หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

ยังไม่มี “การปรองดอง” ในทางยุทธศาสตร์

ยังไม่มี “การปรองดอง” ในทางยุทธศาสตร์

(สถานการณ์ประเทศไทย ...ยุทธศาสตร์ยังไม่เปลี่ยน การปรองดองเป็นเพียงยุทธวิธีเท่านั้น)

 






การนำเสนอเช่นนี้มิใช่ว่าไม่อยากให้ความสงบสันติเกิดขึ้น แต่เพราะมองเห็นว่ายังเป็นไปไม่ได้ จึงต้องเสนอบทวิเคราะห์ด้วยเหตุด้วยผลให้ทุกฝ่ายพิจารณาหาทางทำให้ความเป็น จริงเกิดขึ้น


ก่อนอื่นต้องศึกษาให้เข้าใจว่าต้นตอของวิกฤตความขัดแย้งเกิดจากอะไร ไม่ใช่สนธิกับทักษิณ หรือเสื้อเหลืองกับเสื้อแดง หรือประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย แต่เป็นความขัดแย้งของกลุ่มชนชั้นบนสุดของประเทศไทยระหว่างกลุ่มชนชั้นบน เก่าหรือกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยม กับกลุ่มชนชั้นบนใหม่หรือกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ เป็นความขัดแย้งหลัก และกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยมเป็นด้านหลักของความขัดแย้ง ดังนั้น การจะยุติหรือดับวิกฤตความขัดแย้งก็จะต้องเริ่มจากกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยม แต่ปัจจุบันนี้ยังมองไม่เห็น


อย่าลืมว่าในระยะ 6 ปีที่ผ่านมา กลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยมได้ทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดและแผนการทุกชนิดในการ โค่นล้มกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ ทั้งมวลชนเสื้อเหลือง กองทัพ พรรคการเมืองและตุลาการภิวัตน์ ทั้งชุมนุมขับไล่ ก่อรัฐประหาร ใช้ตุลาการยุบพรรค กระทั่งกวาดล้าง จับกุม เข่นฆ่า แต่ไม่อาจทำลายกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ให้ล่มสลายได้ กลับยิ่งทำให้กลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนผู้รัก ประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น เพราะทนไม่ได้กับการกระทำของกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยม ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยกับกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์จึงกลายเป็นแนวร่วม อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงจากการถูกกดดัน ก่อเกิดเป็นทฤษฎีการปฏิวัติประชาธิปไตยทุนนิยมเสรี คือผู้รักประชาธิปไตยกับกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ร่วมมือกันต่อสู้กับกลุ่ม เผด็จการทุนเก่าอนุรักษ์นิยม


หลังจากสัปปยุทธ์กันมา 6 ปี กลุ่มทุนก่าอนุรักษ์นิยมก็หมดอาวุธที่จะฟาดฟันเพราะงัดออกมาใช้จนหมดสิ้น แล้ว แผนการต่างๆ ก็ถูกนำมาใช้จนสิ้นจากคลังสอง ที่สำคัญยิ่งนานวันก็ยิ่งเสื่อม มวลชนยิ่งหดหาย ไม้เท้าที่ใช้เคาะกะโหลกก็ไม่ขลัง นักวิชาการตาสว่าง ทหารก็ตาสว่างมากขึ้น การจะใช้ทหารยึดอำนาจอีกก็ทำไม่ได้ การจะยุบพรรคก็ทำไม่ได้ จะเคลื่อนไหวมวลชนยึดทำเนียบ ยึดสนามบินให้ยุบสภาฯ ก็ทำไม่ได้ และยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่ก็ไม่ชนะ จึงอยู่ในสภาพหมดอาวุธ หมดปัญญา

เวลานี้ที่ทำได้ก็คือ สนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์กับมวลชนกลุ่มเสื้อหลากสี กับกลุ่มสยามสารพัดเคลื่อนไหว ซื้อเวลาไปเรื่อยๆ หลังฟลุ้ค เผื่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเปิดทางให้ต่อย

เวลานี้กลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยมไม่ได้วางเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวหลัก เพราะเขามองออกแล้วว่าเวลานี้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยได้ยกระดับ ถึงขั้นไม่มีคนชื่อทักษิณก็ไม่หยุดการต่อสู้ การเคลื่อนไหว “ตาสว่าง” และ “ครก.112” เป็นสิ่งบ่งบอก

ดังนั้น เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยม เวลานี้คือทำลายกลุ่มประชาชนผู้รักประชาธิปไตย เพราะถ้าทำสำเร็จ พรรคเพื่อไทยและกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ ก็จะหมดสภาพไปเอง จนต้องยอมสยบเหมือนคนเดือนตุลา และสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยหลายคนยอมจำนน แลบลิ้นเลียเท้าอยู่ในขณะนี้

แต่การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านประชาธิปไตย พวกเขาไม่อาจเอยออกมาได้พวกเขาจึงต้องชูทักษิณเป็นตัวล่อ เช่น คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ประกาศว่า เพราะจะแก้ไขเพื่อทักษิณ เพราะจะโฆษณาว่า คัดค้านเพราะจะแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยย่อมไม่ได้ แต่เป้าหมายก็คือเรื่องนี้

การชูทักษิณเป็นตัวล่อเพื่อต่อต้านประชาธิปไตย ยังเป็นยุทธศาสตร์ของกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยม เช่นเดียวกับประชาชนผู้รักประชาธิปไตยกับกลุ่มทุนใหม่โลกาภิวัตน์ก็ต้อง ต่อสู้เพื่อปฏิวัติเปลี่ยนโครงสร้างสังคมไทยอย่างไม่อาจหยุดนิ่งและยอมจำนน ต่างฝ่ายต่างก็มียุทธศาสตร์ของตนที่ไม่ยอมแก่กัน อย่างนี้แล้วความปรองดองจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ความปรองดองจึงเป็นเพียงยุทธวิธีเพื่อพักรบเตรียมกำลังเท่านั้นเอง

เพราะถ้าการปรองดองเป็นยุทธศาสตร์ ฝ่ายกลุ่มทุนเก่าอนุรักษ์นิยมจะต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงสั่งให้กลุ่มมวลชน จัดตั้งต่างๆ และพรรคประชาธิปัตย์ หยุดเคลื่อนไหวก่อกวนนอกสภาฯ ดึงการเมืองเข้าสู่ระบบ เคารพกฎหมายและรัฐธรรมนูญทำขบวนการยุติธรรมให้มีความยุติธรรมอย่างแท้จริง สิ่งที่ควรเคารพก็อยู่ในสถานะที่ควรเคารพ ความสงบและสันติก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย

 

(ที่มา) 

http://blogazine.in.th/blogs/littlevoicefromprisons/post/3417

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น