หน้าเว็บ

วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

คำ ผกา ฝากถึงกลุ่มอนุรักษนิยมที่รังเกียจปชต. "กลับตัว กลับใจวันนี้ ก็ไม่สายหรอกนะ"

คำ ผกา ฝากถึงกลุ่มอนุรักษนิยมที่รังเกียจปชต. "กลับตัว กลับใจวันนี้ ก็ไม่สายหรอกนะ"




มันน่าแปลกใจมากว่าคนไทยจำนวนหนึ่งไม่ค่อยเอะใจว่าเพราะเหตุใดรัฐบาลที่มา จากการเลือกตั้งมีความชอบธรรมตามวิถีทางประชาธิปไตยมักมีอายุสั้น
 
ไม่ต้องย้อนไปไกลถึง 2475 ที่เราได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (เขียนถึงตรงนี้แล้วนึกอยากเห็น "คนกล้า" ที่รังเกียจประชาธิปไตยนักหนา เอะอะก็ด่าทุนสามานย์ เอะอะก็ด่านักการเมือง เอะอะก็ว่าประชาชนโง่ อยากบอกว่า แน่จริงก็ลุกขึ้นมาประกาศว่า อยากนำประเทศไทยกลับคืนสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ บอกกันตรงๆ จะได้เถียงกันให้ถูกประเด็น ไม่ต้องแถไปไถลมาให้ดูเป็นคนมีตรรกะฟั่นเฟือน น่าเวทนา)

เพราะนับตั้งแต่ปี 2520 เป็นต้นมา เรามีรัฐบาลที่มาจากวิถีทางประชาธิปไตยที่ต่อเนื่องยาวนานปราศจากการขัดจังหวะโดยการรัฐประหารยาวนานที่สุดเพียงช่วงปี 2535-2549 หรือ 14 ปีเท่านั้น และหลัง 2475 มีรัฐบาลที่อยู่ครบวาระเพียง 2 รัฐบาลคือ รัฐบาล ของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม 2495-2500 และรัฐบาล ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ช่วงปี 2544-2548

(ดูไทม์ไลน์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยได้ที่ http://th.wikipedia.org/wiki/รายนามนายกรัฐมนตรีไทย)

แน่นอนว่าเราไม่นับรัฐบาลที่นำโดย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่อยู่ในวาระถึง 8 ปี เพราะรัฐบาลภายใต้การนำของท่านได้ชื่อว่าเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ



อายุประชาธิปไตยไทย 81 ปี กับการรัฐประหารทั้งหมด 17 ครั้ง มากเป็นอันดับ 4 ของโลก มีรัฐบาลอยู่ครบวาระแค่ 2 รัฐบาลเท่านั้นในรอบ 81 ปีที่ผ่านมา
 
ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้าคณะรัฐบาลที่ทำสถิติอยู่รอดปลอดภัยนี้ ท้ายที่สุดก็ประสบภัยทางการเมืองคล้ายคลึงกัน
 
จอมพล ป. ลี้ภัยทางการเมืองที่ประเทศญี่ปุ่น

ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกรัฐประหารและยังไม่สามารถกลับเข้ามาในประเทศไทยได้


ยิ่งของยิ่งไปกว่านั้น หัวหน้ารัฐบาลที่สร้างสถิติในประวัติศาสตร์นี้ถูกทำให้กลายเป็นปิศาจในสังคมไทย เพียงเอ่ยชื่อของเขา "ทักษิณ" ก็สร้างความหวาดกลัว เกิดอาการลนลาน ตัวสั่นงันงกแก่ผู้ที่เป็นโรคกลัวผีทักษิณขึ้นสมอง

หลายๆ คนในประเทศไทย แม้จะเคยเป็นปราชญ์ เป็นนักประวัติศาสตร์ เป็นกวี เป็นนักโบราณคดี เลื่องชื่อ เมื่อถูกโรคกลัวผีทักษิณขึ้นสมองแล้ว คนเหล่านั้นพากันฟั่นเฟือน งมงาย สูญเสียความสามารถในการใช้เหตุผล ละทิ้งความเป็นนักวิชาการ

คนไทยอีกจำนวนหนึ่งพากันเชื่อว่า ทักษิณสามารถซื้อโลกได้ทั้งใบ ซื้อผิดกลายเป็นถูก ซื้อถูกกลายเป็นผิด


