หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เยาวชนใต้มองรัฐดับไฟใต้ ไม่ตรงจุด

เยาวชนใต้มองรัฐดับไฟใต้ ไม่ตรงจุด

 

 


กรรมการบริหาร  ฝ่ายประสานงานภาคใต้ ของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนนท.  แสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
 
โดยเชื่อว่าเหตุการณ์ระลอกล่าสุด เป็นการตอบโต้ข่าวลือเรื่องการเปิดเจรจาระหว่างกลุ่มแกนนำกับภาครัฐ  พร้อมระบุว่า การคงกำลังทหารในพื้นที่ ไม่ช่วยแก้ปัญหาในระยะยาว แต่รัฐต้องส่งเสริมให้ประชาชน  เป็นผู้กำหนดอนาคตของตนเอง
 
 
นายฮากิม พงติกอ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และกรรมการบริหาร  ของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนนท.  ฝ่ายประสานงานภาคใต้   ซึ่งมีบ้านเกิดอยู่ในพื้นที่ความขัดแย้ง คือ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา แสดงความคิดเห็นต่อกรณีความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ระลอกล่าสุด
 
 
โดยระบุว่า ความรุนแรงนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากเหตุระเบิดรถยนต์  ที่สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส  เมื่อวันที่ 20 กรกฏาคมที่ผ่านมา และเป็นการตอบโต้ข่าวลือ เรื่องแกนนำผู้ก่อการที่ประเทศอินโดนิเซีย รับการเจรจากับรัฐบาลไทย
 
 
ด้านนายฮากิม  ตั้งข้อสังเกตว่า  เหตุการณ์คนร้ายประกบยิงทหารจนเสียชีวิต 4 นายและบาดเจ็บอีก 2 นาย ที่จังหวัดปัตตานี  ซึ่งกล้องวงจรปิด สามารถบันทึกภาพใบหน้าผู้ก่อเหตุได้อย่างชัดเจนนั้น คือความตั้งใจของกลุ่มผู้ก่อเหตุ  ที่ต้องการบอกภาครัฐ ว่าผู้ก่อเหตุตัวจริง จะยังคงทำงานในพื้นที่ต่อไป
 
 
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งสะท้อนว่า  ไม่ว่าพรรคการเมืองไหน จะขึ้นมาเป็นรัฐบาล  ต้นตอของความรุนแรงยังไม่ได้รับการแก้ไข  ที่ผ่านมา นโยบายและการปฏิบัติที่แตกต่างกัน อาจลดความถี่ของการก่อเหตุได้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาระยะยาวได้   เยาวชนคนนี้ ยังระบุว่า ความพยายามของทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นการแก้ปัญหารายวันมากกว่า
 
 
นายฮากิมยังได้กล่าวอีกว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอบางข้อ จากทั้งหมด 8 ข้อ ของนายถาวร เสนเนียม สส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการยกเลิกกฏหมายพิเศษบางฉบับ เช่น  พระราชกำหนดการบริหารแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน  เพราะมองว่าเป็นกฏหมายที่ให้สิทธิเจ้าหน้าที่มากเกินไป  และเห็นว่าควรใช้พระราชบัญญัติความมั่นคง แทน พรก.ฉุกเฉิน  แต่หนทางดีที่สุด คือ หามาตรการอื่นมาใช้แทนกฏหมายพิเศษ
 
 
ส่วนการจัดศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหา จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศปก.จชต.นั้น หากสามารถแก้ปัญหาเรื่องหน่วยงานต่างๆ ขาดเอกภาพ และกำหนดทิศทางการทำงานให้ตรงกันได้ เชื่อว่าจะให้การแก้ไขปัญหาดีขึ้น แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเสถียรภาพของรัฐบาลและความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการแก้ปัญหาด้วย
 
 
นายฮากิม  ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า  ขณะนี้สัดส่วนทหารและตำรวจต่อประชากรในพื้นที่ มีมากถึง 1 ต่อ 16 คนแล้ว  ซึ่งนับว่าสูงมาก แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การส่งเจ้าหน้าที่จากหน่วยต่างๆที่มีความหลากหลายลงไป จึงไม่ช่วยแก้ปัญหา และยังทำให้เกิดการขัดแย้งในหมู่เจ้าหน้าที่ด้วยกันเอง  เขาจึงเห็นว่า ทหารในพื้นที่ ควรมาจากกองทัพภาคที่ 4 เพียงหน่วยเดียว ที่มีความเข้าใจพื้นที่มากกว่า
 
 
ส่วนการแก้ปัญหาในระยะยาว  มุมมองของกรรมการบริหาร สนนท. ระบุว่า รัฐบาลไทย  ต้องชูยุทธศาสตร์ให้คนในพื้นที่ กำหนดอนาคตของตัวเอง ด้วยตัวเอง 
 
 
นอกจากนี้สิ่งที่พวกเขา กำลังทำอยู่เพื่อร่วมคลี่คลายความรุนแรงนั้น คือการจัดตั้งกลุ่มแกนนำนักศึกษา  เข้าไปส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ เพื่อกระตุ้นให้พวกเขาได้แสดงออกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ เพื่อให้ประชาชน เป็นผู้บอกกับสังคมว่า อะไรคือความต้องการที่แท้จริงของพวกเขา

(คลิกฟัง)
http://news.voicetv.co.th/thailand/47260.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น