"มาตรา 112" และ"สมยศ" จากเวทีเสวนาฝรั่ง-ไทย
เป็น
ประเด็นถกเถียงอย่างต่อเนื่องในสังคมไทยและสังคมสิทธิมนุษยชนนานาชาติ
สำหรับกรณี สมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ
ถูกตัดสินจำคุก 11 ปีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและหมิ่นประมาท
โดยเฉพาะประเด็นกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือที่เรียกสั้นๆ กันว่ากฎหมายหมิ่น
องค์การ ระหว่างประเทศตั้งแต่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จนถึงสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องให้ประเทศทบทวนการใช้กฎหมายดังกล่าว
ขณะ ที่องค์การด้านสิทธิสื่อ เช่น สมาพันธ์ผู้สื่อข่าวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีป้า) องค์กรนิรโทษกรรมสากล (แอม เนสตี้) และฟรีดอมเฮาส์ เตือนว่ากรณีนี้จะกระทบต่อบรรยากาศการแสดงความคิดเห็นในไทย
สมาคม ผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศ ไทย (FCCT) จึงเสนอตัวเป็นเวทีเสวนาท่ามกลางความเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้ ที่ตึกมณียาเซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ เมื่อคืน วันที่ 31 ม.ค.
โดย มีวิทยากรหลากหลายมุม ประกอบด้วย สุกัญญา พฤกษาเกษมสุข ภรรยานายสมยศ จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์ข่าว "ประชาไท" เดวิด สเตร็กฟัส นักวิชาการด้านกฎหมาย หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี
บรรยากาศ การเสวนาเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้สื่อข่าวและประชาชน ทั่วไปจับจองที่นั่งกันอย่างเต็มอัตรา ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยการพูดคุยทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ
เปิด ประเด็นที่ สุกัญญา ภรรยาของ สมยศ กล่าวว่า ปัจจุบันคนมักเข้าใจว่า สมยศเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่น แต่ความจริงแล้วมีประวัติเป็นนักสิทธิมนุษยชนมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ช่วงอายุ 20 ต้นๆ เคยเคลื่อนไหวในวงการสหภาพแรงงาน เรียกร้องสิทธิสำหรับกรรมกรในโรงงาน
ต่อ มาเคลื่อนไหวในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ มีทัศนคติการเมืองต่อต้านเผด็จการมาตลอด จนกระทั่งเกิดเหตุรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 จึงต่อต้านคณะรัฐประหารด้วย ต่อมาจึงริเริ่มตีพิมพ์นิตยสารและเขียนบทความจำนวนหนึ่ง รวมทั้ง วอยซ์ ออฟ ทักษิณ
สุ กัญญากล่าวว่า นิตยสารเป็นที่ชื่นชอบในหมู่คนรากหญ้า เพราะราคาถูก และนำเสนอข่าวสารในมุมมองที่สื่อกระแสหลักไม่ค่อยนำเสนอ เช่น ภาพการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเม.ย.2553
ดังนั้น สิ่งที่สื่อนำเสนอเกี่ยวกับสมยศ จึงเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของชีวิตสมยศ
สุ กัญญากล่าวว่า ก่อนสมยศจะถูกจับกุมในคดีล่าสุดนี้ สมยศเคยถูกศอฉ.จับกุมไปไว้ในค่ายทหารเป็นเดือนมาแล้วเหมือนกัน เพราะตอนนั้นถูกปรักปรำว่ามีชื่ออยู่ใน "ผังล้มเจ้า" ของศอฉ. ซึ่งต่อมาก็เป็นที่รู้กันว่า "ผังล้มเจ้า" ไม่มีมูลความจริงใดๆ เป็นเพียงการโยงใยของศอฉ.เท่านั้น
สุ กัญญาพูดถึงบทความ 2 ชิ้นใน วอยซ์ ออฟ ทักษิณ ที่เป็นปัญหาว่า ไม่มีส่วนใดที่พูดถึงใครด้วยชื่อเลย และสมยศก็ไม่ได้เป็นคนเขียนบทความ เพียงแต่เป็นบ.ก. ซึ่งก็พิจารณาแล้วว่าไม่ได้ดูหมิ่นบุคคลใดที่มีอยู่จริง เพราะเนื้อหาพูดถึงตำนานที่แต่งขึ้นเท่านั้น พร้อมกับย้ำว่าสมยศไม่มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูงแต่อย่างใด
นอก จากนี้ สุกัญญายังแสดงความกังวลว่า ต่อไปนี้บรรดาบ.ก. ของสำนักพิมพ์อื่นๆ ก็อาจถูกจำคุก 10-15 ปีได้ง่ายๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อบรรยากาศการแสดงความคิดเห็นในไทย
"ไม่ มีใครรู้ว่าใครจะถูกเล่นงานรายต่อไป อยากให้มองว่าต้องมีการปฏิรูปตั้งแต่วันนี้เพื่อช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นใน อนาคต ทุกวันนี้ดิฉันไม่ได้ผลักดันต่อสู้เพื่อสามีของตัวเองคนเดียว แต่เพื่อคนอื่นๆ โดยเฉพาะเพื่อคนรุ่นหลัง" ภรรยานักเคลื่อน ไหวกล่าว
ขณะ เดียวกัน สุกัญญาเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวนักโทษการเมืองต่างๆ เช่นกัน ทุกวันนี้ในอาเซียนด้วยกันเอง มีแต่ ไทย กัมพูชา เวียดนาม และลาวเท่านั้นที่ยังจับกุมสื่อมวลชน แม้แต่พม่าก็เริ่มปล่อยตัวผู้สื่อข่าวที่เคยถูกคุมขังแล้ว
"ขอให้คุณสมยศเป็นนักโทษการเมืองคนสุดท้าย" สุกัญญากล่าว
(อ่านต่อ) องค์การ ระหว่างประเทศตั้งแต่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จนถึงสหภาพยุโรป (อียู) เรียกร้องให้ประเทศทบทวนการใช้กฎหมายดังกล่าว
ขณะ ที่องค์การด้านสิทธิสื่อ เช่น สมาพันธ์ผู้สื่อข่าวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีป้า) องค์กรนิรโทษกรรมสากล (แอม เนสตี้) และฟรีดอมเฮาส์ เตือนว่ากรณีนี้จะกระทบต่อบรรยากาศการแสดงความคิดเห็นในไทย
สมาคม ผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศ ไทย (FCCT) จึงเสนอตัวเป็นเวทีเสวนาท่ามกลางความเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้ ที่ตึกมณียาเซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ เมื่อคืน วันที่ 31 ม.ค.
