′แด่จิตรกรนักฝัน′
โดย เกษียร เตชะพีระ
รอบปีที่ผ่านมา บรรดาจิตรกรนักฝันบ้านเราประสบอุปสรรคความยากลำบากหนักพอควร ถูกหมิ่นประมาท ดูหมิ่นบ้างล่ะ ("เป็นคนไทยหรือเปล่า?") แสดงความอาฆาตมาดร้ายบ้างล่ะ ("ไปอยู่ต่างประเทศซะ") ราวกับว่าพวกเขาไม่ใช่พลเมืองไทยผู้ทรงสิทธิ์เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยชอบ และเสมอภาคเท่าเทียมกับคนไทยทุกคนด้วยคนหนึ่ง หากเป็นแค่ไพร่ข้าที่มาอาศัยนายอยู่
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ผมจึงขอฝากกลอนเป็นกำลังใจถึงจิตรกรนักฝันทุกท่าน ขอจงยืนหยัด ดำรงชีพอยู่ในสัจจะและอหิงสาธรรมต่อไป เพราะชัยชนะไม่ได้อยู่ที่ปลายทางแห่งใด หากอยู่ตรงทุกขณะจิตที่ท่านตั้งตนคงมั่นอยู่ในความดี ความงามและความจริง เบื้องหน้าอสัตย์อธรรมทั้งมวล
ความเป็นจริงโลกนี้เป็นสีเทา เป็นสีเก่าแก่ที่มีมานาน
จิตรกรก่อนเราก็หลายรุ่น มุ่งวาดโลกสีละมุนละไมหวาน
ขึงผ้าใบห่มจินตนาการ ผสมสีใส่จานจุ่มพู่กัน
บรรจงวาดโลกที่ไม่มีโลก ไม่มีความโสโครกเขย่าขวัญ
ไม่มีคนอดอยากลำบากครัน ไม่มีการฆ่าฟันทำสงคราม
ไม่มีการกดขี่เหยียบยีย่ำ ไม่มีน้ำตาทุกข์ที่ท่วมหลาม
ไม่มีอำนาจใดให้ยอมตาม ไม่มีความมั่งคั่งบนหลังคน
ไม่มีคำตอบหนึ่งซึ่งต้องถูก ไม่มีศาสดาผูกขาดเหตุผล
ไม่มีการสอบเอ็นท์ตามเกณฑ์ตน ไม่มีความอับจนทางปัญญา
และไม่มีไม่มีล้วนไม่มี อะไรที่เคยมีไม่เข้าท่า
แต่มั่งมีมากมายล้วนมีมา อะไรที่ฝันว่าอยากให้มี
ความเป็นจริงหยิ่งผยองครองโลกอยู่ ชี้นิ้วกราดตวาดขู่เจ้าของสี
ไอ้ความฝันจัญไรไม่เข้าที เหยียบขยี้ยีย่ำคว่ำผ้าใบ
หักพู่กันเขวี้ยงจานจนแหลกยับ เข้ารวบจับจิตรกรผู้อ่อนไหว
ขึงด้วยตรวนแส้ฟาดเจียนขาดใจ หยิบสีเทายื่นให้เจ้าจงทา
ทาที่หน้าทาตัวให้โชกชุ่ม ทาแผ่นดินให้เทาคลุมทั้งผืนหล้า
ทาความฝันดวงจินต์และวิญญา ทาจนกว่าเจ้าจะเห็นเป็นสีเทา
ทาจนหมดยิ้มละไมที่ในโลก จนเหลือแต่ความโศกที่ซึมเศร้า
จนลืมสิ้นสีอื่นใดไม่เหลือเงา จนกว่าเจ้าเห็นสีเทาเป็นธรรมดา
ในความจริงสีเทาอันเศร้าหมอง น้ำตาจิตรกรนองทั้งใบหน้า
สีเทาหยดเข้าปากสากลิ้นคา จิตรกรกัดชิวหาฆ่าตัวตาย
เขายอมตายกับความฝันอันผุดผ่อง ดีกว่าอยู่ในโลกหมองหมดความหมาย
สำหรับเขาเขาไม่ได้วอดวาย ซากสีเทาทั้งหลายไร้ชีวิต
ลมหายใจเทาเทาเปล่าคุณค่า ตายดีกว่าความฝันตายสนิท
นิทานนี้มีสาระน่าคิด ฝากมิ่งมิตรทั้งผองไตร่ตรองดู"
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1325217537&grpid=&catid=02&subcatid=0207
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น