หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

ปัญหาเรื่อง เพศ ความรัก วัฒนธรรม และ ข้อเสนอของฝ่ายซ้าย (ตอนที่ 3)

ปัญหาเรื่อง เพศ ความรัก วัฒนธรรม และ ข้อเสนอของฝ่ายซ้าย (ตอนที่ 3) 


 
ภาระของเราคือตัดรากเหง้าทุกชนิดที่ส่งเสริมให้ การซื้อขายบริการทางเพศดำรงอยู่ต่อไปได้ เราจะต้องต่อสู้ถกเถียงแบบไม่ประนีประนอมกับซากเดนของรูปแบบเก่าๆของปัจเจก นิยมและลักษณะของครอบครัวที่ส่งต่อมาจากโลกใบเก่า ภารกิจของเราคือเปลี่ยนแปลงทัศนะคติของความสัมพันธ์ทางเพศแบบเดิม และสร้างความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ที่อยู่บนพื้นฐานของความสมาฉันท์ 

โดย สมุดบันทึกสีแดง

สโลแกนของเราคือ ผู้หญิงในสาธารณรัฐโซเวียต คือ พลเมืองผู้เสรีที่มีสิทธิเสรีภาพอย่างเท่าเทียม คือ ผู้ที่ไม่ต้องถูกซื้อขาย แต่เพียงแค่สโลแกนมันไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดการมีอยู่ของการ ซื้อขายทางเพศเป็นภัยและเป็นขีดจำกัดของการพัฒนาพลังการผลิต โดยการดึงทั้งหญิงและชายเข้ามามีส่วนร่วม และลดการทำงานที่ไม่ส่งเสริมการสร้างมูลค่า เช่น การทำงานบ้านและดูแลเด็กสิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเป็นภาระของปัจเจกแต่ควรจะ ถูกวางแผน และ หนุนเสริมการทำงานแบบรวมหมู่

ตามความเห็นของคอลลอนไท หญิงบริการทางเพศมืออาชีพ คือ ผู้ที่ใช้พลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดผลิตภันฑ์มวลรวม คือ ผู้ที่มีชีวิตอยู่โดยการเกาะคนอื่น ด้วยเหตุผลดังกล่าวพวกเราจะต้องต่อต้านการซื้อขายทางเพศแบบไม่ประนีประนอม เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเราจะต้องสู้เพื่อลดจำนวนของผู้หญิงที่ขายบริการ ทางเพศทั้งในรูปแบบทางตรงและในทุกรูปแบบทางอ้อม

เราไม่ได้ประณามผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนเดียวหรือหลายคน เราไม่ได้ประณามการซื้อขายบริการทางเพศและสู้กับมันในลักษณะที่เป็นประเภท พิเศษ แต่พวกเราจะต้องสู้ในหลักการที่ว่า  ลักษณะงานดังกล่าวเป็นงานที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าแท้จริงทางเศรษฐกิจ อนึ่ง การมีอยู่ของการซื้อขายบริการทางเพศไม่ได้ส่งเสริมหรือพัฒนาลักษณะทางชนชั้น ของกรรมาชีพ รวมถึงศีลธรรมที่หนุนเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ


ศีลธรรมชนิดไหนถือได้ว่าเป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้? ความเสมอภาคและการเป็นสหายคือหลักการพื้นฐานในสังคมนิยม ด้วยหลักการนี้เท่านั้นที่จะปูทางไปสู่การสร้างสังคมที่มีความเสมอภาคเท่า เทียมกัน ในทางการเมืองเราจะต้องส่งเสริมการสร้างความสมาฉันท์ในทุกช่องทาง –การซื้อขายบริการทางเพศได้ทำลายความเสมอภาค ความสมานฉันท์ การเป็นสหาย หนำซ้ำยังแบ่งแย่งชนชั้นกรรมาชีพ ผู้ชายที่ซื้อบริการเพศจากผู้หญิงผู้ขายบริการ จะไม่มองผู้หญิงคนนั้นในฐานะสหายหรือคนที่มีฐานะเท่าเทียมกัน

