'สสส.' แถลงร่วมองค์สิทธิระหว่างประเทศ ต้องปล่อยตัว 'สมยศ' ทันที
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน แถลงร่วมกับองค์กรสิทธิระหว่างประเทศ
ย้ำการควบคุมตัวสมยศ พฤกษาเกษมสุขขัดกับมาตรฐานสากล
ชี้การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์เป็นสิ่งที่ทำได้ตามอนุสัญญาระหว่าง
ประเทศ
The Observatory for the Protection of Human Rights Defenders
Union for Civil Liberty (UCL)
แถลงการณ์ร่วม
ประเทศไทย: คณะทำงานขององค์การสหประชาชาติแถลงว่าการควบคุมตัวนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ปารีส เจนีวา และกรุงเทพ, วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555 FIDH และ OMCT
ในการทำงานร่วมกันเพื่อคุ้มครองนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน
ร่วมด้วยสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน ในประเทศไทย
ยินดีคณะทำงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการควบคุมตัวโดยไม่ชอบ
(UNWGAD) ที่ระบุว่าการควบคุมตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข
นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนนั้นเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
และมาตรฐานสากล รวมทั้งเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมยศ
นายสมยศ ถูกควบคุมตัวมากว่า 20 เดือนแล้วตั้งแต่ถูกจับกุมเมื่อวันที่
30 เมษายน ปีพ.ศ. 2554 หลังจากที่เขาเริ่มการรณรงค์ที่จะรวบรวมรายชื่อ
10,000 รายชื่อเพื่อเรียกร้องให้รัฐสภาแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
คำขอให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้รับการปฎิเสธมาโดยตลอดโดยศาลยุติธรรม
นายสมยศถูกต้องข้อหาอาญาเกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112
เพียงเพราะว่าเขาอนุญาตให้มีบทความสองบทความของผู้เขียนอีกคนหนึ่งที่เป็น
การวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ในวารสารชื่อ “เสียงทักษิณ”
ซึ่งโดยปกติการพิจารณาคดีในศาลจะเป็นการพิจารณาคดีลับกรณีเกี่ยวกับข้อความ
ที่ระบุว่าเป็นความผิดอาญามาตรา 112
ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ไม่โปร่งใส
นายแดนทอง บรีน ประธานสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน ประเทศไทย ได้กล่าวว่า
นายสมยศเป็นสมาชิกขององค์กรสิทธิมนุษยชนและเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน
ที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพในการแสดงออกในทางการพูดได้รับผลกระทบจากกฎหมายเข้ม
งวดที่เป็นการละเมิดสิทธิฯ
นอกจากเสียงสะท้อนจากประธานสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน
อดีตเพื่อนร่วมงาน นายโคทม อารยา ปัจจุบันเป็นอาจารย์แห่งมหาวิทยาลัยมหิดล
ได้กล่าวว่า“ผมรู้จักสมยศตั้งแต่ตอนที่เราทำงานที่
สมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน
เขามีความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อพัฒนาสภาพของผู้แรงงาน
ต่อมาได้ทำงานในด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพทางการเมืองให้กับแรงงงานไทย
ด้วย เขามีประวัติการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมประชาธิปไตย
แรงจูงใจทางการเมืองใดใดไม่ควรนำเขาต้องถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดี
หมิ่นฯ"
รวมทั้งอดีตประธานสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชนอีกท่านหนึ่ง นายจตุรงค์
บุญญรัตนสมบูรณ์ ได้กล่าวว่า
“นายสมยศมักจะทำงานร่วมกับคนงานทั้งในเวลาที่สุขและทุกข์
เขาทำงานอุทิศตนเพื่อต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เขายืนหยัดในเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย เชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตย
และไม่เห็นด้วยกับเผด็จการและรัฐประหาร
นายสมยศเป็นที่ยอมรับในกลุ่มคนงานในขณะที่เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ด้านสิทธิ
แรงงานให้กับสมาคมสิทธิเสรีภาพประชาชน”
วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2555
คณะทำงานขององค์กรสหประชาติว่าด้วยการควบคุมตัวไม่ชอบ
ได้ส่งจดเหมายอย่างเป็นทางการถึงประเทศไทยเพื่อเรียกร้องและตั้งคำถามเกี่ยว
กับการควบคุมตัวนายสมยศ รัฐบาลได้ตอบจดหมายเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน
กล่าวว่า
กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นเป็นกฎหมายที่มีความชอบธรรมและและเป็นเรื่อง
ที่เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐ และอธิบายด้วยว่า
การกระทำความผิดข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นการคุกคามความมั่นคงและ
บูรณาการแห่งรัฐ เสี่ยงต่อการดำรงอยู่ของรัฐไทย