นั่งทบทวนดูสาเหตุของการรัฐประหารทั้ง 17 ครั้งของไทย จะพบกลุ่มอาการซ้ำๆ กัน นั่นคือ เมื่อเกิดอาการโรคประชาธิปไตยชักจะเข้มแข็ง ทางกองทัพไทยเป็นต้องเข็นรถถังออกมาขัดจังหวะ ทู้กกกกกที ย้ำว่า ทู้กกกกที-ไม่มีใครตอบได้ว่า เพราะอะไร? หรือใครใช้ให้เข็นออกมา?
หรือจะบอกว่า ทหารไทยไม่ชอบประชาธิปไตย ก็ต้องพยายามหาคำตอบกันต่อไปว่าทำไมทหารไทยจึงมีภาพพจน์ เป็นผู้ขัดขวางพัฒนาการของประชาธิปไตย?

อันที่จริงข้อหา "ขัดขวางประชาธิปไตย" เป็นข้อหาอุกฉกรรจ์ทีเดียว ใครก็ตามที่ถูกกล่าวหาด้วยเรื่องนี้น่าจะต้องเดือดเนื้อร้อนใจเป็นอันมาก เพราะการเป็นผู้ขัดขวางประชาธิปไตยนั้นน่าจะเป็นเรื่องเสื่อมเกียรติ เสื่อมเสียไปถึงเกียรติยศของพ่อแม่ วงศ์ตระกูล รู้ถึงไหน อายไปถึงนั่น

ในโลกสมัยใหม่ จะมีข้อกล่าวหาใดที่อุกฉกรรจ์ไปกว่า การกล่าวหาว่าขัดขวางประชาธิปไตย เหยียดเพศ เหยียดชาติพันธุ์ และละเมิดสิทธิมนุษยชน

แต่ดูเหมือนว่าที่ประเทศไทยจะเป็นข้อยกเว้น เพราะคนไทยยอมรับการขัดขวางประชาธิปไตยได้หากว่า การขัดขวางประชาธิปไตยนั้นทำไปในนามของการปกป้อง "ชาติบ้านเมือง"

อ่านมาถึงตรงนี้ คงจะเห็นภาพอะไรบ้างแล้วว่า กะลาแลนด์ เอ๊ย ไทยแลนด์ของเรานั้นไม่เหมือนที่ไหนในโลกจริงๆ ตรรกะนี้มาจากไหนไม่มีใครรู้ แต่มันคือตรรกะที่ฟังขึ้น เป็นเหตุเป็นผลสำหรับคนไทย นั่นคือ สังคมไทยพร้อมจะเชื่อว่า "ชาติบ้านเมืองไม่มีประชาธิปไตยไม่เป็นไร ขออย่าให้ใครมายึดบ้านยึดเมืองเราไป"

อ่านแล้วแปลกๆ ไหม-ขอบอกว่า มันต้องแปลกเพราะมันเป็นตรรกะพิสดาร ไม่เป็นเหตุเป็นผลต่อกันแม้แต่น้อย เพราะประโยคที่เป็นไปตามตรรกะควรจะเป็น "หลังจากเราถูกกลุ่มเผด็จการยึดอำนาจอธิปไตยไปจากประชาชน ประเทศของเราก็ไม่เรียกว่าประเทศประชาธิปไตย"


แต่ลองเอาตรรกะนี้ไปใส่ในการแต่งประโยคแบบไทยๆ จะสามารถพูดว่า 
"ยอมถอยหลังหนึ่งก้าว ดีกว่าปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในมือนักการเมืองชั่ว"

"ไม่เป็นประชาธิปไตยไม่เป็นไร ขออย่าให้พวกโกงบ้านโกงเมืองได้เป็นใหญ่"

"รัฐประหารล้างบางนักการเมืองชั่วก่อน รอให้บ้านเมืองเข้มแข็ง ประชาชนพ้นจากการถูกนักการเมืองหลอก ถึงวันนั้นค่อยสร้างประชาธิปไตย"

"นักการเมืองชั่วขายชาติ ทำเราเสียดินแดน"


ล่าสุดของล่าสุด แห่งการใช้ตรรกะอันบิดเบี้ยวเพื่อขัดขวางพัฒนาการของประชาธิปไตยคือการปลุกระดมคนด้วยข้อผิดๆ เกี่ยวกับ ปตท. ผ่านเพจในเฟซบุ๊กชื่อ "ทวงคืน ปตท."