ผู้ชายจะมองว่าผู้หญิงคนนั้นว่าเป็นภาระ และอยู่ในสถานะที่ต่ำกว่า การเหยียดหยามทางเพศที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิงขายบริการ ได้มีอิทธิพลทางความคิดของเขาต่อผู้หญิงโดยทั่วไป การมีอยู่ของการซื้อขายบริการทางเพศเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและเติบโตของความ รู้สึกที่สมานฉันท์ และที่สำคัญมันส่งเสริมความไม่เสมอภาคระหว่างเพศในความสัมพันธ์ของหญิงชาย

ความรัก ...ในสายตาของ คอลลอนไท  

ความสัมพันธ์ทางเพศจะต้องวางอยู่บนพื้นฐานของสัญชาติญานการสืบพันธ์ ที่ข้ามพ้นอาณาเขตของรักแรก ซึ่งอาจจะอยู่บนพื้นฐานความรู้สึกเร่าร้อนที่ถูกปลุกให้ตื่นผ่านเรือนร่าง อันงดงาม การถูกดึงดูดด้วยความเฉลียวฉลาดทางปัญญา และความรู้สึกที่ผสมผสานกันอย่างละมุน ลักษณะความสัมพันธ์แบบนี้ไม่มีความเหมือนหรือความคล้ายกันเลยกับความ สัมพันธ์ภายใต้การซื้อขาย

การขายบริการเพศมันเลวร้ายเพราะการขายเป็นการกระทำความรุนแรงต่อร่างกายของ ผู้หญิงโดยผู้หญิงเพื่อหวังวัตถุตอบแทน การขายบริการทางเพศ คือการคำนวนทางวัตถุอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งมันไม่มีพื้นที่สำหรับความรักและความต้องการ ที่ไหนที่ความปราถนาและความต้องการปลอดจากการซื้อขายการซื้อขายบริการเพศไม่ มีอนาคต ภายใต้สังคมนิยมการขายบริการทางเพศและครอบครัวชั่วคราวจะหายไป ความสัมพันธ์ที่มั่นคง รื่นรมย์ เต็มไปด้วยเสรีภาพ ระหว่างเพศจะถูกพัฒนา คนรุ่นใหม่จะมีอิสระส่งเสริมให้มีความกล้าหาญ ภายใต้ความรู้สึกสมานฉันท์รวมหมู่

ภาระของเราคือตัดรากเหง้าทุกชนิดที่ส่งเสริมให้การซื้อขายบริการทางเพศดำรง อยู่ต่อไปได้ เราจะต้องต่อสู้ถกเถียงแบบไม่ประนีประนอมกับซากเดนของรูปแบบเก่าๆของปัจเจก นิยมและลักษณะของครอบครัวที่ส่งต่อมาจากโลกใบเก่า ภารกิจของเราคือเปลี่ยนแปลงทัศนะคติของความสัมพันธ์ทางเพศแบบเดิม และสร้างความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ที่อยู่บนพื้นฐานของความสมาฉันท์

ในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะในยุโรป เรากำลังเห็นการโจมตีรัฐสวัสดิการโดยรัฐบาลฝ่ายขวาเสรีนิยมอย่างเป็นระบบ เช่นการตัดการสวัสดิการเด็ก บ้าน สวัสดิการตกงาน พร้อมกับมีการโหมโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับคุณค่าของครอบครัวเพื่อที่รัฐจะได้ สามารถผลักภาระต่างๆให้ปัจเจกรับผิดชอบให้ได้มากที่สุด ข้อเขียนชิ้นนี้ของคอลลอนไท มีอายุเกือบครบ 100 ปี แต่ปัญหาดังกล่าวกลับไม่หายหรือทุเลาลง หนำซ้ำกลับเป็นแหล่งทำกำไรมหาศาล

