุ่มนักกิจกรรมเคลื่อนไหวทั้งฝ่ายที่สนับสนุนและต่อต้านรัฐบาลชุดดังกล่าว จะออกมารวมตัว
แล้วนำไปสู่การเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ในภาวะเช่นนั้น
การประท้วงของคนต่างกลุ่มบนท้องถนนน่าจะลุกลามไปไกลเกินกำลังควบคุมของฝ่ายรัฐบาล
นาย
ธงชัยยังกล่าวถึงท่าทีของศาลและกองทัพซึ่งยังคงยืนยันความบริสุทธิ์และ
ประพฤติตัวเป็นเกราะกำบังให้แก่กลุ่มผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรงและมี
พฤติกรรมคุกคามผู้อื่นรวมถึงพยายามขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อเดือนก.พ.2557
(ซึ่งนักวิชาการผู้นี้เห็นว่าการเลือกตั้งน่าจะสามารถช่วยยุติความตึงเครียด
ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องได้)ยิ่งกว่านั้นศาลยังช่วยยืนยันการมีอำนาจของ
ส.ว.สรรหาและพยายามขยายขอบเขตอำนาจของศาลเองให้อยู่นอกเหนือข้อจำกัดที่
บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
นัก
วิชาการผู้นี้บรรยายต่อว่ากลุ่มอนุรักษ์ฯอยู่เบื้องหลังการประท้วงต่อต้าน
ประชาธิปไตยและพ่ายแพ้การเลือกตั้งระดับชาติมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2543
ชนชั้นนำกลุ่มนี้เริ่มมีความชอบธรรมในทางการเมืองและความนิยมในหมู่ประชาชน
ลดน้อยลง
แต่พวกเขายังคงมีอิทธิพลครอบงำระบบตุลาการ, กองทัพ, ระบบราชการ
และมหาวิทยาลัยต่างๆ
อยู่
ในทัศนะของนักประวัติศาสตร์รายนี้
ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้าอยู่กับทางแยกอันสุ่มเสี่ยง หลังจากขับไล่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ออกไปได้
เหล่าผู้ชุมนุมที่แสนจะยินดีปรีดาก็ออกมาเรียกร้องให้กลไกอำนาจรัฐทั้งหมดยินยอมมอบอำนาจให้แก่พวกตน
กปปส. ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ กำลังกดดันวุฒิสภาให้รีบสรรหารัฐบาลรักษาการ
ซึ่งมาจากการแต่งตั้ง
ทั้งนี้ วุฒิสภาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นนำอนุรักษ์ฯ
ส.ว.ครึ่งหนึ่งมาจากการสรรหาโดยคณะตุลาการ ดังนั้น เพียงแค่ได้ ส.ว.เลือกตั้ง จำนวนไม่มากมาร่วมสมทบ
ก็สามารถนำไปสู่การยึดกุมเสียงข้างมากในสภาแห่งนี้ได้ วุฒิสภาทำงานอย่างใกล้ชิดกับกปปส., ศาลรัฐธรรมนูญ,
ป.ป.ช. และ กกต. ในการพยายามจะสร้างสุญญากาศทางอำนาจ
ด้วยการเพิกถอนรัฐบาลรักษาการของพรรคเพื่อไทยทั้งชุดออกจากตำแหน่ง ด้วยเหตุนี้
ส.ว.กลุ่มหนึ่งจึงจัดการหารือนอกรอบในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อหาทางยุติวิกฤตการเมือง
การประชุมระหว่างบรรดาส.ว.สรรหาและเครือข่ายพันธมิตร ถูกคว่ำบาตรโดยส่วนใหญ่ของ ส.ว.เลือกตั้ง
ด้วยเหตุผลว่า
การประชุมหารือดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
นายธงชัยระบุต่อไปว่า
กลุ่มอนุรักษ์ฯ ต้องการให้วุฒิสภาสรรหาตัวแทนของพวกตนขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พวกเขารู้ดีว่ากระบวนการเช่นนี้ไม่เพียงแต่ไม่เป็นประชาธิปไตย
หากยังผิดกฎหมายและขัดกับรัฐธรรมนูญที่พวกเขามีส่วนร่างมันขึ้นมา กลุ่มอนุรักษ์ฯ
กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากสาธารณชนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ตลอดจนข้อโต้แย้งทางกฎหมายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากบทบาทที่ผ่านๆ
มา ในการขัดขวางการเลือกตั้งและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตอนนี้
วุฒิสภาเป็นเพียงองค์กรเดียวที่สามารถทำให้แผนการของกลุ่มอนุรักษ์ฯ ประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น
เมื่อวุฒิสภาแสดงอาการละล้าละลังในการสรรหานายกฯ คนใหม่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกปปส.