ภายใต้สโลแกน
"เราเปลี่ยนแปลงโลกของทุนสามานย์ไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงประเทศได้"


สโลแกนนี้พิกลพิการมาก เพราะไม่มีคำอธิบายว่า ทุนสามานย์คืออะไร? ใครอยู่ในทุนสามานย์บ้าง กลุ่มทุนในประเทศไทยมีกี่กลุ่ม? กลุ่มทุนไหนเป็นทุนเทพ? ทุนไหนเป็นทุนมาร? สมมุติว่า ฉันโง่มากและฉันเชื่อว่าทุนสามานย์มีจริง คำถามต่อไปคือ ถ้าหากคุณคิดว่า ทุนสามานย์เป็นเหตุให้ประเทศล่มจม ฉิบหาย หากคุณเปลี่ยนทุนสามานย์ไม่ได้ในเบื้องต้น คุณจะเปลี่ยนประเทศได้อย่างไร? และสมมุติว่าฉันไม่ใช่คนโง่ธรรมดาแต่เป็นคนที่โง่มาก ฉันเชื่อตามนั้นว่า เราเปลี่ยนทุนสามานย์ไม่ได้ แต่เปลี่ยนประเทศได้ คำถามต่อไปคือ

จะเปลี่ยนประเทศให้เป็นอะไร???


ก่อนจะตอบได้ว่าจะเปลี่ยนประเทศให้เป็นอะไร ก็ต้องตอบให้ได้ว่าเปลี่ยนจากอะไรเป็นอะไร??

สมมุติ บอกว่าไม่เอาทุนนิยม เพราะทุนมันเอีย ทุนมันสามานย์ คำถามคือ คุณจะเปลี่ยนประเทศนี้ไปสู่ระบบอะไร? สังคมนิยม? คอมมิวนิสต์? สังคมนิยมแบบไหน? คอมมิวนิสต์แบบไหน?

ถ้าเป็นคอมมิวนิสต์ แปลว่า คุณต้องไม่มีสถาบันประเพณีนิยมทั้งหมด เช่น ศาสนา? อร๊ายยยยยยย คนดีรับได้หรือ?


คนดีอาจกรีดร้องบอกว่า "ม่ายช่ายยยยยย ชั้นจะโค่นล้มทุนเลว ให้เหลือแต่ทุนคุณธรรม" คำถามคือ ระบบการเมืองที่จะใช้ในการผดุงทุนคุณธรรมคืออะไร?

มีประเทศไหนในโลกนี้ที่ประสบความสำเร็จในการใช้โมเดล ทุนคุณธรรมแล้วหรือยัง เพราะถ้ามันดีจริง คงมีระบบนี้ใช้กันในหลายประเทศทั่วโลกแล้ว

ที่แน่ๆ ช่วยนิยามคำว่า "ระบบทุนคุณธรรม" ให้ฟังหน่อย เพราะเท่าที่รู้ ทุนที่เป็นธรรมมากๆ คือ สิ่งที่เรียกว่า fair trade และ fair trade ที่เกิดขึ้น ล้วนแต่เกิดขึ้นในประเทศที่ประชาธิปไตยเข้มแข็ง ล้วนแต่เกิดขึ้นในประเทศที่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน สิทธิแรงงาน


ฉันไม่เคยได้ยินว่า ทุนเป็นธรรม การค้าที่เป็นธรรม จะเกิดขึ้น ในประเทศที่สนับสนุนให้ทหารทำการรัฐประหาร เห็นชอบให้มีกฎหมายลิดรอนสิทธิ เสรีภาพของประชาชน

ประเทศที่มีนักโทษการเมือง ประเทศที่มีคนตายจากการสลายการชุมนุมของรัฐ ประเทศที่เด็กหญิงอายุ 20 ต้องติดคุก 33 ปี ด้วยข้อหาเผาสถานที่ราชการ 




ที่ประหลาดล้ำไปกว่านั้น ฉันไม่เคยว่ามีที่ไหนที่คนสนับสนุนการรัฐประหาร สนับสนุนรัฐบาลที่ฆ่าประชาชน จะเป็นคนกลุ่มเดียวกันกับคนที่เที่ยวประณามทุนสามานย์ และทวงนี่ นั่น โน่น ให้ประเทศชาติ! 

เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าคนที่อ้างทวงถามทุนที่เป็นธรรม แต่ขณะเดียวกันก็สนับสนุนรัฐประหาร ล้วนแต่เป็นคนคด หลอกลวง แสร้งเอาความดีมาบังหน้า
เพราะถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่จะกำกับทุนไม่ให้สามานย์ก็มีแต่วิถีทางของประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่มีหนทางอื่น

พูดให้ง่ายก็คือ การประณามทุนสามานย์จะเป็นเหตุเป็นผลก็ต่อเมื่อมันเป็นการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องและเป็นคุณต่อความเข้มแข็งของประชาธิปไตยเท่านั้น 

แต่สำหรับเมืองไทย ขบวนการโค่นล้มทุนสามานย์ ล้วนแต่เป็นขบวนการปลุกผีชาตินิยม คอยล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รอจังหวะยั่วยุให้กองทัพออกมาทำรัฐประหาร

ถามสั้นๆ ว่า "หลอกลวงกว่านี้มีอีกไหม?"

ที่น่าขำมากๆ คือในเฟซบุ๊ก "ทวงคืนพลังงานไทย" มีการอ้างถึง พ.ร.บ.พลังงาน พ.ศ.2514 อันวิญญูชนพึงตระหนักว่ามันเป็น พ.ร.บ. ที่ออกมาในสมัยที่ จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี จอมพลถนอม เป็นใคร? มีความสัมพันธ์ที่ดีกับใคร? เป็นนายกฯ ได้เพราะใคร? ออกจากประเทศไปทำไม กลับเข้ามายังไง? มีความสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองร่วมสมัยอย่างไร?

ถามไปเรื่อยๆ เผื่อจะได้คำตอบ และทำให้นึกถึงคำพูดของ อาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ที่พูดในรายการ ดีว่าส์ คาเฟ่ว่า
"บางสิ่งบางอย่างในอดีต อย่าไปคุ้ยมันขึ้นมาให้มากนัก เพราะคุ้ยไปคุ้ยมาแล้วนรกจะแตกเอา"

กลุ่มอนุรักษนิยมที่รังเกียจการปกครองระบอบประชาธิปไตยในเมืองไทย หากมุ่งหวังอยากล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง พึงรู้ว่า มันจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ทำได้ยากขึ้นเรื่อยๆ จะมักง่าย ปลุกกระแสชาตินิยมในโลกที่แนวคิดว่าด้วยเรื่อง "ชาติ" กำลังอ่อนแรง และแนวคิดว่าด้วยความเป็นประชาคมกำลังจะเข้ามาแทนที่ เศรษฐกิจระดับภูมิภาคไม่ต้องการอุดมการณ์ "ชาตินิยม" แบบที่เกิดขึ้นในยุคอาณานิคมและยุคปลดปล่อยตนเองออกจากอาณานิคมอีกต่อไป

กลุ่มอนุรักษนิยมที่รังเกียจการปกครองระบอบประชาธิปไตย คิดจะปลุกผีชาตินิยมแบบเก่าขึ้นมาให้คนไทยออกมาทวงแผ่นดินคืน (จากใคร? ที่ไหน? อย่างไร?) พึงเรียนรู้บทเรียนจากความล้มเหลวทางด้านรายได้ของภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ที่ล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า

พึงรู้ว่ามันจะปลุกไม่ขึ้น และพึงรู้ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ชาตินี้คุณก็ไม่มีวันจะหนีระบอบประชาธิปไตยไปพ้น 

พวกคุณประมาทประชาชนเกินไป และพวกคุณก็ปล่อยให้เมืองไทยมาไกลเกินกว่าจะนำเราไปสู่วิวัฒนาการแบบเกาหลีเหนือ และสำหรับโลกใบนี้ ประเทศเกาหลีเหนือประเทศเดียว โลกก็ปวดหัวมากพอแล้ว ไม่มีใครยอมให้เกิดเกาหลีเหนือ เบอร์ 2 ขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน

กลุ่มอนุรักษนิยมที่รังเกียจการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทั้งหลาย-กลับตัว กลับใจวันนี้ ก็ไม่สายหรอกนะ


(ที่มา)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1363747927&grpid=03&catid=01&subcatid=0100

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น