ข้อถกเถียงเกี่ยวกับปัญหาการขายบริการทางเพศปัจจุบัน 

อุตสาหกรรมทางเพศปัจจุบันมีมูลค่าหลายพันล้านล้านบาท ในปี 2004 ทางสหภาพยุโรปมีการประมาณว่ารายได้จากอุตสาหกรรมนี้น่าจะอยู่ 4,000-7,000 พันล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งธุระกิจดังกล่าวเกี่ยวข้องทั้งในขอบเขตรัฐชาติและระดับสากล ซึ่งสยายปีกปกคลุมไปในหลายๆแขนง TV หนังสือโป๊ หนังโป๊ ที่จำหน่ายตามช่องเคเบิลต่างๆ เซ็กส์โฟน เวปโป๊ คลับเต้นเปลือย อาบอบนวด ฯลฯ ธุระกิจเหล่านี้มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับ กลุ่มมาเฟีย นักการเมือง ตำรวจ แกงค์อันธพาลต่างๆ พวกนี้พร้อมจะใช้ความรุนแรงอย่างเป็นระบบในการบังคับให้ผู้หญิงค้าประเวณี

ในโลกใบนี้ที่ทุกอย่างได้ทำให้กลายเป็นสิ่งของซื้อขาย การเต้นเปลือยกายครั้งหนึ่งมันเคยถือได้ว่าเป็นการกดขี่ผู้หญิง แต่ ณ วันนี้กลับถูกส่งเสริมให้ยอมรับว่าเป็นความบันเทิงทางเลือกภาพพจน์ความผอม และใส่รองเท้าส้นสูงปี๊ดกลายมาเป็นมาตรฐานที่บ่งบอกถึงความสวยฟิตเปี๊ยะของ ร่างกาย ความเชื่อดังกล่าวถูกโหมโฆษณาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายของผู้หญิงถูกไปใช้เพื่อ “ขายสิ้นค้า” ในเกือบททุกชนิด ภาพเปลือยกายของผู้หญิงถูกนำไปติดในพื้นที่สาธารณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเข้าห้างสรรพสินค้า รถไฟ รถโดยสาร ปกนิตยสาร ตามหัวมุมต่างๆ ฯลฯ

ปรากฎการณ์เหล่านี้มันช่วยทำให้เรื่องการถูกเรื่องละเมิดถูกลวนลามถูกข่มเหง ของผู้หญิงกลายเป็นเรื่องธรรมดา เรือนร่างของผู้หญิงที่ถูกทำให้เป็นสินค้าเหล่านี้ผ่านอุตสาหกรรมการค้าเพศ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมกลายมาเป็น ต้นแบบความงามให้กับผู้หญิงโดยทั่วๆไปเช่น ความนิยมในการทำศัลยกรรม ไม่เพียงแต่ใบหน้าร่างกายเท่านั้น ยังลามไปถึงช่องคลอดของผู้หญิงเพื่อให้ฟิตให้ความรู้สึกเหมือนสาวๆ การเปลี่ยนสีผิว หรือให้มีรูปร่างเหมือนนางเอกหนังโป๊หรือ นางแบบเซ็กซี่ที่อยู่บนปกนิตยสารผู้ชายภายใต้ความเชื้อว่าถ้าหากผู้หญิงมี รูปร่างเช่นนั้นจะมีโอกาศถูกรักมากกว่ามีรูปร่างตามธรรมชาติ ความเพี้ยนพิลึกยังไม่จบเพียงแค่นี้

ประเทศทุนนิยมอันดับหนึ่งอย่างอเมริกาเสพติดการศัลยกรรมอย่างหนัก ในแถบทางใต้ ของขวัญที่สามารถที่พ่อแม่ให้แกลูกคือ งบประมาณเพื่อทำศัลยกรรม สำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วก็ต้องท่องว่า “ฉันจะไม่หยุดสวย” “ฉันจะไม่แก่” “ฉันจะคงความฟิตให้นานที่สุด” ฯลฯ ผู้ชายในสหรัฐอเมริกาก็เสพติดศัลยกรรมเช่นเดียวกัน(ไปกันใหญ่!)