แต่ก็ไม่ได้ให้หลักฐานที่น่าเชื่อถือได้ว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริงตามข้อ
อ้างถึงความชอบธรรมในการกล่าวหานายสมยศ
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2555
คณะทำงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการควบคุมตัวโดยไม่ชอบ (UNWGAD)
พร้อมด้วยผู้แทนพิเศษว่าด้วยเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้ระบุว่า
กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของประเทศไทย
ทำให้การถกเถียงกันเรื่องสำคัญที่เป็นความสนใจของสาธารณะกลายเป็นสิ่งต้อง
ห้าม
ดังนั้นจึงเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก”
สิทธิเหล่านี้ได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรา 19
ขออนุสัญญาว่าด้วยเรื่องสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและปฎิญญาสากลว่า
ด้วยสิทธิมนุษยชน
“ประเทศไทยใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและการคุกคามทางกฎหมาย
รวมทั้งการควบคุมตัวนายสมยศ และบุคคลอื่นๆ
ที่ใช้สิทธิในการแสดงออกทางความคิดเห็นของพวกเขา ทั้งๆ
ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยเรื่องสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการ
เมืองและมีภาระหน้าที่ในการเคารพและคุ้มครองเสรีภาพในการพูดและแสดงความคิด
เห็น” ประธาน FIDH กล่าวเสริม
คณะทำงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการควบคุมตัวโดยไม่ชอบ
(UNWGAD) ระบุว่า
การรณรงค์ให้มีการแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและการตีพิมพ์บทความที่วิ
พากษณ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์นั้น
เป็นการกระทำที่ต้องได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศตามข้อบท
มาตรา 19
ขออนุสัญญาว่าด้วยเรื่องสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองและปฎิญญาสากลว่า
ด้วยสิทธิมนุษยชน คณะทำงานฯ เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมยศ
และให้ชดเชยค่าเสียหายแก่นายสมยศด้วย
คณะทำงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการควบคุมตัวโดยไม่ชอบ
(UNWGAD)
ได้ส่งจดหมายจากองค์การสหประชาชาติเกี่ยวกับกรณีคดีอาญาข้อหาหมิ่นพระบรมเด
ชานุภาพในหลายครั้ง รวมถึงเมื่อเดือนมิถุนายน 2554
ผู้แทนพิเศษว่าด้วยสถานการณ์ของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน นาง Margaret
Sekaggya และผู้รายงานพิเศษว่าด้วยเรื่องสิทธิในการแสดงออกทางความคิดเห็น
นาย Frank La Rue ได้ส่งหนังสือร้องเรียนเร่งด่วน มายังประเทศไทย
เพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่ถูกดำเนินคดีอาญา
รวมทั้งกรณีนายสมยศด้วย ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 นาย Frank La
Rue เรียกร้องให้รัฐบาลไทยแก้ไขกฎหมายพรบ.ความผิดอาญาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
และมาตรา 112 ในกฎหมายอาญาของไทย โดยระบุว่า
“กฎหมายดังกล่าวเป็นข้อหาที่กว้างและไม่ชัดเจน รวมทั้งมีบทลงโทษที่หนัก
ไม่ได้สัดส่วนกับความจำเป็นในการปกป้องสถาบันกษัตริย์และความมั่นคงแห่งรัฐ”
ในเดือนธันวาคม ปีพ.ศ. 2554 สำนักงานข้าหลวงใหญ่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
ได้แสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาควบคุมตัวผู้ต้องหาคดีหมิ่น
พระบรมเดชานุภาพ
คณะทำงานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องการควบคุมตัวโดยไม่ชอบ
(UNWGAD)
และผู้แทนพิเศษทั้งสามประเด็นได้ส่งข้อร้องเรียนเร่งด่วนอีกครั้งเมื่อเดือน
ธันวาคม 2554
เพื่อตั้งคำถามเกี่ยวกับการปฎิบัติต่อนายสมยศระหว่างการควบคุมตัวและ
ความสอดคล้องของกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่าง
ประเทศ
เดือนตุลาคม ศาลรัฐธรรมนูญ
ได้มีคำตัดสินว่ากฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราช
อาณาจักรไทยปีพ.ศ. 2550 นายสมยศจะต้องขึ้นศาลอาญาอีกครั้งในวันที่ 19
ธันวาคม พ.ศ. 2555 เมื่อศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำสั่งนี้
เลขาธิการของ OMCT นาย Gerald Staberock กล่าวว่า “
เราขอยืนยันอีกครั้งว่าเราเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมยศ โดยทันที
จากการถูกควบคุมตัวและจากการใช้กระบวนการทางศาลในการคุกคามเขา
เราขอให้ผู้แทนพิเศษขององค์การสหประชาชาติ องค์กรพัฒนาต่าง ๆ
รวมทั้งสถานทูตประเทศต่าง ๆ
ประจำประเทศไทยได้เรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่ไทยเกี่ยวกับการควบคุมตัวนายสมยศ
และจัดให้มีผู้สังเกตการณ์คดีในการพิจารณาคดีของนายสมยศที่จะถึงนี้ในวัน
ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 “
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น