หน้าเว็บ

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คดี 2 ศพใต้ด่วนพระราม 4 พ.ค.53 ร่วมกตัญญูเบิกทีมถูกยิงหลังทหารถาม “มึงด้วยใช่ไหม”

คดี 2 ศพใต้ด่วนพระราม 4 พ.ค.53 ร่วมกตัญญูเบิกทีมถูกยิงหลังทหารถาม “มึงด้วยใช่ไหม”




คนเสื้อม่วง หมุนเคว้ง ถูกยิง.mp4
http://www.youtube.com/watch?v=SwKAoYEsSpU&feature=player_embedded

เบิก 2 พยาน ไต่สวนการตาย  2 ศพใต้ทางด่วนพระราม 4 เหยื่อกระสุน 16 พ.ค.53 ร่วมกตัญญู เบิก จนท.ประจำรถถูกยิงหลังทหารตะโดนถาม “มึงด้วยใช่ไหม” เพื่อนผู้ตายยันไม่พบชายชุดดำหรือบุคคลถืออาวุธปืนในที่เกิดเหตุ

10 มิ.ย.56 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ฯ ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรศพ คดีที่พนักงานอัยการ สำนักอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญาใต้ ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตของนายเกียรติคุณ ฉัตร์วีระสกุล อายุ 25 ปี อาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ตายที่ 1  และนายประจวบ ประจวบสุข ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จ การแห่งชาติ (นปช.) ผู้ตายที่ 2 ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณใต้ทางด่วน  ถ.พระราม 4 เมื่อวันที่ 16 พ.ค.53 ช่วงกระชับพื้นที่การชุมนุมของ นปช. โดย ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 


นายธีรภัทร เบิกความต่อศาลว่า ทหารตะโกนถามพยานว่า “มึงด้วยใช่ไหม” ซึ่งขณะนั้นทหารอยู่ห่างจากระยะไม่เกิน 10 ม. จึงตอบกลับไปว่า “ไม่เกี่ยวเป็นพยาบาล” เมื่อพูดจบมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ทะลุกระจกหน้ารถ ส่วนกระจกหลังรถแตกกระจาย จึงหมอบลงกับพื้น  น.ส.มุนินทร์ได้ตะโกนว่านายสรายุทธโดนยิง พยานจึงเปิดประตูข้างรถไปมีเลือดพุ่งออกมาจากมือซ้ายของนายสรายุทธ  จากนั้นปฐมพยาบาลนายสรายุทธแล้วออกรถนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาล  และขับออกจากทางเข้าโรงแรมผ่านทหาร จึงลดกระจกลงแล้วถามทหารว่ายิงทำไม ทหารในกลุ่มที่ใช้ปืนยิงตอบมาว่า “พวกมึงขว้างกูก่อน” จากนั้นจึงรีบขับรถไปโรงพยาบาลจุฬาฯ

แต่นายสรายุทธได้ถูกย้ายจากโรงพยาบาลจุฬาฯ ไปโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเป็นห้องพิเศษในโรงพยาบาล โดยทราบจากนายสรายุทธภายหลังว่าทางทหารต้องการแสดงความรับผิดชอบจึงได้ย้าย มารักษาที่นี่  จากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้นรัฐมนตรีกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบกได้เข้าเยี่ยมนาย สรายุทธเป็นการเฉพาะด้วย ช่วงที่นายสรายทุธรักษาตัวอยู่ พยานอยู่ดูแลอยู่ราว 20 วัน จนกระทั่งออกจากโรงพยาบาล ซึ่งบางวันพยานก็อยู่นอนเฝ้าบางวันก็ไปเยี่ยม หลังจากเกิดเหตุก็ไม่ได้กลับไปปฏิบัติหน้าที่อีกเนื่องจากรถได้รับความเสีย หายและไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำรถ

นายธีรภัทร เบิกความด้วยว่าตอนที่นายสรายุทุธถูกยิงอยู่ในท่าทางมือซ้ายยกชูเหนือศีรษะ ไว้ มือขวากดหัวให้ น.ส.มุนินทร์ก้มหลบเอาไว้ และในรถยังเปิดไฟส่องสว่างเอาไว้ด้วย ลักษณะของคนที่อยู่บริเวณซอยงามดูพลีมีลักษณะเหมือนแอบมองดูไปทางที่ทหาร อยู่  และขณะนั้นไม่มีเหตุทะเลาะวิวาทอะไรในซอย.....

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2013/06/47162 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น