โดย มีวิทยากรหลากหลายมุม ประกอบด้วย สุกัญญา พฤกษาเกษมสุข ภรรยานายสมยศ จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์ข่าว "ประชาไท" เดวิด สเตร็กฟัส นักวิชาการด้านกฎหมาย หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อหลากสี
บรรยากาศ การเสวนาเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้สื่อข่าวและประชาชน ทั่วไปจับจองที่นั่งกันอย่างเต็มอัตรา ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยการพูดคุยทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ
เปิด ประเด็นที่ สุกัญญา ภรรยาของ สมยศ กล่าวว่า ปัจจุบันคนมักเข้าใจว่า สมยศเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่น แต่ความจริงแล้วมีประวัติเป็นนักสิทธิมนุษยชนมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ช่วงอายุ 20 ต้นๆ เคยเคลื่อนไหวในวงการสหภาพแรงงาน เรียกร้องสิทธิสำหรับกรรมกรในโรงงาน
ต่อ มาเคลื่อนไหวในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ มีทัศนคติการเมืองต่อต้านเผด็จการมาตลอด จนกระทั่งเกิดเหตุรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 จึงต่อต้านคณะรัฐประหารด้วย ต่อมาจึงริเริ่มตีพิมพ์นิตยสารและเขียนบทความจำนวนหนึ่ง รวมทั้ง วอยซ์ ออฟ ทักษิณ
สุ กัญญากล่าวว่า นิตยสารเป็นที่ชื่นชอบในหมู่คนรากหญ้า เพราะราคาถูก และนำเสนอข่าวสารในมุมมองที่สื่อกระแสหลักไม่ค่อยนำเสนอ เช่น ภาพการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเม.ย.2553
ดังนั้น สิ่งที่สื่อนำเสนอเกี่ยวกับสมยศ จึงเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของชีวิตสมยศ
สุ กัญญากล่าวว่า ก่อนสมยศจะถูกจับกุมในคดีล่าสุดนี้ สมยศเคยถูกศอฉ.จับกุมไปไว้ในค่ายทหารเป็นเดือนมาแล้วเหมือนกัน เพราะตอนนั้นถูกปรักปรำว่ามีชื่ออยู่ใน "ผังล้มเจ้า" ของศอฉ. ซึ่งต่อมาก็เป็นที่รู้กันว่า "ผังล้มเจ้า" ไม่มีมูลความจริงใดๆ เป็นเพียงการโยงใยของศอฉ.เท่านั้น
สุ กัญญาพูดถึงบทความ 2 ชิ้นใน วอยซ์ ออฟ ทักษิณ ที่เป็นปัญหาว่า ไม่มีส่วนใดที่พูดถึงใครด้วยชื่อเลย และสมยศก็ไม่ได้เป็นคนเขียนบทความ เพียงแต่เป็นบ.ก. ซึ่งก็พิจารณาแล้วว่าไม่ได้ดูหมิ่นบุคคลใดที่มีอยู่จริง เพราะเนื้อหาพูดถึงตำนานที่แต่งขึ้นเท่านั้น พร้อมกับย้ำว่าสมยศไม่มีเจตนาหมิ่นเบื้องสูงแต่อย่างใด
นอก จากนี้ สุกัญญายังแสดงความกังวลว่า ต่อไปนี้บรรดาบ.ก. ของสำนักพิมพ์อื่นๆ ก็อาจถูกจำคุก 10-15 ปีได้ง่ายๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อบรรยากาศการแสดงความคิดเห็นในไทย
"ไม่ มีใครรู้ว่าใครจะถูกเล่นงานรายต่อไป อยากให้มองว่าต้องมีการปฏิรูปตั้งแต่วันนี้เพื่อช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นใน อนาคต ทุกวันนี้ดิฉันไม่ได้ผลักดันต่อสู้เพื่อสามีของตัวเองคนเดียว แต่เพื่อคนอื่นๆ โดยเฉพาะเพื่อคนรุ่นหลัง" ภรรยานักเคลื่อน ไหวกล่าว
ขณะ เดียวกัน สุกัญญาเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวนักโทษการเมืองต่างๆ เช่นกัน ทุกวันนี้ในอาเซียนด้วยกันเอง มีแต่ ไทย กัมพูชา เวียดนาม และลาวเท่านั้นที่ยังจับกุมสื่อมวลชน แม้แต่พม่าก็เริ่มปล่อยตัวผู้สื่อข่าวที่เคยถูกคุมขังแล้ว
"ขอให้คุณสมยศเป็นนักโทษการเมืองคนสุดท้าย" สุกัญญากล่าว
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1359956781&grpid&catid=02&subcatid=0200
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น