หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

สถาบันกษัตริย์กับการเมืองไทย

สถาบันกษัตริย์กับการเมืองไทย   


[IMG] 
File เสียง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2013 ดาวน์โหลดที่นี่

โดย รศ. ดร. ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์

ดั่งที่ได้เคยเกริ่นไว้ก่อนหน้าแล้วว่า เนื้อหาสาระในการพบปะเสวนาของ RED USA ที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2013 ที่ผ่านมา เต็มไปด้วยความเข้มข้นเร่าร้อนไปตามความร้อนแรงของปรอทการเมืองไทย โดย อาจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ในหัวข้อ "สถาบันกษัตริย์กับการเมืองไทย" ซึ่งเป็นการตอบโจทก์ข้อกังขาว่า เหตุใดประเทศไทยจึงแตกแยกร้าวลึกในปัจจุบัน

ข้อกังขาที่ก่อเกิดเป็นคำถามว่าความวุ่นวายและความแตกแยกที่มีมาก่อนการรัฐ ประหารเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลานานกว่า 6 ปี เหตุใดจึงไม่โรยรานอกจากไม่โรยราแล้ว ความวุ่นวาย แตกแยกยังเพิ่มแรงสั่นไหวและขยายบริบทของความเกลียดชังไปสู่ทุกหลักเขตของสังคมไทย

เมื่อมี "ผล" ก็ต้องมี "เหตุ" ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่แยกออกจากกันไม่ได้ ตามหลักคำสั่งสอนขององค์ตถาคต


ดังนั้นเมื่อต้องการ ดับ "ทุกข์" ก็ต้องดับที่เหตุแห่ง "ทุกข์"หากต้องการแก้ปัญหา "ความวุ่นวายแตกแยก" ซึ่งเป็น "ผลร้าย" ที่เกิดกับ สังคมไทย ก็ต้องสาวย้อนกลับไปหา "ต้นเหตุ" แห่ง "ผลร้าย" นั้นเฉกเช่นกัน

"สถาบันกษัตริย์กับการเมืองไทย" เป็นหัวข้อการเสวนาที่ถูกนำมาถกแถลง แสดงถ้อยกระบวนความไว้ ณ AZTEC MOBILR ESTATES ในมหานครลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย โดยอาจารย์ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ได้เจาะประเด็นตรงไปที่มาตรา 112 และชำแหละการเมืองไทย ผ่านพรรคการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ที่ "โหนเจ้า" อย่างเอาเป็นเอาตายโดยนำเอา "สถาบัน" มาเป็นเครื่องมือโค่นล้มฝ่ายประชาธิปไตย ขยายความแตกแยกเกลียดชังให้แผ่กิ่งก้านสาขาครอบคลุมประเทศไทย พรรคประชาธิปัตย์ขัดขวางรัฐบาลในการเดินหน้าพัฒนาประเทศตามนโยบายที่ประกาศ ไว้กับประชาชนในทุกรูปแบบ อีกทั้งยังเห่าหอนส่งเสียงโหยหวนจิกกัดรัฐบาลและฝ่ายตรงข้ามประดุจ "เปรตร้องขอส่วนบุญ" เพื่อปัดแข้งปัดขาการทำงานในทุกเรื่อง และตามล่าตามล้างประชาชนฟากฝั่งประชาธิปไตยในทุกโอกาส

หาเหตุได้ทุกประเด็นตั้งแต่เรื่องหยุมหยิมไปถึงเรื่องที่ไม่มีพื้นฐานแห่ง ความเป็นจริง ตอกลิ่มความร้าวฉานและ สร้างความเกลียดชังตลอดมาคำย่อ "ปชป" จึงไม่น่าจะเป็นชื่อย่อของคำที่มีความหมายอะไรที่เป็นประชาธิปไตย อย่างชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ แต่น่าจะเป็นชื่อย่อของ "ป่าช้าเปรต" มากกว่า เพราะเสียโหยหวนเห่าหอนประดุจเปรต ดังมาจากพรรคประชาธิปัตย์ให้ได้ยินอยู่เสมอมาทุกเช้าค่ำ 

สาระของการเสวนาในวันนั้น ส่งแรงเสียดทาน สร้างความกดดันไปยังองค์กรต่างๆ ทั้งที่เป็นองค์กรในกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระ ให้เกิดสำนึกที่องค์กรบรรดาศักดิ์เหล่านี้มีส่วนร่วมสุมฟืนกระพือไฟแห่งความ แตกแยกเกลียดชัง ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย เนื่องมาจากการเลือกปฏิบัติและการขาดมาตราฐานแห่งความเที่ยงธรรม จนประชาชนเกิด ความคลางแคลงใจ ถึงขั้นเสื่อมความศรัทธาและไม่ให้ความไว้วางใจอีกต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น