จึงต้องออกมาเตือนว่า มิฉะนั้น เขาจะจัดการทุกอย่างด้วยมือของตัวเอง
นายธงชัย
อ้างถึงข้อสังเกตของนายจตุพร พรหมพันธุ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และแกนนำขบวนการเสื้อแดง ซึ่งระบุว่า
ความพยายามใดๆ ที่จะแทนที่รัฐบาลรักษาการชุดปัจจุบัน ด้วยรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
จะนำไปสู่การเกิดสงครามกลางเมือง
นายจตุพรจึงเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการจากพรรคเพื่อไทยเร่งจัดให้มีการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้ามีแผนจะถูกจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม แต่ทั้งกปปส. และกกต.
ยังคงขัดขวางกระบวนการดังกล่าว เพื่อชะลอการเลือกตั้งออกไป ตามความเห็นของนักวิชาการรายนี้
ยิ่งความตึงเครียดระหว่างสองกลุ่มคู่ขัดแย้งทางการเมืองพุ่งสูงขึ้น
สถานการณ์ความขัดแย้งในไทยก็ยิ่งลุกลามเกินจะควบคุม
ในมุมมองของนักประวัติศาสตร์ผู้นี้ แม้กลุ่มอนุรักษ์ฯ จะคาดหวังว่าการโปรดเกล้าฯ นายกฯ
ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง จะสามารถระงับความไม่สงบเรียบร้อยต่างๆ ลงได้ แต่วิธีการเช่นนั้น
อาจส่งผลให้ความชอบธรรมของสถาบันฯ ถูกตั้งคำถามโดยสาธารณชน และหากสถานการณ์ไปไกลยิ่งกว่านั้น
นั่นย่อมเป็นสิ่งที่กลุ่มอนุรักษ์ฯ ต้องร่วมรับผิดชอบ
ดังนั้น
นายธงชัยจึงเสนอว่า การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์
และยุติธรรม เป็นวิถีทางเดียวที่จะนำประเทศไทยออกจากภาวะโกลาหลในปัจจุบัน
ความดื้อรั้นยืนกรานจะสรรหานายกฯ คนดี ที่มาจากการแต่งตั้ง ของกลุ่มอนุรักษ์ฯ
จะยิ่งทำให้สถานการณ์ที่หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว มีความเลวร้ายมากยิ่งขึ้นไปอีก
แผนการที่ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญและไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนส่วนใหญ่ของกลุ่มอนุรักษ์ฯ
ได้รับการต่อต้านในวงกว้างจากกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อให้แผนการดังกล่าวประสบความสำเร็จ
กลุ่มอนุรักษ์อาจต้องกำจัดแกนนำเสื้อแดงเป็นจำนวนมาก
ซึ่งนั่นย่อมส่งผลก่อให้เกิดความไม่สงบในวงกว้างตามมา
ในช่วงท้ายบทความ
นายธงชัยชี้ว่า แม้ประเทศไทยจะมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ไม่มากนัก ในทางการเมืองระหว่างประเทศยุคปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ ประชาคมนานาชาติจึงมักเงียบเสียงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี
สถานการณ์ความรุนแรงและวิถีทางอันไม่เป็นประชาธิปไตยในไทย อาจส่งผลกระทบแพร่ลามไปยังภูมิภาค
ที่เลขาธิการทั่วไปขององค์การสหประชาชาติ และรัฐบาลสหรัฐ รวมถึงประเทศอื่นๆ บางประเทศ
เพิ่งจะออกมาเรียกร้องให้บรรดาผู้มีส่วนได้เสียกับภูมิภาคดังกล่าว
เฝ้าสำรวจตรวจสอบการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติและเป็นประชาธิปไตยของภูมิภาคแห่งนี้
ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชาวไทยจึงเรียกร้องให้ สหประชาชาติ และสมาชิกอาเซียนชาติอื่นๆ
ออกมาแสดงจุดยืนร่วมกันยืนยันให้ประเทศไทยหวนคืนสู่การปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้ง
(ที่มา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น