หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การลงมติยุติโทษประหารชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ไทยงดออกเสียงเป็นครั้งที่สอง

การลงมติยุติโทษประหารชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ไทยงดออกเสียงเป็นครั้งที่สอง

 

องค์กรนิรโทษกรรมสากลแถลงแรงสนับสนุนจากทั่วโลกเพื่อยุติโทษประหารชีวิตกำลังเพิ่มมากขึ้น  หลังจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติลงคะแนนอย่างท่วมท้นเพื่อสนับสนุนมติการพักใช้โทษประหารชีวิต

โดยการลงมติครั้งนี้นับป็นการลงมติครั้งที่ 4 ที่ผ่านการรับรองในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ นับตั้งแต่ปี 2550

111 รัฐลงคะแนนเสียงสนับสนุนมติดังกล่าว มีคะแนนเห็นชอบเพิ่มขึ้น 2 เสียงจากการลงมติครั้งล่าสุดเมือปี 2553 รัฐที่ลงคะแนนสนับสนุนเป็นครั้งแรก ได้แก่ สาธารณรัฐแอฟริกากลาง ชาด เซเชลล์ เซียร่าลีโอน ซูดานใต้ และตูนีเซีย ยังมีสัญญาณในเชิงบวกจากปาปัวนิวกินีและอินโดนีเซียที่เปลี่ยนจากการลงคะแนนคัดค้านมาเป็นงดออกเสียง เป็นที่น่าเสียดายว่า บาห์เรน โดมินิกัน และโอมาน เปลี่ยนจากการงดออกเสียงมาลงคะแนนคัดค้านมติ ในขณะที่ มัลดีฟส์ นามิเบีย และศรีลังกาเปลี่ยนจากการลงคะแนนสนับสนุนมาเป็นการงดออกเสียง

“การลงมติในวันนี้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงกระแสที่ชัดเจนในระดับโลกที่จะผละจากการใช้โทษประหารชีวิต ปัจจุบัน 140 ประเทศทั่วโลกยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางกฎหมายหรือในทางปฏิบัติ” โจเซ่ หลุยส์ ดิแอซ ตัวแทนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประจำองค์การสหประชาชาติที่กรุงนิวยอร์กกล่าว
“ถึงแม้มติของที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติจะไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ก็เป็นมติที่แสดงให้เห็นถึงเจตนารมย์ของประชาคมระหว่างประเทศและเป็นการส่งสัญญานที่ชัดเจนจากองค์กรระดับโลก”

“โทษประหารชีวิตเป็นการลงโทษที่ทารุณโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมอย่างที่สุด องค์กรนิรโทษกรรมสากลคัดค้านการใช้โทษประหารทุกกรณี”

ผลการลงคะแนนรวม มีเสียงสนับสนุน 111 เสียง คัดค้าน 41 เสียง และงดออกเสียง 34 เสียง
หมายเหตุ: สำหรับรัฐบาลไทยลงคะแนนงดออกเสียงต่อมติการพักใช้โทษประหารชีวิตดังกล่าว นับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เปลี่ยนจากการลงคะแนนคัดค้านมาเป็นงดออกเสียงครั้งแรกเมื่อปี 2553***

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/12/44337

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น