อย่างไรก็ตามการที่จะเข้าใจการขายบริการทางเพศและลักษณะของอุตสาหกรรมการค้า เพศนั้น จำเป็นเป็นต้องเข้าใจลักษณะความสัมพันธ์พิเศษของสถาบันครอบครัวภายใต้ระบบ ทุนนิยม (ดูตอนที่ 1-2) และเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศกลายมาเป็นเรื่องซื้อขาย ตลาดได้รุกคืบเข้ามาในพื้นที่ความสัมพันธ์ส่วนตัวของมนุษย์อย่างไม่สมควร ในภาพกว้างของปัญหานี้เราจะต้องจับมันไปวางไว้ในบริบทลักษณะของการขยายตัว ตลอดเวลาของระบบทุนนิยมจนเข้าสู่ศตวรรษที่ 19 และพัฒนาตลอดระยะต่อมาภายใต้คำเรียกหลวมๆ ว่า โลกาภิวัตน์ ในสองช่วงที่สำคัญของการพัฒนาทุนนิยมนี้ ได้ผลักดันให้ผู้หญิงเป็นจำนวนมากเดินทางเข้าสู่เส้นทางนี้ ผู้ชายเองก็เช่นเดียวกันแต่จำนวนอยู่ในปริมาณน้อยอยู่เมื่อเปรียบเทียบสัด ส่วนกับผู้หญิง

คำถามสำหรับคนก้าวหน้าและนักสิทธิสตรี เราควรจะยอมรับการมีอยู่ของอุตสาหกรรมแบบนี้ไหม? สถาบันนี้ทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองหลักกดขี่ผู้หญิงเราสามารถปฏิรูปให้มันดี ขึ้นได้ไหม? นักสหภาพแรงงานควรจะทุ่มเทเพื่อจัดตั้งสหภาพแรงงานในสถานประกอบการแบบนี้ ไหม? สหภาพแรงใหญ่ๆ ของอังกฤษมีการถกเถียงกันอย่างหนักในประเด็นดังกล่าว

ข้อถกเถียงในปัจจุบันครอบคลุมสองประเด็น

งานในอุตสาหกรรมเพศ ถือได้ว่าเป็นงานเหมือนงานที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมอื่นหรือไม่ และผู้ชายที่ไปซื้อบริการควรจะถูกลงโทษ โดยเชื่อว่านี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะลดความต้องการในตลาดการขายบริการ

กลุ่มแรก เสนอว่า การขายบริการทางเพศ นั้นถือว่าได้ว่าเป็นงานเหมือนกับงานโดยทั่วไปในอุตสาหกรรมชนิดอื่นๆ แนวความคิดนี้ถือกำหนดขึ้นในยุค 1970 โดย กลุ่มผู้หญิงบริการทางเพศในประเทศสหรัฐอเมริกา (Cast Off Your Old Tired Ethics = COYOTE)

แนวความคิดนี้เกิดขึ้นมาภายใต้ความคิดที่ว่าภายใต้ระบบทุนนิยมทุกเพศถูกทำ ให้ซื้อขายได้ แรงงานอีโรติกในภาพกว้างก็สามารถเปรียบเทียบได้กับแรงงานชนิดอื่นๆ ที่ถูกซื้อขายในตลาด ผลที่ตามมาของแนวคิดแบบนี้คือ ต่อต้านการเอาผิดกับผู้หญิงที่ขายบริการ และต่อต้านการขจัดการขายบริการทางเพศ บางคนที่สนับสนุนนี้ได้เสนอต่อไปว่า การบริบริการทางเพศเป็นงานที่มีค่าเหนือกว่างานชนิดอื่นๆของผู้หญิง เพราะลักษณะของชั่วโมงทำงาน ความเป็นอิสระ นำตนเอง และ ถือเป็นงานที่สร้างความพึงพอใจ เป็นงานที่สามารถเฉลิมฉลองการแสดงออกทางเพศ ฯลฯ

กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มนักสิทธิสตรีสายสุดขั้ว กลุ่มนี้มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมการค้าเพศ และต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิงทุกชนิด กลุ่มนี้ได้จับมือกับพวกอนุรักษ์นิยใหม่ทำการรณรงค์เพื่อยกเลิกการซื้อขาย บริการทางเพศ และในระยะสั้นเสนอว่าควรจะมีการเอาผิดกับผู้ชายที่มาซื้อบริการทางเพศ ข้อเสนอดังกล่าวมีข้อโต้แย้งมากมายทั้งจากนักกิจกรรมและนักวิชาการ ข้อเสนอดังกล่าวจะเป็นภัยกับผู้หญิงขายบริการ โดยเฉพาะในประเด็นในเรื่องของความปลอดภัย เพราะในรูปมธรรมของข้อเสนอนี้ คือ บังคับให้การขายบริการจะเป็นเรื่องใต้ดิน  ซึ่งการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือหญิงผู้ขายบริการจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก มากยิ่งขึ้น

การท้าทายระบบของขบวนการสิทธิสตรี และความอ่อนแอ

ขบวนการสิทธิสตรีที่เริ่มขึ้นในยุค 1960-1970 ได้เปิดประตูไปสู่ความมีอิสระเสรีมีความคาดหวังที่จะเติมเต็มความสัมพันธ์ ทางเพศอย่างแท้จริง มีการท้าทายระบบที่ผู้หญิงถูกกดขี่ทางเศรษฐกิจ มีการเรียกร้องค่าจ้างที่เท่าเทียมกันระหว่างหญิงชาย การช่วยดูแลเด็กอ่อน 24 ชั่วโมง การเข้าถึงระบบการศึกษา เรียกร้องสิทธิในการควบคุมเนื้อตัวร่างกายของตนเองทั้งในแง่การคุมกำเนิดและ สิทธิในการทำแท้ง ท้าทายความคิดที่จัดประเภทให้ผู้หญิง (ค่านิยมเกี่ยวกับร่างกาย)

อย่างไรก็ตามขบวนการเหล่านี้มีอายุอยู่ไม่นาน ซีกหนึ่งของขบวนการได้เปลี่ยนไปเน้นเรื่อง ความเป็นส่วนตัวและทางเลือกในการดำเนินชีวิต ในขณะที่อีกซีกหนึ่ง ซึ่งเป็นสายสังคมนิยมได้หันไปทำงานร่วมกับพรรคแรงงาน ผลที่ได้ ขบวนการสิทธิสตรีสูญเสียศักยภาพที่จะท้าทายความไม่เสมอภาคทางเพศทั้งในที่ทำ งาน และ ในประเด็นผู้หญิงโดยทั่วไป

จุดจบดังกล่าวของขบวนการสิทธิสตรี พร้อมๆกับที่ตลาดการค้าเพศขยายตัว ได้เปิดทางให้การเหยียดเพศมีโอกาสฟื้นตัวและพัฒนาในรูปแบบใหม่ๆนิตยสาร สำหรับผู้ชายได้ทำให้การเหยียดเพศกลายเป็นเรื่องปกติพร้อมๆกับเป็นเรื่องที่ รับได้ ทั้งอุตสาหกรรมโป๊ และคลับเปลือย ขยายตัวราวกับดอกเห็ด

การขายเรือนร่างให้กับลูกค้าได้แปรรูปของร่างกลายให้เป็นเพียงแค่สิ่งของ กลายเป็นเพียงชิ้นส่วนที่รอให้บางคนเข้ามาใช้ แรงบัลดาลใจทั้งหลายทั้งปวงที่ต้องการเป็นอิสระและถูกเติมเต็ม ถูกค่อยๆลดคุณค่าลงอย่างป่าเถื่อนโดยการทำให้เรื่องเพศกลายเป็นเรื่องซื้อ ขาย ซึ่งลดคุณค่าความเป็นคนของทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแนวความคิดคับแคบล้าหลังปฏิกิริยาที่กดขี่ ผู้หญิง

โปรดติดตามตอนต่อไปเป็นตอนสุดท้าย 


ปัญหาเรื่อง เพศ ความรัก วัฒนธรรม และ ข้อเสนอของฝ่ายซ้าย (ตอนที่ 1)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2013/02/1_15.html 
ปัญหาเรื่อง เพศ ความรัก วัฒนธรรม และ ข้อเสนอของฝ่ายซ้าย (ตอนที่ 2)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2013/03/2.html 

(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2013/04/3.html  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น