หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ร่างนิรโทษฯ ผ่านชั้น กมธ.แล้ว ด้วยเสียงรับรอง 20 เสียง ชง"ขุนค้อน"ดำเนินการบรรจุวาระต่อไป

ร่างนิรโทษฯ ผ่านชั้น กมธ.แล้ว ด้วยเสียงรับรอง 20 เสียง ชง"ขุนค้อน"ดำเนินการบรรจุวาระต่อไป


 

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ตุลาคม ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นประธาน โดยวาระการพิจารณารายงาน กมธ.ที่ได้มีการศึกษาเป็นนัดสุดท้าย ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม กมธ.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อาทิ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง เป็นต้น ได้ทักท้วงและสอบถามถึงอำนาจของประธาน กมธ.ในการนัดประชุมเพื่อแปรญัตติ วันที่ 24-25 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่าไม่ชอบ โดย นายธนา ชีรวนิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. ทักท้วงว่า ขอตั้งข้อซักถามว่าในวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา นายสามารถรีบเร่งให้ปิดการแปรญัติ เพราะมีวัตถุประสงค์เพื่อรับรองรายงานในเช้าวันที่ 28 ตุลาคม และเสนอลักไก่ต่อประธานสภา ในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ใช่หรือไม่ และขออนุญาตให้บันทึกการประชุมด้วยว่า มีการปิดประชุมโดยไม่ชอบ เพราะเป็นการตัดสิทธิของ ส.ส.ผู้แปรญัตต

นายสามารถชี้แจงว่า หนังสือขอเชิญประชุมชี้แจงแปรญัตติชัดเจนว่านัด 2 วัน คือวันที่ 24-25 ตุลาคม ดังนั้น เมื่อครบสองวันในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 25 ตุลาคม ตนก็ปฏิบัติตาม เราต้องบริหารจัดการสมาชิกเอง ทราบว่ามีเวลาเพียง 2 วัน ดังนั้น ต้องชี้แจงให้เต็มที่ เมื่อครบกำหนดประธานก็ปฏิบัติตาม ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.สำคัญๆ ที่ผ่านมาก็ใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนรับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำไป

จากนั้น นายวิรัชกล่าวว่า ภายหลังจากที่มีการแปรญัตติเสร็จสิ้น มีกลุ่มคนเสื้อแดงไปพบนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ รองประธาน กมธ. คนที่ 1 ว่ามีผู้ใดจะได้รับประโยชน์จากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนี้บ้าง โดยในตอนท้ายรายงานข่าวแจ้งว่า นายประยุทธ์ใช้คำว่าพวกเปรตทั้งหลาย ตนจึงต้องการให้นายประยุทธ์ชี้แจงว่า สุดท้ายเปรตอะไรที่ได้รับอานิสงส์ ด้านนายประยุทธ์ชี้แจงว่า ตนบอกว่าคนที่ได้รับประโยชน์ คือ 1.ประชาชน 2.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ 3.พวกได้รับส่วนบุญ แต่มีเสียงจากคนข้างหลังตะโกนว่า พวกเปรตก็ได้รับอานิสงส์ด้วย

ที่ประชุมจึงเข้าสู่วาระ 2 เพื่อรับรองระเบียบวาระการประชุม นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง และนายอรรถวิชญ์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. ปชป. พยายามซักถามนายประยุทธ์ในฐานะที่เป็นผู้แก้ไขร่างว่า องค์กรที่จัดตั้งขึ้นคือคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหาย แก่รัฐ (คตส.) อย่างเดียวใช่หรือไม่ รวมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยหรือไม่ ขอให้ยืนยันอีกครั้ง เพราะนายประยุทธ์เป็นผู้ใหญ่ อยากให้ยืนยันชัดเจนถึงเจตนารมณ์ 

ด้านนายสามารถชี้แจงว่า หมายถึง คตส.และสืบเนื่องไป ตามที่ระบุว่า "รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่สืบเนื่องต่อมา" ซึ่งก็ชัดเจนอยู่แล้วในมาตรา 3 อีกทั้งนายนิพนธ์ ฮะกิมี รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะ กมธ. ก็ชี้แจงในประเด็นนี้ไปแล้ว และร่างนี้ก็ไม่ใช่ร่างของนายประยุทธ์เพียงคนเดียว เพราะได้ผ่านการเห็นชอบจากคณะ กมธ.เสียงข้างมาก ดังนั้น นายประยุทธ์จึงไม่จำเป็นต้องตอบ       

ต่อมา เวลา 12.00 น. ที่ประชุมมีมติเห็นควรรับรองรายงาน กมธ. 20 เสียง และไม่เห็นควรรับรองรายงาน กมธ. 7 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง จากนั้น นายสามารถชี้แจงว่าเสร็จสิ้นการประชุมแล้ว จากนี้ไปก็หน้าที่ของฝ่ายเลขาฯ ที่จะสรุปการประชุมส่งไปยังนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา เพื่อบรรจุเป็นวาระการประชุมเพื่อพิจารณาอภิปรายในวาระที่ 2 ต่อไป และสั่งปิดการประชุมทันที

(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1382948902&grpid=00&catid=&subcatid=

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น